วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรื่องย่อละคร แม่ศรีไพร


ในค่ำคืนที่บรรยากาศของการฉลองงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ ประจัน (เอก รังสิโรจน์) นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของโรงโม่หินรายใหญ่ในภาคเหนือ กำลังดื่มฉลองคืนวิวาห์ของเขาอย่างมีความสุข ในขณะที่ ก้อนทอง (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) เจ้าสาวของเขา กลับเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องเพียงลำพัง เพราะความเศร้าใจที่ถูก ละม้าย (ดวงดาว จารุจินดา) ผู้เป็นแม่บังคับให้แต่งงาน แต่แล้วบรรยากาศของการฉลองก็ต้องจบลง โดยที่ประจัน ไม่ทันตั้งตัว เมื่อ อินทร (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) แอบบุกเข้าไปฉุดก้อนทองออกมาจากเรือนหอ โดยมีลูกน้องคู่ใจ ส่างพลอ (นวพล ภูวดล) กับ พ่อบุญมี ช้างพลายตัวโตที่ตีฝ่าเข้ามารับตัวอินทร กับ ก้อนท้อง หนีไปในความมืด ประจันโกรธแค้นสุดขีด ออกตามล่าหาตัวคนร้ายที่มาหยามศักดิ์ศรีฉุดเอาเจ้าสาวของเข้าไป ในขณะที่ ก้อนทอง รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนหลังช้างในป่าลึก ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายวันในการเดินทาง เธอยังถูกอินทร ชายหนุ่มหนวดเครารุงรัง พูดจาถากถาง และ กลั่นแกล้งตลอดเวลา โดยที่เธอไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไมอินทรต้องจับตัวเธอมากักขังเธอไว้ที่หมู่บ้าน“พะโส” หมู่บ้านกระเหรี่ยงกลางหุบเขาลึกที่ใครยากจะเดินทางมาถึง ก้อนทอง กลายเป็นคนที่ใครๆ ต่างให้ความสนใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนของ “พ่ออินทร” เว้นแต่ เหมยเจียง (อรวรรษา ฐานวิเศษ) สาวดาวยั่วประจำหมู่บานที่หลงรักอินทร จึงพยายามวางแผนหาทางกลั่นแกล้ง และ กำจัดก้อนทอง ให้ออกไปจากหมู่บ้าน แต่ก็ถูก อาละแต (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) สาวสวยจิตใจงามที่ อินทร ไว้วางใจให้คอยดูแลก้อนทอง คอยช่วยเหลือไว้ได้ทันเวลา หลายครั้งที่ก้อนทอง อดคิดไม่ได้ว่าทำไม ชาวบ้านจึงรัก และ นับถืออินทรเยี่ยงพ่อ และเวลาก็เฉลยคำตอบให้ ก้อนทองรู้ว่า เพราะอินทร เป็นคนที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านทุกคน ทั้งเรื่องการเกษตร ยารักษาโรค และ สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ทำให้หญิงสาวคิดได้ทันทีว่า อินทร ต้องไม่ใช่คนป่าธรรมดาแน่นอน ช่วงเวลาที่ก้อนทองได้ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน ทำให้เธอได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ มากมาย ความสัมพันธ์ของอินทร กับ ก้อนทองงอกงามขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และตอนนี้หญิงสาวก็ลืมชีวิตในเมืองไปสนิท ยิ่งทั้งสองคนช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน ชาวบ้านก็ยิ่งรัก และ เอ็นดูเขาทั้งคู่ ทำให้ พะส่วย ( บอย-สิทธิชัย AF3 ) ไอ้หนุ่มจอมเกเร ที่ทะเยอทะยานอยากจะเป็นผู้นำหมู่บ้าน เกิดไม่พอใจ หนำซ้ำยังก่อเรื่องเลวร้ายฉุดเอาตัว มะสะยอง (แมงปอ ชลธิชา) ไปขืนใจ พร้อมกับฆ่า ปาโจ (นพพล โล่พิทักษ์กุล) คนรักของมะสะยองตาย อินทรโกรธมาก แต่ไม่ต้องการให้เลือดชั่วของพะส่วย เปื้อนแผ่นดิน จึงออกคำสั่งเนรเทศพะส่วยออกจากหมู่บ้านไป พะส่วยแค้นจัด ประกาศจะกลับมาล้างแค้น และ เป็นผู้นำหมู่บ้านนี้ให้ได้

ประจันกับพวกยังคงออกเดินทางไปในป่าลึก โดยมีพรานด้วง คอยนำทางให้ ในคืนหนึ่ง ประจัน จับพวกของพะส่วย ที่ตอนนี้กลายมาเป็นโจรป่าได้ พะส่วยยอมจำนน พร้อมขอแลกชีวิตด้วยการพาประจันไปรับก้อนทอง ออกมาจากหมู่บ้านพะโส

ก้อนทอง ตัดสินใจถามถึงสาเหตุที่อินทร จับตัวเธอมา อินทรได้ฟังก็มีอาการเศร้าลงทันที พร้อมบอกความหลังที่แสนเจ็บปวดว่า เขาเคยเข้าพิธีวิวาห์กับคนรักที่ชื่อทับทิม แต่ก่อนจะเข้าเรือนหอ คนรักของเขากลับถูกประจันข่มขืน ตัวเขาเองต้องกลายมาเป็นฆาตกรฆ่าคนรักของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว และต้องระหกระเหินมาเป็นชาวป่าอยู่จนทุกวันนี้ เรื่องราวที่ได้ยินทำให้ก้อนทองสงสารอินทรจับจับ

แล้วก็มาถึงวันที่ประจันบุกมาที่หมู่บ้านพะโส อินทรสั่งไม่ให้ทุกคนต่อสู้ เพราะเขารู้ดีว่าประจันมาเพื่ออะไร เขาจึงพาก้อนทองหนีไปอยู่ที่หุบสาบ หุบเขาแห่งความตายที่ไม่มีใครกล้าก้าวเข้ามา ประจันโมโหมาก ที่ชาวบ้านไม่ยอมเอ่ยปากบอกความจริง ประจันเผาบ้านไปหลายหลังด้วยความโมโห ขณะที่ชาวบ้านต่างประจานพะส่วย ที่ทำตัวเป็นไส้ศึก

ประจันใช้หมู่บ้านพะโส เป็นฐานที่มั่นในการตามล่าตัวอินทร และทำให้ประจันได้พบกับอาละแต ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้ากับการจากไปของอินทร ความเป็นคนดีของอาละแต ทำให้ประจันเกิดความรู้สึกชื่นชมในตัวหญิงสาวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

ในหุบสาง... ความลำบากทำให้อินทร และ ก้อนทองรักกันมากขึ้น ในขณะที่อินทรกำลังจะบอกรักก้อนทอง ประจันก็บุกเข้ามาถึงที่ซ้อนของเขาได้ในที่สุด ประจันถึงกับต้องตะลึง เมื่อได้เห็นหน้าอินทร ทั้งสองคนตรงเข้าต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผยว่า แท้จริงแล้ว อินทร
ก็คือ ประเจษ น้องชายแท้ๆ ของประจันที่หายตัวไปอย่างลึกลับนั่นเอง!!

เรื่องราวรัก และ ความแค้นของสองพี่น้องจะจบลงอย่างไร? ตามลุ้นกันได้ในละคร “แม่ศรีไพร” ออกอากาศทุกวันจันทร์-อาทิตย์ ก่อนข่าวภาคค่ำ ทางช่อง 7 สี เร็วๆ นี้



บทประพันธ์ : วิจิตร คุณาวุฒิ
บทโทรทัศน์ : ปณธี
กำกับการแสดง : ชัยวุฒิ เทพวงศ์
ผู้ผลิต : นพพรโปรโมชั่น แอนด์ พิคเจอร์
ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ - อาทิตย์ เวลา 18.45 น. ทางช่อง 7 สี

นักแสดง
1 อัษฎาวุธ เหลือสนุทร >>> อินทร
2 จีรนันท์ มะโนแจ่ม >>> ก้อนทอง
3 รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง >>> ประจัน
4 นวพล ภูวดล >>> ส่างพอล
5 อรวรรษา ฐานวิเศษ >>> เหมยเจียง
6 แมงปอ ชลธิชา >>> มะสะยอง
7 สิทธิชัย ผาบชมภู >>> พะส่วย
8 นกน้อย บริพันธ์ >>> พรานเจนจัด
9 โอบะ เสียงเหน่อ >>> หมิ่นเหม่
10 สุเทพ สีใส >>> จิ้งโหน่ง
11 เก่ง ผีน้อย >>> จิ้งหน่อง
12 หนุงหนิง สิงหราช >>> บุญถึง
13 ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว >>> อาละแต
14 ดวงดาว จารุจินดา >>> ละม้าย
15 แดน บุรีรัมย์ >>> หมอผี
16 นพพล พิ
Read more »

เรื่องย่อละคร วนิดา


พันตรี ประจักษ์ มหศักดิ์ (เจษฎาภรณ์ ผลดี) ถูกเชื้อเชิญจากเสด็จในวังให้ลงแข่งกีฬาขี่ม้าโปโล เพื่อให้ราชนิกูลชั้นสูงได้มาแข่งขันประลองกำลัง ฝีมือในการขี่ม้าโปโลของประจักษ์เป็นที่โจษจันไปทั่วว่าเก่งเพราะเขาเป็นถึงหัวหน้าทหารม้ารักษาพระองค์ พิสมัย (รินลณี ศรีเพ็ญ) ว่าที่คู่หมั้นของประจักษ์ และเป็นคุณข้าหลวงของเสด็จ ภูมิใจในตัวประจักษ์ยิ่งนัก ซ้ำยังชอบโอ้อวดว่าเธอกับประจักษ์จะแต่งงานกันในเร็ววันนี้

อีกด้านหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น วนิดา วงศ์วิบูลย์ (ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) กำลังหัดขับรถเป็นครั้งแรก เธอชวนเพื่อนซี้อย่าง สุมาลี(สิรีอัญ สิริไพศาลเอก) และ กัลยา(ธนีญา กิติธรรมนุภาพ) มาเป็นเพื่อนนั่งรถ สองสาวกลัวสุดขีดกรี๊ดกร๊าดไปตลอดทาง ทำเอาวนิดาสะดุ้งเป็นระยะๆ พาจะเฉี่ยว ชน หลายรอบ ทันใดนั้นมีรถสวนออกมา วนิดาไม่เห็นเลยชนเข้าให้อย่างจัง และเจ้าของรถที่วนิดาชนก็คือ ประจักษ์ มหศักดิ์

วนิดาหน้าเสียแต่ไม่ยอมรับผิด ทำให้ประจักษ์ไม่พอใจ และไม่ถูกชะตาวนิดาอย่างแรง !! (เพราะเข้าใจว่าผู้หญิงอย่างวนิดา เอะอะก็คงใช้เงินในการแก้ปัญหา) วนิดาหวังว่าจะไม่เจอผู้ชายคนนี้อีก แต่ผิดคาด วนิดากับประจักษ์มาพบกันอีกทีในสนามม้า วนิดากำลังขี่ม้าข้ามสิ่งกีดขวาง ดูสง่างาม มนตรี (พิษณุ นิ่มสกุล) เพื่อนสนิทกับประจักษ์ถึงกับอึ้งกิมกี่ เกิดความประทับใจ แต่ประจักษ์กลับไม่ชอบในความกล้าหาญ และ ก๋ากั่นของเธอ

วนิดาเป็นสาววัยแรกรุ่นเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ความสวยของเธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ แต่ไม่มีหนุ่มไหนที่สามารถเอาชนะใจเธอกับ นายดาว วงศ์วิบูลย์ (มนตรี เจนอักษร) พ่อของเธอไปได้ หนุ่มแต่ล่ะคนที่เข้ามาไม่ได้รักที่ตัววนิดา หากแต่รักที่เงิน ทำให้นายดาวกีดกันทุกวิถีทาง และกลัวเหลือเกินว่าลูกสาวจะเลือกคู่ผิด นายดาวจึงตัดสินใจที่จะหาสามีให้วนิดา และเมื่อเปิดค้นรายชื่อบรรดาลูกหนี้มากมายของเค้า เค้าก็สะดุดตากับคนๆ หนึ่งเข้า เค้าก็คือ ประจวบ มหศักดิ์ (สรวิชญ์ สุบุญ) น้องชายของประจักษ์นั่นเอง

นายดาว วงศ์วิบูลย์เรียกประจวบมาหาที่บ้าน พร้อมยื่นข้อเสนอว่าจะยกหนี้ทั้งหมดให้ ถ้าประจวบยอมแต่งงานกับวนิดา ดาวต้องการให้วนิดาได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้รากมากดีตระกูลดังอย่าง “มหศักดิ์” ประจวบไม่ยอม นายดาวขู่ว่าถ้าประจวบไม่ตกลงแต่งงานกับลูกสาวของตน ก็จะฟ้องศาล เล่นงานให้ชื่อเสียงของมหศักดิ์ย่อยยับป่นปี้ทันทีที่เรื่องนี้รู้ถึงหูของคุณนายน้อม มหศักดิ์ (ดวงตา ตุงคะมณี) ลมก็แทบจับ เพราะเธอเกลียดตระกูลนี้หยั่งกับอะไรดี เรื่องเกิดมาตั้งแต่สมัยที่ มณฑา (เดือนเต็ม สาลิตุล)ย่าของวนิดา ผู้เป็นภรรยาสุดที่รักของพระยามหศักดิ์ธำรง (สุเชาว์ พงษ์วิไล) มณฑาเป็นกุลสตรีไทยที่เพียบพร้อม เป็นที่รักใคร่ของพระยามหศักดิ์ธำรงและคนอื่นๆ คุณนายน้อมอิจฉา จึงสร้างเรื่องโกหกว่ามณฑามีชู้ ทำให้พระยามหศักดิ์ธำรงค์โกรธ จึงขับไล่มณฑาออกจากบ้านมหศักดิ์ตัดขาดจากกัน มณฑาต้องไปอาศัยอยู่กับน้องชายซึ่งก็คือนายดาว

คุณนายน้อมยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่ขอร่วมวงพงศ์ไพรกับตระกูลวงศ์วิบูลย์เด็ดขาด และขอให้ประจักษ์ช่วย แต่น้องสร้างหนี้ไว้มากมาย จนประจักษ์ไม่อาจช่วยเหลือได้ ประจวบไม่อยากแต่งงาน เพราะมีคนรักอยู่แล้วคือ ปราณี (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) ประจวบตัดสินใจลาออกจากราชการ และ หนีลงใต้เพื่อไปหาเงินมาใช้หนี้ แต่นายดาวไม่ยอม ในเมื่อน้องชายหายตัวไป ก็ต้องให้พี่ชายอย่างประจักษ์แต่งงานกับวนิดาแทน ประจักษ์ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่คุณนายน้อมเองที่กลัวชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย จึงเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายยอมแต่งงาน เพื่อแก้ปัญหาไปก่อน ระหว่างที่รอประจวบหาเงินมาใช้หนี้ ประจักษ์จึงต้องเสียสละตัวเองเพื่อรักษาภาพพจน์ของตระกูลโดยการแต่งงานกับวนิดา

ด้านวนิดา...ทันทีที่รู้ข่าวจากนายดาวผู้เป็นพ่อก็เกิดอาการไม่พอใจ นายดาวพยายามเกลี้ยกล่อมและบอกว่าประจักษ์ชอบพอในตัววนิดาจึงให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอ นายดาวบรรยายสรรพคุณของประจักษ์เสียจนดีเลิศ วนิดาโดนหว่านล้อมจนต้องตอบตกลงที่จะแต่งงานกับประจักษ์ ประจักษ์บอกข่าวนี้ให้กับพิสมัยว่าที่คู่หมั้นให้รับรู้ ทันทีที่พิสมัยรู้ก็ถึงกับหัวฟาดหัวเหวี่ยงไม่พอใจ และรู้สึกเสียหน้า เพราะใครๆ ก็รู้ว่าว่าที่ภรรยาของประจักษ์ในอนาคตคือเธอ ประจักษ์พยายามพูดโน้มน้าว ปลอบโยน และให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าประจวบหาเงินมาใช้หนี้นายดาวหมดเมื่อไหร่ จะหย่ากับวนิดาทันที

ประจักษ์มาพบกับนายดาวอีกครั้งเพื่อตกลงกันก่อนที่พิธีแต่งงานจะถูกจัดขึ้น สิ่งที่นายดาวต้องการจากประจักษ์ก็คือ.....(1) ประจักษ์ต้องยินยอมให้วนิดาใช้นามสกุลมหศักดิ์ (2) ถ้ามีการหย่าร้างเกิดขึ้นระหว่างที่ประจวบยังใช้หนี้ไม่ครบ นายดาวมีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อศาลได้ทันที ประจักษ์ตกลง ก่อนจะที่บอกความต้องการของตัวเองกลับไปเช่นกัน (1) เมื่อประจวบหาเงินมาใช้หนี้นายดาวจนครบ เค้าจะหย่าขาดกับเธอทันที (2) เค้าจะไม่ล่วงเกินวนิดา เค้ากับวนิดาจะแยกห้องนอนกัน (3) ไม่มีการจัดงานแต่งงานใหญ่โต ประกาศให้คนรู้ จะเลี้ยงกันแค่คนในครอบครัวเท่านั้น นายดาวตอบตกลงเช่นกัน ก่อนจะให้ประจักษ์ลงนามในสัญญาเอาไว้เป็นหลักฐาน

ในที่สุดวันแต่งงานก็มาถึง งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย วนิดาแต่งกายด้วยชุดไทยเดินลงมา ทันทีที่ทั้งสองคนเจอหน้ากันก็แทบช็อค เพราะจำกันได้ว่าเคยเจอกันมาก่อน วนิดาเหวี่ยงใส่นายดาวทันทีจะยกเลิกงานแต่งงาน นายดาวจึงขอร้องให้ประจักษ์ไปปรับความเข้าใจกับวนิดาและขอโทษเรื่องที่ผ่านมา ประจักษ์จะไม่ยอม แต่พอโดนขู่เรื่องสัญญาก็ต้องจำยอม วนิดายอมเข้าพิธีแต่งงานต่อ

พิธีเสร็จประจักษ์จะพาวนิดากลับบ้านมหศักดิ์ ประจักษ์พอแต่งงานเสร็จ ก็หนีหน้าวนิดา ออกไปทำงานตลอด ทำให้วนิดาโมโหมาก เพราะไม่รู้เหตุผลของการแต่งงานครั้งนี้ หลังจากวันนั้น วนิดากับประจักษ์ ก็เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมา ต่างไม่มีใครยอมใคร คุณนายน้อมกับพิสมัยกลับมาบ้านมหศักดิ์ ก็หาเรื่องกลั่นแกล้งวนิดา แต่เธอก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน ทำให้คนกลางอย่างประจักษ์ต้องคอยห้ามทัพตลอด สุดท้ายประจักษ์ตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านพักทหารกับวนิดา วนิดาไม่ได้รู้สึกเหงาอะไร สนุกกับการทำบ้าน ทำสวน ปลูกผักผลไม้ ประจักษ์เริ่มเห็นความดีของวนิดาหลายๆอย่าง วนิดาได้ไปรู้จักกับสองพี่น้องที่ปลูกบ้านอยู่ในสวนหลังบ้านมหศักดิ์ คือ อำพัน (ศิระ แพทย์รัตน์) กับ อำไพ (พริมรตา เดชอุดม) แม่ของสองพี่น้องเคยเป็นคนรับใช้ของมณฑามาก่อน ทำให้ทั้งสองคนเข้ากับวนิดาได้ง่าย อำพันกับอำไพ รู้จักประวัติของบ้านมหศักดิ์เป็นอย่างดี และรู้ด้วยว่ามณฑาถูกกล่าวหาว่ามีชู้ วนิดาให้อำไพเล่าเรื่องสมัยที่ย่าเธออยู่ที่นี่ให้ฟัง ระหว่างที่ประจักษ์ไปทำงาน วนิดามักมาอยู่กับอำพัน อำไพที่บ้านสวน น้อมเห็นเข้าก็รีบใส่ไฟให้ประจักษ์ฟัง สร้างเรื่องว่าวนิดามีชู้ สนิทสนมกับอำพันจนเกินงาม ประจักษ์ไม่เชื่อ แต่ก็หึงที่วนิดาไปสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น ประจักษ์แสดงความเป็นเจ้าของวนิดามากขึ้น และเริ่มชวนวนิดาออกไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ตามประสาสามี ภรรยา ทำให้วนิดาแปลกใจ แต่ป้าทอง จวง ไปล่ชอบใจ เพราะอยากให้วนิดากับประจักษ์รักชอบพอกันจริงๆ

อำพันต้องไปสัมมนาที่ชะอำ จึงชวนอำไพกับวนิดาไปด้วย วนิดาอยากไปอยู่แล้วเลยจะไปบอกประจักษ์ แต่กลับเห็นประจักษ์อยู่กับพิสมัยท่าทางเหมือนสวีทกันอยู่ วนิดาไม่พอใจ เลยเขียนจดหมายเสียบไว้ที่ประตู ก่อนจะ
ออกไปกับอำไพแต่เช้า น้อมเห็นจดหมายของวนิดาเข้าเลยแอบขโมยมาเก็บไว้ ทำให้ประจักษ์เข้าใจวนิดาผิด และรีบตามวนิดาไปชะอำ น้อมกับพิสมัยห้ามก็ไม่ฟัง

ประจักษ์มาถึงชะอำ จะลากวนิดากลับบ้าน แต่วนิดาไม่ยอมกลับ ประจักษ์เลยตัดสินใจค้างคืนด้วย ห้องพักมีอยู่แค่ห้องเดียวทำให้ทั้งสองคนต้องนอนห้องเดียวกัน ท่ามกลางความอึดอัดสุดๆ วนิดาแอบหนีไปขี่ม้าคนเดียว ประจักษ์ตามไป วนิดาเร่งหนีประจักษ์ทำให้ตัวเองตกม้า ม้าวิ่งหนี วนิดาหาทางกลับบ้านพักไม่เจอ วนิดาหลงทาง ประจักษ์เป็นห่วงวนิดาสุดๆ เขาไม่สนใจฟ้าฝนที่กำลังจะตกหนัก ขี่ม้าตามหาวนิดาจนต้นไม้หล่นทับเป็นไข้ วนิดาตามจนเจอพากลับมาดูแลรักษา ประจักษ์รู้สึกดีที่วนิดาห่วงใยดูแล ประจักษ์รู้หัวใจของตัวเอง ด้านพิสมัยก็คอยแกล้งและใส่ร้ายวนิดาจนประจักษ์เริ่มเห็นธาตุแท้ของอดีตคนรัก วนิดากับประจักษ์เริ่มเปิดใจให้กัน จนน้อมทนไม่ไหว เลยวางแผนคิดจะรวบหัวรวบหางลูกชายให้พิสมัยในงานวันเกิดครบรอบ 60 ปีของตัวเอง น้อมรู้นิสัยของประจักษ์ดีว่าถ้าเกิดเรื่องไม่งามขึ้น ก็พร้อมจะรับผิดชอบ

เรื่องราวความรักของ ประจักษ์ กับ วนิดา จะฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาและลงเอยกันได้อย่างไร ติดตามชมได้ในละคร “วนิดา” ทางช่อง 3...



บทประพันธ์ : -
บทโทรทัศน์ : -
กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ออกอากาศทุกวัน : จันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

นักแสดง
เจษฎาภรณ์ ผลดี >>> พันตรีประจักษ์ มหศักดิ์
ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ >>> วนิดา วงศ์วิบูลย์
รินลณี ศรีเพ็ญ >>> พิสมัย
พิษณุ นิ่มสกุล >>> มนตรี
สรวิชญ์ สุบุญ >>> ประจวบ มหศักดิ์
ดวงตา ตุงคะมณี >>> คุณนายน้อม มหศักดิ์
มนตรี เจนอักษร >>> นายดาว
พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ >>> ปราณี
อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ >>> นางทอง
เบญจพล เชยอรุณ >>> นายไปล่
พรรษชล สุปรีย์ >>> ชุมศรี
ศิระ แพทย์รัตน์ >>> อำพันธ์
พริมรตา เดชอุดม >>> อำไพ
Read more »

เรื่องย่อละคร เพลงรักริมขอบฟ้า


นีรา (ณปภา ตันตระกูล) นักร้องซูปเปอร์สตาร์ของค่ายเพลินเรคครอร์ด ขึ้นโชว์คอนเสิร์ตโดยมี กิดาการ (พรชิตา ณ สงขลา) ลูกพี่ลูกน้องของนีราได้มาชมคอนเสิร์ตพร้อมกับ ญาณี แม่ของนีรา
โดยหารู้ไม่ว่าหลังเวทีนั้นนีราถูกนักข่าวตามสัมภาษณ์เรื่องข่าวฉาวว่าเธอท้อง หลังจากคอนเสิร์ตมีการเปิดแถลงข่าว นีราประกาศว่ากำลังจะแต่งงานกับ เบน (วรินทร ปัญหกาญจน์) ลูกของ ชาร์ล็อต เมียคนสุดท้ายของ บัณทิต ผู้ก่อตั้งเพลินเรคคอร์ด เจ้าของค่ายที่นีราสังกัดอยู่ ซึ่งเบน เป็นน้องชายต่างมารดาของ บรม (มนตรี เจนอักษร) ซึ่งเป็นลูกเมียหลวงคือ เพลิน นีราถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์โดยมี อัญชลี (เบญจศิริ วัฒนา) ผู้จัดการของบริษัทดูแลอยู่ นักข่าวถามว่าท้องก่อนแต่งหรือเปล่า แต่นีราปฎิเสธ เบนเดินออกมาด้านนอกโดยมีกิดาการดักรอถามว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่ เบนย้อนไปว่าแต่งทำไม ทำให้กิดาการเกลียดขี้หน้าของเบนขึ้นมาทันที เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนที่ไม่รับผิดชอบลูกของในท้องของนีรา ทั้งคู่เถียงกันจน บรรณ (อภินันท์ ประเสริฐวัฒนะกุล)บรรณาธิการนิตยสารบันเทิง บุริม (พิษณุ นิ่มสกุล)โปรดิวเซอร์รุ่นเก๋า และ บัวบุษบา (อภิสรา ฉวีวงษ์) ครูสอนร้องเพลงทั้งสามคนเป็นลูกของ ทิพย์ เมียคนที่สองของบัณฑิต ต้องเข้ามาห้ามโดยมี แจ็ด(ปณิตา พัฒนาหิรัญ) พีอาร์สาวสวยที่แอบหลงรักเบนคาบข่าวไปบอกนักข่าว บรมถือว่าตัวเองเป็นลูกเมียหลวงและเป็นพี่ชายคนโต จึงมักข่มขู่น้องคนอื่นๆให้อยู่ใต้อาณัติเสมอ และเขายังเป็นผู้กุมบังเหียนเพลินเรคคอร์ดอีกด้วย

บรมบังคับเบนพานีรามาอยู่ที่บ้านเพื่อกลบข่าวฉาวระหว่าง นีรากับ ดวงฤทธิ์ (โชคชัย บุญวรเมธี)หรือ ด้วง นักร้องค่ายคู่แข่ง นีราขอร้องให้กิดาการไปอยู่กับเธอด้วย หลังจากนั้นญาณีก็ไปอเมริกาทันที ขณะที่นีราย้ายเข้ามาในบ้านของเบน เขาเองก็หลบหนีการที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับนีราโดยการไปต่างประเทศ ทำให้กิดาการมีอคติกับเขามากขึ้น และเธอยังต้องคอยรับมือกับนักข่าวรวมทั้งจัดระเบียบเพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นแม่ให้นีรา ซึ่งเธอไม่สนใจและยังสนุกกับการรับมือนักข่าวเพื่อเพิ่มความดังให้ตัวเอง

บัวมาเตือนนีราว่าบรมเจ้าเล่ห์และให้เธอกลับไปอยู่บ้านของตัวเอง แต่นีราไม่ฟัง บี (ฐากูร การทิพย์) ลูกชายคนเดียวของบรมกลับมาจากเมืองนอก และกำลังจะได้ออกอัลบั้ม บรมระดมนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มือดีมาดูแล ซึ่งบุริมก็ได้รับมอบหมายให้เป็นโปรดิวเซอร์ แต่ด้วยความเอาแต่ใจของบี ทำให้บุริมต้องหนักใจ เบนกลับมาก็เจอนีรายังไม่ออกจากบ้าน คราวนี้เบนไล่นีรา อย่างโมโห กิดาการต่อว่าเบนไม่สนใจใยดีนีราเลย เบนเลยพูดว่าไม่รู้อะไรอย่ามาพูด นีรารู้สึกเบื่อเลยนัดเจอ จอย (จีรนันท์ ปรีดากุล) และ โอม (สุดที่รัก บำรุงญาติ) เพื่อนของเธอไปเที่ยวกลางคืน นีราดื่มจนเมามายโดยไม่สนใจลูกในท้องของเธอจนไปพบด้วง ซึ่งจอยและโอมนัดมาเหมือนกัน พอดีนักข่าวเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จึงตามทั้งคู่ไปถ่ายรูปแต่นีรากับด้วงหนีไปหลบอยู่ในห้องเก็บของ บรรยากาศเป็นใจทั้งคู่จูบกัน โดยที่ด้วงแอบถ่ายคลิปไว้ด้วย กิดาการออกตามหานีราจึงรู้ว่านีราอยู่ที่ผับ เธอตามหานีราจนเจอแล้วพากลับบ้าน วันต่อมานีราแอบหนีไปหาด้วงที่คอนโด ทั้งคู่เกือบจะมีสัมพันธ์กันแต่นีรายับยั้งทัน ด้วงเลยรู้ว่านีรากำลังท้อง นีราเลยบอกกับด้วงว่าเขาไม่ได้รักเบน แถมท้าให้ด้วงพิสูจน์โดยใช้มือถือถ่ายรูปที่หอมแก้มกันเก็บไว้ นีราตามเบนออกไปทำงานในขณะเดียวกันบีก็มาหาเบนเพื่อให้ช่วยวิจารณ์เพลง เบนก็ถามว่าบีเป็นพ่อของเด็กในท้องของนีราหรือเปล่า บีไม่ยอมรับ เพราะนีรานอนกับคนทั่ววงการแล้ว และบียังบอกว่าพ่อของเขาทำเกินเหตุที่ให้เบนมารับผิดชอบแค่ให้นีราไปทำแท้งก็พอแล้ว ทำให้เบนผิดหวังในตัวของบีมาก นีราแสดงความเป็นเจ้าของเบนทำให้แจ็ดไม่พอใจทั้งคู่จึงทะเลาะตบตีกัน เบนทนไม่ไหวจึงบอกกิดาการให้พานีราออกจากบ้านไป ซึ่งนีราทำอย่างนั้นจริงๆ ทั้งคู่จึงต้องช่วยกันตามหาแต่นีรายื่นเงื่อนไขว่าเบนต้องไม่รังเกียจเธออีก เพราะต้องการให้สื่อเห็นว่าทั้งคู่รักกันจริง เบนทำตามแต่กิดาการกลับรู้สึกเจ็บปวดแต่ก็หักห้ามความรู้สึกนั้น

แจ็คให้ข่าวว่านีราตบเธอ จนเป็นข่าวหน้าหนึ่ง อัญชลีออกมาแก้ข่าวให้ ด้วงเอาคลิปมาโชว์ เฮียเชษฐ์ (โอลิเวอร์ บีเวอร์) ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายเพลงอาละดินคู่แข่งของเพลินเรคคอร์ด เฮียเชษฐ์จึงสั่งให้คนไปปล่อยคลิปเพื่อทำลายชื่อเสียงของนีรา กิดาการกลับต่อว่าเบนที่ไม่สนใจปล่อยให้นีราเหงาจนต้องไปคบด้วง ทั้งสองเถียงกัน จนเบนโมโหจูบกิดาการ เธอตบหน้าเบนและด่าเขาว่าเป็นพวกฉวยโอกาส เบนตามง้อกิดาการว่าถึงอย่างไรเขาจะไม่มีทางแต่งงานกับนีรา เพราะเขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องจริงๆ ทั้งสองจึงปรับความเข้าใจกันจนความสัมพันธ์ดีขึ้น เบนขอให้กิดาการกลับเข้ามาอยู่ในบ้านอีกครั้งเพื่อดูแลนีรา กิดาการตอบตกลงเพราะอีกใจก็เป็นห่วงนีราเหมือนกัน นีรากลัวเธอจะเสียเปรียบเพราะถ้าคลอดเด็กออกมาเธอก็จะเรียกร้องสิ่งต่างๆยาก บรมไปปรึกษาอัญชลี สารภาพว่าเด็กในท้องของนีราเป็นลูกของบี เขาเป็นห่วงอนาคตของลูกที่กำลังจะออกอัลบั้ม ส่วนอัญชลีปล่อยข่าวว่านีราท้องกับด้วงแล้วไปทำแท้ง เฮียเชษฐ์จัดแถลงข่าวให้ ด้วงบอกว่าเป็นแค่เพื่อน ขณะเดียวกันบัวก็พบหลักฐานว่าอัญชลีเป็นคนปล่อยคลิปหลุด จึงบอกนีราว่าเป็นฝีมือของบรมแน่ นีราจึงเข้าไปพบบรมเพื่อยื่นไม้ตาย เอาคลิปวีดีโอที่บีกำลังเสพยาและขายยาในโรงเรียนสอนร้องเพลง บรมเป็นห่วงอนาคตของลูกชายแล้วจึงยอม บีเองก็ตามหานีราเพื่อจะถามว่าใครถ่ายคลิป นีราตระหนักว่าทุกอย่างจวนตัวแล้ว จึงบอกว่าบัวเป็นคนถ่ายคลิปแลกกับการจดทะเบียนกับเธออย่างลับๆบีจำใจยอม แต่นีราก็ยังใส่ร้ายกิดาการว่าเป็นคนช่วยวางแผนที่กิดาการรักกับเบนเพื่อบีบบรมตามแผนของบัว เบนไม่ต้องการจดทะเบียนกับนีรา บรมจึงบอกความจริงว่า นีราต้องการหุ้นจากเพลินเรคคอร์ด ทำให้เบนตะลึงที่ได้รับรู้เรื่องจริงและยังต่อว่านีราที่ใส่ร้ายกิดาการ ทำให้กิดาการเสียใจมาก บีอาละวาดตามขู่จะฆ่าบัวถ้าไม่เอาคลิปมาให้เขาทำลาย บัวสารภาพว่าที่ถ่ายคลิปเพราะว่าแค้นที่บรมข่มขืนเธอ ทำให้ทุกคนตะลึงกับความจริง บีต่อว่าบรมทำให้บัวรู้ว่าเวรกรรมตามมาทันบรมแล้ว ในขณะที่บุริมจะขอยอมรับเป็นพ่อเด็กให้นีราแต่เธอไม่ยอมแถมยังพูดดูถูกบุริมจนมีเรื่องกัน กิดาการและเบนมาห้ามทันและพานีราไปโรงพยาบาลเพราะเธอปวดท้องคลอด บรมกลับมาบริษัทเพ่อให้อัญชลีแก้ข่าวแต่เขาพบจดหมายลาออกของเธอแทน

กิดาการคอยดูแลจนนีราคลอดลูกชาย บีก็ได้เปิดคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่แต่เขาแสดงได้สักพักตำรวจก็บุกมาจับหลังเวที เพราะได้คลิปของบีที่เสพยาเสพติดซึ่งคนปล่อยก็คืออัญชลีที่ลาออกไปเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของอาละดินค่ายเทปคู่แข่ง บีถูกส่งไปโรงเรียนดัดสันดานเป็นเวลาสองปี บรมเองสำนึกที่ตัวเองทำผิดจึงแบ่งหุ้นให้พี่น้องเท่าๆกันแล้วประกาศลาออกจากประธานกรรมการ แล้วยกตำแหน่งให้เบนนังแท่นบริหารแทนโดยมีบรรณกับบุริมช่วยดูแล ส่วนบัวดึงกิดาการมาช่วยบริหารโรงเรียนสอนร้องเพลง นีราทนไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป คือเอาลูกมาเป็นเครื่องต่อรอง อีกทั้งข่าวเสียหายของเธอทำให้ประชาชนรับไม่ได้ จึงอำลาวงการไปอยู่อเมริกากับแม่ของเธอ แต่ก่อนไปนีราพาลูกไปเยี่ยมบีซึ่งเขาเองก็สำนึกผิด นีราก็พร้อมที่จะให้โอกาสเขา เบนขอกิดาการแต่งงาน กิดาการตอบตกลง หลังจากที่บีออกจากโรงเรียนคัดสันดาน เขาก็บินไปหานีรากับลูก และแต่งงานกับเธอเงียบๆที่นั่น โดยมีเบนและกิดาการพาลูกของตนไปร่วมยินดีกับทั้งสองด้วย



บทประพันธ์ : -
บทโทรทัศน์ : -
กำกับการแสดง : วีระชัย รุ่งเรือง
ออกอากาศทุกวัน : ศุกร์ เวลา 20.15น. เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.30น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

นักแสดง
วรินทร ปัญหกาญจน์ เบญจน์ ธนพัฒน์รังสี (เบน) น้องชายคนสุดท้องของตระกูลธนพัฒน์รังสี แยกตัวออกมาตั้งบริษัทโฆษณาของตัวเอง เพราะไม่อยากอยู่ใต้อาณัติของบรม แต่ก็ไม่วายถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง นิสัยเคร่งขรึม อ่อนโยน มีเหตุผล ชอบอิสระ รักสงบ เสียสละ มีความรับผิดชอบ และกตัญญูรู้คุณ เป็นคนอบอุ่นและโรแมนติก แต่อ่อนไหวและขี้สงสารในบางครั้ง ทำให้กลายเป็นเหยื่อของบรมและนีราไปโดยไม่รู้ตัว

พรชิตา ณ สงขลา กิดาการ (ดา) จบการศึกษาจากอเมริกาอาชีพนักแปล รักอิสระ เป็นตัวของตัวเอง นิสัยโผงผางตรงไปตรงมา กล้าพูดกล้าทำ ฉลาด มีเหตุผล รักความยุติธรรม คอยดูแลคนรอบข้าง และจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในระเบียบกฎเกณฑ์แต่ด้วยความเปิ่นความโก๊ะ บางครั้งจึงทำผิดพลาดเล็กๆ น้อย ๆ ด้วยความเข้าใจผิดไปบ้าง กลายเป็นความน่ารักที่ทำให้ดูมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร

ณปภา ตันตระกูล นีรา (น้ำตาล) นักร้องวัยรุ่น เป็นซุปเปอร์สตาร์ของค่ายเพลินเรคคอร์ด เป็นสาวเปรี้ยวจี๊ด มั่นใจเกินร้อย ทำและพูดก่อนคิด ใจกล้า ทะเยอทะยานใฝ่สูง ขี้อิจฉา ชอบทำตัวเด่น มีจริตมารยาเกินวัย ทำทุกอย่างเพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกใคร

ฐากูร การทิพย์ บีเยศ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อใส ลูกชายเพียงคนเดียวของบรม เป็นคนที่บรมหมายมั่นว่าจะต้องมาสืบทอดทุกอย่างแทนเขา แต่เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจจึงกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง ก้าวร้าว ทำตัวกร่าง ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ เชื่อแต่ความคิดตัวเอง คิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่นเสมอ

มนตรี เจนอักษร บรม ธนพัฒน์รังสี พี่ชายคนโตของตระกูลธนพัฒน์รังสี ภายนอกดูเป็นคนดีมีน้ำใจ เป็นผู้ใหญ่น่าเคารพนับถือ และดูแลพี่น้อง แต่เบื้องหลังนั้นเห็นแก่ตัว เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ วางตนอยู่เหนือคนอื่น ข่มเหงคนที่ด้อยกว่า รักและตามใจลูกมาก ทำทุกอย่างเพื่อลูก แม้กระทั่งทำร้ายพี่น้องตัวเอง

อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล บรรณ พี่ชายคนรองของตระกูลธนพัฒน์รังสี เป็นบรรณาธิการนิตยสารบันเทิงในเครือเพลินเรคคอร์ด เป็นคนสุขุมรอบคอบจนไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่ทันคน มักจะคิดแล้วคิดอีกจนช้ากว่าคนอื่นก้าวหนึ่งเสมอ จึงไม่สามารถปกป้องน้อง ๆ ของตัวเองได้

พิษณุ นิ่มสกุล บุริม หนุ่มอารมณ์อ่อนไหว เป็นศิลปินเต็มตัว ไม่ค่อยชอบเรื่องธุรกิจ หัวอ่อน ถูกจูงจมูกได้ง่าย บางครั้งจึงเหมือนคนขี้ขลาด ไม่มั่นใจในตัวเอง อยากเป็นผู้นำแต่สุดท้ายก็เป็นไม่ได้ มีพรสวรรค์ในการแต่งเพลงมาก

อภิสรา ฉวีวงษ์ บัวบุษบา ลูกสาวคนสุดท้องของตระกูล และเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนเพลงเพลิน มีปมแค้นซ่อนอยู่ในใจ เป็นคนเสี้ยมนีราให้ช่วยแก้แค้น แต่ตัวเองกลับคุมเด็กไม่ได้ นิสัยโผงผางเด็ดเดี่ยว กล้าได้กล้าเสีย จนดูเหมือนจะเป็นผู้นำของพี่ชายมากกว่า

โชคชัย บุญวรเมธี ดวงฤทธิ์ (ด้วง) นักร้องชายมาดเซอร์ขวัญใจวัยรุ่น เป็นกิ๊กเก่าของนีรา แต่ย้ายไปอยู่กับค่ายอาละดิน คู่แข่งของเพลินเรคคอร์ด หน้าตาหล่อเข้ม ท่าทางยียวน มั่นใจในตัวเอง รักสนุก ไม่ค่อยรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ สร้างภาพเก่ง

เบญจศิริ วัฒนา อัญชลี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเพลินเรคคอร์ด เป็นคนฉลาดทันคน คล่องแคล่ว ทำงานเก่ง ช่างสังเกต มีไหวพริบแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี เอาตัวรอดเก่ง รู้จักทางหนีทีไล่ ช่างแต่งตัว ทำให้ดูสาวและสวยอยู่เสมอ ไม่ใช่คนดีนักแต่ก็ไม่ทำร้ายใครก่อน

ปณิตา พัฒนาหิรัญ แจ๊ด พีอาร์สาวสวยที่ทำงานร่วมกับเบน ชอบเบนและแสดงออกว่าชอบอย่างชัดเจน แต่งตัวจัด ขี้หึงขี้วีน อวดดี เจ้าคิดเจ้าแค้น
Read more »

ระบำดวงดาว


วงการบันเทิงคึกคักเมื่อ น้ำหวาน ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพราะเธอเป็นนักเรียนนอกสาวสวยรวยเสน่ห์ ไฮโซชื่อดัง ลูกสาวของ พฤกษ์ กับ พริมา เจ้าของโรงแรมและบริษัทในเครือมากมาย
ไม่มีใครรู้ความจริงว่าครอบครัวของเธอกำลังจะล้มละลาย ครอบครัวของเธอปกปิดความจริงเอาไว้ และใช้ความดังของลูกสาวต่อยอดธุรกิจ น้ำหวานได้เล่นละครมากมาย กลายเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน และ วาทิศ ก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชมน้ำหวาน วาทิศเป็นหมอที่ทำศัลยกรรมให้น้ำหวาน สองคนมีความสำพันธ์ลึกซึ้ง น้ำหวานเองก็ออดอ้อนขอให้วาทิศปกปิดเรื่องการทำศัลยกรรมของเธอและบอกกับนักข่าวว่าเธอกับวาทิศเป็นเพียงเพื่อนกัน

ชีวิตของน้ำหวานซึ่งแตกต่างกับนักแสดงประกอบอย่าง เหมย อย่างชิ้นเชิงเพราะ เหมย เป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับ แม่กุ้ง หญิงใจดีที่มีอาชีพขาย กล้วยทอด ด้วยความที่ใจบุญแม่กุ้งรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกหลายคน เหมยเองต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงน้องๆและเด็กกำพร้า ได้แก่ ไม้ กันต์ และ แต้ว ด้านการุณ เสี่ยเจ้าของโรงแรมหรู พึงพอใจในตัวเหมยมากจึงให้เหมยมาทำงานที่โรงแรมพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างจริงใจ เหมยนับถือการุณมาก จนเหมยได้เข้ามาเป็นนักแสดงประกอบธรรมดา ไม่โดดเด่น ซึ่งไม่มีอะไรจะเทียบกับน้ำหวานได้เลย ส่วนไม้โชคดีมีคนรับอุปการะไปอยู่ที่อังกฤษ

ปยุตร ลูกเจ้าของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ เพิ่งเรียนจบมาจากอเมริกา ด้วยความที่ เป็นชายหนุ่มที่ชอบใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย ทำให้ ปยุตรไม่เปิดตัวว่าเป็นใคร และขอ ไพรวัลย์ ผู้เป็นพ่อ เข้าเป็นนักข่าวสายบันเทิงธรรมดาโดยมี เฮียใหญ่ บก.ข่าวบันเทิงคอยดูแล แรกเริ่มทำงาน ปยุตร ปลื้มน้ำหวานมาก เพราะความสวยและเป็นนางเอกในจอ แต่เมื่อได้เจอตัวจริง ปยุตรกลับรู้สึกผิดหวังเพราะน้ำหวานถือตัว เย่อหยิ่ง ดูถูกคน น้ำหวานปฎิเสธที่จะให้ปยุตรสัมภาษณ์เพียงเพราะเห็นว่าเป็นนักข่าวกระจอก ขนาดพระเอกใหม่ ป้อง ยังถูกเธอปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์คู่ ทำให้น้ำหวานวีนใส่ทุกคน น้ำหวานยังโกงค่าตัวแพงๆ ทีมงานทั้งกองเอือมละอาน้ำหวานมาก แต่ผู้จัดไม่ว่าจะเป็น คุณพิมล คุณต้อม คุณกษมา ต่างปิดข่าวเพราะว่าน้ำหวานยังขายได้อยู่ ทุกคนจึงไม่อยากมีเรื่องกับน้ำหวาน จะมีก็แต่ รมณี หรือ รมมี่ ดาราหนังใจกล้าที่ผันตัวเองมาเล่นละคร รมมี่เป็นคนโผงผาง ปากกับใจตรงกัน เมื่อน้ำหวานมากองถ่ายสาย รมมี่ก็วีนแตก น้ำหวานก็วีนกลับ ทั้งสองเปิดฉากตบกันสนั่น ตลอดจน อำภา แม่ของรมมี่ ก็เป็นคนปากไว คอยออกมาปกป้องลูกของเธอเช่นกัน ทำให้เกิดศึกระหว่างแม่ลูกเกิดขึ้น ขณะที่เหมยพยายามเลี่ยงการปะทะกับน้ำหวาน ส่วน พีท ไฮโซหนุ่มหล่อเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกและกำลังจะได้เป็นพระเอกหน้าใหม่ เกิดปิ๊งเหมยทันทีที่ได้เห็น น้ำหวานโกรธมาก เพราะกำลังคั่วพีทอยู่ น้ำหวานตามไปอาละวาดเหมย รมมี่สอนให้เหมยสู้คน เหมยก็บอกว่าไม่อยากจะยุ่งโดยเฉพาะน้ำหวาน เพราะเธอต้องหาเงินมาช่วยเหลือแม่ของเธอซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง รมมี่รู้เรื่องของเธอ ทั้งสองคนเลยกลายเป็นเพื่อนกัน น้ำหวานยังทำตัวแหลกเละเทะ เพราะคิดว่าตัวเองโด่งดังค้ำฟ้า ไม้กลับมาจากอังกฤษ สาวๆรุมสนใจไม้ หนึ่งในนั้นคือน้ำหวานยิ่งรู้ว่าไม้คือลูกชายคนเดียวของมิสเตอร์ไมเคิลกับมิสชิลคอลี่ ก็ยิ่งตื่นเต้นเพราะทั้งคู่เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่จะสามารถเอื้อต่อธุรกิจของน้ำหวาน แต่ไม้ก็ไม่สนจะมาตามหาเหมยอย่างเดียว น้ำหวานหาทางใกล้ชิดกับไม้ ไม้รู้ว่าที่ผ่านมาน้ำหวานกลั่นแกล้งเหมยจึงแก้แค้นแทนเหมย โดยถ่ายคลิปกับน้ำหวานเพื่อที่จะให้น้ำหวานเสียชื่อเสียง ไม้ให้ข่าวว่าปลื้มเหมย ปยุตรไม่สบายใจกลัวเหมยจะหลงระเริงไปกับเงินทองอีกคน เหมยปฎิเสธว่าไม้เป็นแค่น้องชายเท่านั้น ทำให้ไม้เสียใจมาก แต้วเข้ามาปลอบ ความดีความซื่อของแต้วทำให้ไม้รู้สึกดีๆกับแต้ว ไม้ประกาศว่าคบกับแต้วเป็นจังหวะเดียวกันที่ พีทประกาศแต่งงานกับรมมี่ น้ำหวานเสียความมั่นใจหนักเข้าที่ดาราแสนดังอย่างตัวเธอไม่มีใครต้องการเลย

น้ำหวานให้คนไปสืบประวัติจนได้รู้ว่า ก่อนเข้าวงการ เหมยเป็นเด็กเสิร์ฟ โคโยตี้ เด็กเชียร์เบียร์มาก่อน น้ำหวานพยายามส่งข้อมูลให้นักข่าว แถมมีข่าวเสี่ยเลี้ยงอีก เหมยดูทำท่าจะแย่ ท้ายสุดเหมยจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ความรัก การแย่งชิงดีชิงเด่นกันในวงการบันเทิงจะลงเอยแบบไหน ติดตามชมได้ในละคร ระบำดวงดาว



บทประพันธ์ : -
บทโทรทัศน์ : -
กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ออกอากาศทุกวัน : พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

นักแสดง
ธนา สุทธิกมล ปยุตร ชายหนุ่มรุปหล่อ ลูกชายของไพรวัลย์เจ้าของหนังสือไทยนิวส์ เป็นคนสบายๆ ตรงๆ ดูดิบๆ เซอร์ๆ แต่จริงใจ ปากไว เรียนจบการบริหารมาจากอเมริกา แต่กลับมาทำงานหนังสือพิมพ์ในฐานะนักข่าวต๊อกต๋อย เพื่อแสวงหาความจริงในชีวิตของนักข่าว ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้บริหารแบบ รู้ลึกรู้จริงต่อไป และการที่ปยุตรปกปิดฐานะที่แท้จริงของตัวเองมาเป็นนักข่าวก็ทำให้ปยุตรได้รู้ว่าตัวตนของดาราแต่ละคนเป็นอย่างไร และนั่น ที่ทำให้เขาเลือกที่จะรักเหมย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ปยุตรเคยปลื้มน้ำหวาน

เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ น้ำหวาน / มธุรส สาวสวย ไฮโซ ที่สวยมาก ภายนอกเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อ่อนหวาน พูดเพราะ ร่าเริง ฉลาด แต่ภายในสุดแสนจะเห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง ดูถูกคน สตรอเบอรี่เก่งเป็นที่หนึ่ง รักสนุก ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเอง แม้กระทั่งเหยียบย่ำคนอื่น ใช้วงการบันเทิงเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ แต่ผลแห่งการกระทำทุกอย่างก็ย้อนคืนกลับมาสู่ตัวน้ำหวานอย่างสาสม เพราะเมื่อวันที่ความจริงทุกอย่างปรากฏ ตัวตนของน้ำหวานก็เผยโฉมออกมา และแม้น้ำหวานจะอยากได้วันวานที่โดดเด่นแห่งความเป็นดาวกลับคืนมาเท่าไหร่ วันวานเหล่านั้นก็ไม่มีทางหวนคืน

ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา เหมย/เหมือนฝัน สาวสวยลูกกำพร้าที่มีชีวิตปากกัดตีนถีบ ต่อสู้ชีวิตทุกรูปแบบ เพื่อตอบแทนบุญคุณของแม่กุ้งที่ชุบเลี้ยงมา เป็นคนดี มีน้ำใจ แต่ห้าว แรง ไม่ยอมใคร ถ้าตัวเองไม่ผิดหรือถูกเอาเปรียบ เป็นแค่ตัวประกอบต่ำต้อย แต่ด้วยความที่รัก ในวงการบันเทิงอย่างแท้จริง ทำให้เหมยมุ่งพัฒนาฝีมือจนได้เป็นนักแสดงนำในที่สุด แต่กว่าจะถึงวันที่ประสบความสำเร็จ เหมยต้องผจญกับคนหลากหลายรูปแบบ เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ต้องแลกมาด้วยน้ำตา แต่ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ ความอดทน มุ่งมั่น กตัญญู ทำให้เหมยมีความสุขกับชีวิตในบั้นปลาย

สิรีภรณ์ ยุกตะทัต รมณีย์ หรือ รมมี่ อดีตนางเอกหนัง ที่ก้าวมาเล่นละคร สาวสวย ใจกล้า บ้าบิ่น ฐานะทางบ้านไม่ดีนัก แต่รมมี่ก็ถีบตัวเองก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงตัวจริงได้ เพราะใจรัก และทุ่มเท ไม่เกี่ยงบทบาท สามารถเล่นบทเซ็กซี่ หวือหวาได้ ภาพพจน์จึงเป็นสาวสวย ร้อนแรง ท่าทางก็แรงๆ แต่ตัวตนของรมมี่เป็นคนปากกับใจตรงกัน คิดแบบไหน พูดแบบนั้น ขวานผ่าซาก ใครรักก็รัก ใครเกลียดก็เกลียด คู่ปรับคนสำคัญของน้ำหวาน

ธนากร โปษยานนท์ วาทิศ นายแพทย์หนุ่ม รูปหล่อ สุขุม ไม่ค่อยพูด มีเบื้องหลังที่พ่อฆ่าแม่ เพราะแม่มีชู้ ทำให้วาทิศชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว เพราะกลัวจะมีคนมาขุดคุ้ยเรื่องราวแต่หนหลัง รักใครรักจริง และทุ่มเท เป็นคนศัลยกรรมให้น้ำหวานและคนทั่วๆ ไปมีหน้าตาที่สวยงาม วาทิศจึงหลงอยู่ในความฝัน ฝีมือที่ตัวเองสามารถสรรค์สร้างความสุขให้คนรักสวยรักงามได้ ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ววาทิศเป็นโรคจิตอ่อนๆ เมื่อถึงวันหนึ่งที่ถูกน้ำหวานทำร้ายหัวใจจนบอบช้ำ วาทิศจึงสามารถทำร้ายน้ำหวานได้อย่างเจ็บปวดและแสนสาหัส ทั้งๆ ที่วาทิศรักน้ำหวานอย่างหมดใจ

เปรม บุษราคัมวงษ์ พีท หนุ่มโฮโซ รูปหล่อ พ่อรวย ปากหวาน เจ้าชู้ เจ้าเสน่ห์ พูดเพราะ ตอนแรกที่เข้ามาในวงการบันเทิงเป็นแค่ความสนุก อยากลอง อยากมีชื่อเสียง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป พีทก็ได้รู้ว่าเขารักในอาชีพนักแสดงจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อพีทพบรักกับนักแสดงตัวจริงอย่างรมมี่ พีทก็ไม่คิดที่จะทำทุกอย่างแบบฉาบฉวยอีกเลย

ประชากร ปิยะสกุลแก้ว ไม้ อดีตเด็กกำพร้า ฉลาด ทันคน ไม่ยอมคน เคยอาศัยอยู่ชายคาบ้านหลังเดียวกันกับเหมย โชคดีที่มีฝรั่งมารับเลี้ยงดู จึงไปเติบโตเมืองนอก กลับมามีโอกาสเข้าวงการแฟชั่น ไม้แอบรักเหมย เมื่อรู้ว่าน้ำหวานกลั่นแกล้งเหมยก็กลับมาแก้แค้นให้ แต่เหมยก็สอนให้ไม้ให้อภัย

ณัชร นันทโพธิ์เดช กันต์ อดีตเด็กกำพร้าที่อยู่ร่วมชายคาบ้านเดียวกันกับดาว หน้าไทย แข็งแรงแบบไทยๆ แต่จัดว่าหล่อ ค่อนข้างตรง กล้าได้กล้าเสีย บุคลิกดูแรงๆ แมนๆ ตัวจริงเป็นคนดี นิสัยดี กตัญญู แต่พอก้าวเข้ามาในวงการ มีชื่อเสียงก็ทำให้หลงไป แต่ได้เหมยเป็นคนเตือนสติ กันต์จึงไม่หลงระเริงเกินไปนัก คู่รักของป้อง ซึ่งเมื่อข่าวเปิดเผย แลดูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน กันต์กับป้องก็พร้อมที่จะก้าวออกจากวงการ ไปทำร้านอาหารอย่างใจรัก เก็บภาพเมื่อครั้งเป็นดวงดาวไว้ในความทรงจำอันงดงาม

จักรพันธ์ จันโอ ป้อง นักแสดงหนุ่มรูปหล่อ ก้าวมาจากเวทีการประกวดแห่งหนึ่ง แต่ก็ใช้ฝีมือจนก้าวมาเป็นนักแสดงชั้นนำได้ สุภาพ เรียบร้อย อ่อนโยนไม่ค่อยพูด มาดนิ่ม ทำกับข้าวเก่ง จึงถูกคนสงสัยว่าเป็นเกย์ และป้องก็เป็นจริงๆ แต่เป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายต่อใคร

วิยะดา อุมารินทร์ อำภา แม่ของรมมี่ เป็นแม่ม่าย คนธรรมดา การศึกษาไม่สูงนัก แต่ขยันขันแข็ง โชคดีที่ลูกคือรมมี่ สวย อำภาจึงมีฐานะดีขึ้นมา รักลูกมาก หวงลูกมาก พูดตรงๆ มีเหตุการณ์อะไรชอบออกหน้าแทนลูก ไปไหนก็ไปกับลูก ทำให้มีเรื่องราววุ่นๆ ตามมาหลายอย่าง

วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ พฤกษ์ พ่อของน้ำหวานเจ้าชู้ ติดการพนัน ไม่สนใจการงาน ทำให้กิจการล่มจม แต่อาศัยความเป็นไฮโซบังหน้า หลอกลวงคนอื่น

กรองทอง รัชตะวรรณ พริมา แม่ของน้ำหวานเป็นคนเหมือนลูก ปากปราศรัยแต่น้ำใจเชือดคอ เอาลูกมาแสวงหาผลประโยชน์ บังหน้าธุรกิจที่จะล้มไม่ล้มแหล่ ใช้เงินเป็นเบี้ย ฟุ้งเฟ้อ จมไม่ลง

ปวีณา ชารีฟสกุล แม่กุ้ง หญิงวัยกลางคน สามีตายไม่มีลูก อาชีพขายขนมพวกกล้วยทอด ใจดี มีเมตตา ขยันขันแข็ง อดทน หนักเอาเบาสู้ เป็นตัวอย่างในการดำเนินชีวิตของเหมย ด้วยความที่ทำงานหนัก ร่างกายไม่ได้พักผ่อน ยากจน ทำให้เป็นโรคร้าย

เกริก ชิลเล่อร์ เจ๊มดแดง สาวประเภทสอง ผู้จัดการดารา น่ารัก ขำๆ ใจดี ปากจัด จิกเก่ง ใครไม่ดี เจ๊มดแดงไม่ไว้หน้า ด่าเรียบ คนที่ปั้นน้ำหวานแต่ถูกน้ำหวานด่า

สุรินทร คารวุตม์ ศิลป์ ผู้กำกับมาดเซอร์ แอ็คอาร์ต ทำตัวเป็นศิลปิน ชอบหลอกสาวๆ นิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัว ทำงานเก่งจึงอยู่รอด แต่เมื่อลำพองมากๆ อนาคตก็ไม่รอดเหมือนกัน

ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล ปุ๊โกะ สาวประเภทสอง ช่างทำผม ปากจัดด่าเก่ง จริงใจ น่ารัก

ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา คุณพิมล หญิงแกร่ง ผู้จัดละคร ใจดี มีเมตตา เป็นที่ปรึกษาของดารา

อรนภา กฤษฎี คุณต้อม ผู้จัดละคร
Read more »

น้องเขาน่ารักดี

ว่าไหม
Read more »

โคโยตี้

น่ารักไหม
Read more »

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และสังหารสุรกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งน้ำสะโตงของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือสมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช 2127 ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้ จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้าประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อน พระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยายัง บอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร ครั้งนั้นพม่ารามัญยกเข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง 2 ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่-นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดินละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่า “จีนจันตุ” มาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหันมาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วยอยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่ ข้างสมเด็จพระนเรศเมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่งเดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัย และสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมาสมทบ จึงทรง ยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง สมเด็จพระนเรศทรงเห็นว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ เข้ามารวมกำลังผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่า แม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้างเผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณ เพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้ เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา ภายใต้บรรยากาศกลิ่นอายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย “เลอขิ่น” ธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ “เสือหาญฟ้า” คนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคัง โดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ “พระราชมนู” คนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่งลุกลามเมื่อนางพระกำนัลทรงเสน่ห์นาม “รัตนาวดี” มาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาส พระสุพรรณกัลยา-พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชา มาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะ องค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็น บาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้าเชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยา ให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบาย การศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ เข้าฉายวันที่ 12 กันยายน 2553
Read more »

Brown Sugar หนัง น้ำตาลแดง

รักต้องลุ้น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวต้องอยู่บ้านเพียงลำพังจึงเอ่ยปากชวนให้เด็กหนุ่มเพื่อนสนิทอยู่เป็นเพื่อนในค่ำคืนหนึ่ง ภาพยนตร์อีโรติกคอเมดี้ที่สะท้อนถึงขีดระดับความสัมพันธ์ของวัยรุ่นที่มาพร้อมกับการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในเรื่องเซ็กส์ขอบเขตของศีลธรรมและความต้องการของวัยหนุ่มสาวที่มักคิดว่าผู้ใหญ่ไม่เคยเข้าใจจากผลงานการกำกับภาพยนตร์โดย ศาสตร์ ตันเจริญถ่ายทอดภาพจริงของวัยรุ่นยุคปัจจุบันโดย 2 นักแสดงหน้าใหม่ถอดด้าม นัฏฐกันย์ อนุมาตรฉิมพลี, จิตติกร สรจันทร์



โสบนเตียง ความสัมพันธ์เกินห้ามใจของสาวมั่นสุดเฉี่ยวไฟแรงสูงกับเสี่ยใหญ่วัยกลางคนที่ต่างมีจินตนาการถึงสิ่งที่เรียกว่า“เซ็กส์”ได้อย่างสอดคล้องและลงตัวทำให้แต่ละครั้งที่กงล้อแห่งชีวิตของทั้งคู่หมุนเวียนมาบรรจบกันก่อเกิดความร้อนแรงจนคนรอบข้างต่างอิจฉาไปตามๆกันอารมณ์ขันเชิงเสียดสีในรูปแบบภาพยนตร์คอเมดี้ที่ได้นักร้องพิธีกรนักแสดงหนุ่มมากความสามารถอย่างเดอะปั๋ง-ประกาศิตโบสุวรรณแท็คทีมคู่ สาวพัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา (ครี) ไฮโซสาวจากเวทีประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี2006 นางแบบและพรีเซ็นเตอร์สาวสุดฮอต 1 ใน 6 สาวลีโอเบียร์ปีล่าสุด ถ่ายทอดจินตนาการผ่านการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์โดยภาณุมาศ ดีสัตถา

ปรารถนาความสัมพันธ์ของหนุ่มช่างสักและพนักงานสาวนวดแผนโบราณไม่ต่างอะไรกับเส้นขนานที่ไม่เคยถูกลากให้มาบรรจบกันถึงแม้ว่าจะทำงานบนตึกเดียวกันแต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะเอ่ยปากทักทายหรือพูดคุย จนกระทั่ง “แรงปรารถนา” ได้ย่นย่อระยะห่างแห่งสัมพันธภาพของคนสองคนให้เขยิบเข้ามาชิดใกล้กว่าที่คาดคิดและเคยเป็นเมื่อชายหนุ่มตัดสินใจเลือกใช้บริการจากหญิงสาวภาพความเหงาของผู้คนท่ามกลางแสงสีและความสับสนวุ่นวายในเมืองใหญ่ถูกนำเสนอและถ่ายทอดผ่านมุมมองความอีโรติกดราม่าของกิตติยาภรณ์กลางสุรินทร์ผู้กำกับหญิงเพียง1เดียวของโปรเจ็คต์น้ำตาลแดงกับบทบาทที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของอุ้ม-ลักขณาวัธนวงส์ศิริ นักแสดงนางแบบสาวที่ฮอตที่สุดแห่งปี ควงคู่มากับบลูม-วรินทร ญารุจนนทน์นักดนตรีนายแบบหนุ่มหล่อน1ใน 10 หนุ่มMen'sHealthGuys' Challenge ประจำปี2010

“หลุมพราง”หากเงื่อนปมแห่งความลุ่มหลงจากอดีตมิได้ย้อนกลับมาเพียงกระตุ้นเตือนให้ชายหนุ่มระลึกถึงความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวที่ตนรักและมีอิทธิพลต่อชีวิตแต่กลับดึงให้เขากลับไปอยู่ในวังวนของบ่วงพิศวาสที่ยากจะถอนตัว ไม่ต่างอะไรกับหลุมพรางในจิตใจที่ไม่เคยถูกลบเลือนไปจากใจไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด เมื่อแนวทางของอีโรติกถูกนำเสนอผ่านภาพยนตร์ในแนวดราม่า-ทริลเลอร์โดยมีนักแสดงสาวคุณภาพเจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยมจากอำมหิตพิศวาสอย่างปรางทองชั่งธรรมกับบทบาทการแสดงที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนพร้อมจ๊ะอธิศอมรเวช มือกีตาร์วงTHEMOUSE, นักแสดงจากมหา’ลัยสยองขวัญจากผลงานการกำกับภาพยนตร์โดยสุรวัฒน์ชูผล



“ทฤษฏีบนโต๊ะอาหาร”มิตรภาพตราบชั่วชีวิตของหญิงสาวกำลังถูกทดสอบเมื่อเพื่อนสนิทที่สุดแอบมี“สัมพันธ์”กับชายหนุ่มคนรักของเธอ จนเกิดคำถามว่า “ความสุขที่แท้จริงในชีวิตคืออะไรและคงไม่มีสิ่งใดที่เปราะบางเท่ากับความรู้สึกของมนุษย์อีกแล้ว” ภาพยนตร์อีโรติกอาร์ท ที่ผสมผสานรูปแบบของศิลปะหลากหลายรูปแบบตั้งแต่บทกวี,ละครเวที, รวมไปถึงการนำเอาเทคนิคในการถ่ายทำภาพยนตร์มาผนวกเข้ากับการแสดงในลักษณะเหนือจริงจากมุมมองและไอเดียของปรัชญาลำพองชาติ ถ่ายทอดการแสดงในรูปแบบภาพยนตร์โดยแอนนารีส (นางแบบสาวสุดเซ็กซี่ 1ใน6นางแบบปฏิทินเบียร์ลีโอปีล่าสุด,นักแสดงสาวจากปืนใหญ่จอมสลัด, มหาลัย’สยองขวัญ) และ นริศรา ศรีสันต์ นักแสดงละครเวทีระดับคุณภาพ

“คู่รักบนดาวโลก”เมื่อความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินทางมาถึงจุดที่ต้องทบทวนสถานภาพและความสัมพันธ์พร้อมกับการตั้งคำถามถึงคุณค่าและความหมายของรักที่แท้จริงว่าคืออะไรเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะเดินต่อไปอย่างช้าๆและมั่นคงหรือเพียงหยุดความสัมพันธ์ไว้ณ ขณะรักและเก็บความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันเอาไว้ ภาพยนตร์อีโมชั่น-อีโรติกในแนวหนือจริง (เซอร์เรียลลิสต์)ที่งานเทคนิคพิเศษทางด้านภาพ (CGI) ถูกนำมาถ่ายทอดภาพความอีโรติกจากมุมมองของผู้กำกับอนุรักษ์จรรโลงศิลปอย่างเต็มตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก“ผู้ชายมาจากดาวอังคารผู้หญิงมาจากดาวศุกร์” หนังสือระดับเบสท์เซลเลอร์ที่ทำให้คนทั้งโลกต้องทบทวนมุมมองและความคิดที่ว่าแท้จริงแล้วชายหญิงล้วนต่างกันพร้อมการทุ่มเทการแสดงอย่างเต็มที่ของหนอวีระชัยศรีวณิกวรรณึกกุล, (นายแบบ, นักแสดงละครบ้านร้อยดอกไม้)และ นางแบบนักแสดงสาวหน้าใหม่อย่าง รภัทร เอกนิธิเศรษฐ์

กล่าวได้ว่าภาพยนตร์ทั้ง6เรื่องในนามโปรเจ็คต์“น้ำตาลแดง” ล้วนถูกกลั่นกรองมาจากไอเดียและความสามารถของ6ผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีในการทำหนังสั้นระดับรางวัลทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วโดยได้รับการผลักดันและก้าวขึ้นมากำกับภาพยนตร์เพื่อฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในแนวทางของภาพยนตร์อีโรติกที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์ของศิลปะและภาพยนตร์อย่างเต็มรูปแบบโดยมีโปรแกรมเข้าฉายในวันที่26สิงหาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ชื่ออังกฤษ Brown Sugar
ชื่อไทย น้ำตาลแดง
ประเภทหนัง Erotic
ผู้กำกับ ศาสตร์ ตันเจริญ, สุรวัฒน์ ชูผล, ภาณุมาส ดีสัตถา, ปรัชญา ลำพองชาติ, อนุรักษ์ จรรโลงศิลป, กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 26/08/2010
ความยาวหนัง -
นักแสดง อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ, ครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัคราภา, แอนนา รีส, ปรางทอง ชั่งธรรม, จ๊ะ อธิศ อมรเวช, หนอ วีระชัยศรีวณิก วรรณึกกุล, ปั๋ง ประกาศิต โบสุวรรณ
Read more »

พันธุ์ไม้ป่าที่มีลักษณะแปลกพิเศษ

พันธุ์ไม้กินแมลง (insectivorous plants)

พันธุ์ไม้กินแมลง (insectivorous plants) พันธุ์ไม้กลุ่มนี้ถึงแม้ว่าจะได้อาหารจากการสังเคราะห์แสงก็ตาม แต่ไม่เพียงพอเพราะสภาพแวดล้อมไม่อำนวย เช่น เกิดในที่ดินทรายมีน้ำขังหรือมีปุ๋ยน้อยดังนั้นจึงต้องหาอาหารมาเพิ่ม โดยการเปลี่ยนรากหรือใบให้มีลักษณะพิเศษสำหรับดักจับแมลงมาย่อยดูดกินเป็นอาหาร เท่าที่พบในประเทศไทยมีด้วยกัน ๓ สกุล คือ
๑. หญ้าน้ำค้าง (Drosera) มีอยู่ด้วยกัน ๓ ชนิดคือ หญ้าน้ำค้างหรือจอกบ่วาย หญ้าไฟตะกาดและหญ้าไฟเดือนห้า ซึ่งต่างเป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก พบขึ้นตามทุ่งโล่งที่ดินเป็นทราย มีน้ำขัง ดอกสีขาวหรือชมพู ตามใบมีขนยาวๆ ที่ปลายพองเป็นตุ่มกลมๆ ขับน้ำเมือกเหนียวๆ ใสๆ ดูคล้ายหยาดน้ำค้าง ใช้ดักจับแมลงที่บินมาตอมหรือไต่ขึ้นมา
๒. หม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes) เป็นไม้เถาเลื้อยอาศัยปลายใบรัดพันไปกับต้นไม้อื่นๆ และปลายใบของพันธุ์ไม้จำพวกนี้แปรสภาพยืดยาวออกเป็นก้านกลม แล้วพองออกเป็นรูปกระบอกมีลักษณะต่างๆ กัน กระบอกนี้มีฝาปิด เมื่อยังเจริญไม่เต็มที่ เมื่อเจริญเต็มที่จะเปิดออกเพื่อรับแมลงต่างๆ ให้ร่วงหล่นลงไปภายใน ที่ก้นกระเปาะมีน้ำย่อยอย่างอ่อนขังอยู่ เพื่อใช้ย่อยละลายวัตถุธาตุในซากแมลง และดูดน้ำไปใช้เป็นอาหารหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของพันธุ์ไม้ พืชพวกนี้มีด้วยกัน ๓ ชนิด คือ


พันธุ์ไม้กินแมลง (insectivorous plants)เขนงนายพราน พบขึ้นตามป่าละเมาะที่มีดินปนทรายและน้ำขัง
หม้อแกงค่าง พบขึ้นตามป่าพรุ
หม้อแกงลิง หรือ น้ำเต้าพระฤาษี พบขึ้นตามป่าทุ่งดินทรายในระดับสูง
๓. สาหร่ายข้าวเหนียว (Utricularia) เป็นพืชขนาดเล็ก มีอยู่ด้วยกันมากชนิดขึ้นตามที่แฉะชื้นน้ำขังหรือตามบึง ใบออกเป็นกระจุกที่โคนต้น ส่งช่อดอกขึ้นมาสูง ดอกสีขาวเหลือง ม่วงแดง หรือม่วงน้ำเงิน พันธุ์ไม้กลุ่มนี้มีกระเปาะเล็กๆ ตามรากมีช่องเปิดสำหรับตักไรน้ำกินเป็นอาหาร
กาฝาก (parasites)

กาฝาก (parasites) เป็นพืชที่อาศัยเกาะขึ้นกับพืชอื่น และแย่งอาหารจากพืชที่เกาะอยู่และ บางชนิดก็แย่งอาหารจากพวกกาฝากด้วยกันพืช พวกกาฝากจะมีรากชนิดหนึ่ง เรียกว่า รากเบียน (haustoria) ที่แทงทะลุเปลือกไม้เข้าไปถึงขั้นเยื่อสร้างความเจริญเติบโต (Cambium) ของพืชที่เกาะอาศัยอยู่ พืชกาฝากแบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ
๑. พวกเบียนลำต้นเป็นพืชในวงศ์ลอแรนทาซิอี (Loranthaceae) ซึ่งมีหลายสกุล และมากมายหลายชนิด พบขึ้นทั่วไปตามต้นไม้ต่างๆ และมักเรียกชื่อตามต้นไม้ที่เกาะเบียนอยู่ เช่น กาฝาก มะม่วง กาฝากก่อตาหมู เป็นต้น
๒. พวกเบียนราก มีหลายวงศ์ เช่น

วงศ์ขนุนดิน (Balanophoraceae) อาศัยเกาะกินรากต้นไม้ป่าชนิดต่างๆ ตัวอย่างเช่น ขนุนดินลำต้นแยกแขนงสั้นๆ ชิดกันเป็นกระปุกใหญ่สีน้ำตาล ผิวขรุขระ ส่วน โหราเท้าสุนัข ซึ่งใช้เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งนั้น ลำต้นแยกแขนงค่อนข้างห่างกัน
วงศ์ดอกดิน (Orobanchaceae) อาศัยเกาะกินอาหารจากรากไผ่
วงศ์บัวผุดRafflesiaceae) ได้แก่ กระโถฤาษี ดอกตูม เป็นก้อนกลมๆ สีขาว เวลาบานจะเห็นภายในสีน้ำหมากประเหลือง กลิ่นไม่ชวนดม

พืชอาศัย (epiphytic plants)

พืชอาศัย (epiphytic plants) ได้แก่พืชชนิดต่างๆ ที่อาศัยพำนักอยู่ตามราก ลำต้น กิ่งและใบของต้นไม้ด้วยการใช้รากเกาะยึดอยู่ตามผิวของส่วนนั้นๆ โดยที่ไม่ได้ส่งรากเบียนแทงทะลุเข้าไปแย่งอาหาร ดังเช่น กาฝาก พืชที่เกาะขึ้นอยู่ตามก้อนหินและผิวหินทั่วๆ ไปในป่านั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย พืชอาศัยนี้มีอยู่มากมายหลายชนิดและพอจะจัดแยกออกได้เป็นพวกๆ ๕ พวก คือ
๑. ฝอยลม (lichens) พืชพวกนี้มีลักษณะครึ่งสาหร่าย (algae) ครึ่งเห็ด (fungi) พบขึ้นบนผิวเปลือกไม้ตามลำต้น และกิ่งของต้นไม้หรือตามก้อนหิน มีลักษณะรูปร่างแตกต่างกันไป บางชนิดเป็นแผ่นเรียบ ผนึกราบกับวัตถุที่ขึ้นอยู่เป็นกาบล่อนๆ เป็นฝอยห้อยยาว หรือเป็นก้อนกระจุกขึ้นชิดติดกันชนิดที่เรียกว่าฝอยลมนั้นอยู่ในสกุล Usnea ชาวชนบทนิยมใช้แช่น้ำให้หญิงขณะทำคลอดดื่ม ทำให้คลอดบุตรง่าย
๒. หญ้ามอสส์ (mosses) มีอยู่ทั่วไปในป่าดิบชื้น ทั้งในระดับต่ำและระดับสูง จะเห็นว่าพืชประเภทนี้ปกคลุมราก ลำต้น กิ่ง และใบของต้นไม้ หรือตามก้อนหินอยู่ทั่วๆ ไปหญ้ามอสส์มีประโยชน์ในด้านอนุรักษ์ในข้อที่ว่าช่วยสร้างความสมบูรณ์ของดินให้สูงขึ้น และช่วยรักษาระดับความชื้นในป่านั้นๆ ให้คงที่อยู่ตลอดไป ชนิดที่ขึ้นอยู่ตามใบนั้น เมื่อขยี้จะมีกลิ่นฉุน จำพวกนี้จัดอยู่ในกลุ่มตะไคร่น้ำ (hepatics)
๓. ผักกูด (ferns) จะขึ้นอยู่มากในป่าดิบชื้น และทำหน้าที่ทำนองเดียวกันกับหญ้ามอสส์ และตะไคร่น้ำ ผักกูดบางชนิดมีทรวดทรงและใบงดงามจึงมีผู้นำมาปลูกเป็นไม้ประดับกันหลายชนิดเช่น ข้าหลวงหลังลาย ชายผ้าสีดา และกูดหูควาก เป็นต้น ผักกูดบางชนิดชาวชนบทได้ใช้เป็นสมุนไพร เช่น ว่านงู หรือว่านนาคราช กล่าวกันว่าใช้แก้งูพิษได้ดี
๔. กล้วยไม้ (orchids) มักชอบขึ้นในป่าที่มีภูมิอากาศแห้งในเวลากลางวัน และความชื้นสูงในเวลากลางคืน และจะพบว่ากล้วยไม้ส่วนใหญ่มักขึ้นในป่าเต็ง รัง ที่มีความร้อนจัดในตอนกลางวันกล้วยไม้ที่พบขึ้นตามต้นไม้ และก้อนหินที่มีดอกสวยงามนั้นก็คือ
ฟ้ามุ่ย ดอกสีน้ำเงินขนาดใหญ่
สามปอยดง ดอกสีขาวอมเหลือง กลิ่น หอมและบานทน
ช้างกระ ดอกสีขาวมีประแดง กลิ่นหอมและบานทน
ช้างเผือก ดอกสีขาวสะอาด กลิ่นหอมและบานทน
ช้างแดง ดอกสีแดง กลิ่นหอมและบานทน
กุหลาบเหลือง ดอกสีเหลือง ลิ้นม่วงแดง
โคราช กลิ่นหอมและบานทน
เอื้องคำและเอื้องผึ้ง ดอกสีเหลือง
ผมผีพราย ดอกสีม่วงชมพู
เอื้องแซะ ดอกขาวลิ้นเหลือง กลิ่นหอม นิยมปลูกทางเหนือ เพราะพบขึ้นตามป่าเขาระดับสูง
เข็มเหลือง ดอกสีเหลืองส้ม
เข็มแสด ดอกสีเหลืองแสด
เข็มแดง ดอกสีม่วงแดง

๕. ไทร เป็นพันธุ์ไม้ในสกุลมะเดื่อ (Ficus)ผลสุกเป็นอาหารหลักของนกชนิดต่างๆ เมื่อนกไปถ่ายมูลไว้ตามคบไม้ เมล็ดไทรก็จะงอกขึ้นเป็นต้น และส่งรากลงมาตามลำต้นไม้จนถึงพื้นดินได้อาหารในดินเพิ่มขึ้นก็จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งเรือนยอดขึ้นไปเหนือต้นไม้ที่อาศัยอยู่ ในขณะเดียวกันก็ใช้รากโอบพันลำต้นไว้เพื่อพยุงลำต้นให้สามารถทรงตัวอยู่ได้อย่างมั่นคง ในที่สุดต้นไม้นั้นจะตายเพราะไม่ได้รับแสงแดดเพียงพอ ต้นไทรก็สามารถยืนต้นอยู่ได้ โดยอาศัยลำต้นตายนั้นเป็นแกน ไทรมีอยู่มากชนิด ที่พบมากคือ ไทรพัน ไทรทอง กร่างและไกร
Read more »

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บันได 5 ขั้น สู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่าและเป็นสุข

บันไดขั้นที่ 1 มองตัวเองว่าดีและมีค่าทุกวัน
ในแต่ละวันให้นึกถึงความดี และความโชคดีของตนเอง เริ่มต้นด้วยการตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเอง และนึกว่าโชคดีที่ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ให้นึกถึงความดีของตนเอง ที่เคยทำมาแล้วในอดีต (ที่สามารถนึกได้ง่ายๆ) เช่น เคยทำบุญ เคยช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เคยสงเคราะห์สัตว์ ฯลฯ คิดว่าตัวเองดี และมีคุณค่าที่ได้เคยทำสิ่งดีๆ และให้นึกซ้ำๆ จะได้เกิดความเชื่อตามที่นึกนั้น คุณก็จะเกิดความอิ่มเอิบใจ และเชื่อว่าตัวเองมีความดี ความเก่ง ตามความเป็นจริงในขณะนั้นด้วย คุณจะเกิดความอยากมีชีวิตอยู่ และสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับชีวิตต่อไป และต้องอวยพรตัวเองเสมอๆ อย่าแช่ง หรือตำหนิตัวเอง และอย่ารอให้คนอื่นมาชื่นชมคุณ ซึ่งมักจะไม่ได้ดั่งใจ หรือได้มาก็ไม่สมใจ

บันไดขั้นที่ 2 มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี
ขั้นนี้คุณจะต้องมองว่า ทุกๆ คน มีขีดจำกัดของความสามารถ ความดี ความเก่งกันทุกคน ตามความเป็นจริงของเขา ซึ่งไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกันเลย ส่วนความไม่ดี หรือไม่เก่งของเขา (ซึ่งมีกันทุกคน) ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาไป ให้มองเฉพาะส่วนที่ดีของเขาเท่านั้น ถ้าคุณทำได้เช่นนี้ คุณก็จะเป็นคนที่มองอนาคน และชีวิตดี มีความหวังที่ดีในชีวิตตลอดเวลา สองสิ่งนี้ ถ้าคุณทำเป็นนิสัย คุณจะพบว่า โลกนี้มีสิ่งที่ดีๆ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นสุขนิยมทั้งชีวิต

บันไดขั้นที่ 3 ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
คือการอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้และเวลานี้ให้ดีที่สุด ทำได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ทุกข์ร้อน หรือคาดหวังกับผลลัพธ์ของมัน ไม่ว่าจะสมใจ หรือไม่สมใจก็ตาม จงชื่นชมในความตั้งใจ ทำเต็มความสามารถของตนเอง และคิดต่อว่า ในอนาคตจะต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น คุณต้องเลิกจดจำ หรือนึกถึงเรื่องที่ไม่ดีที่เกิดกับคุณในอดีต เพราะการจดจำเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต เท่ากับคุณไปสะกิดแผลในใจ และจะทำให้คุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ปัจจุบันคุณไม่มีความสุข และกลัวว่าอนาคตจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีซ้ำๆ อีก

บันไดขั้นที่ 4 มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ
ความหวัง ความเชื่อ เกิดจากความคิดถึงบ่อยๆ หรือได้ยินบ่อยๆ จงนึกและบอกกับตัวเองเสมอว่า อนาคตจะดีขึ้นอีกเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดกำลังใจมากขึ้น อยากพบเห็นสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตโดยไม่กลัว มีอารมณ์ขัน และไม่จริงจังกับชีวิตมากนัก แต่จะมีความหวังที่ดีๆ (Good Hope) อยู่เสมอ แต่อย่ามีความคาดหวัง (Expectation) กับชีวิต เพราะถ้าคาดหวังกับชีวิต เรามักจะกลัว หรือกังวลว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ดังความคาดหวัง หรือเมื่อได้มาแล้วก็มักไม่พอใจ จึงอาจทำให้เกิดทุกข์ได้


บันได้ขั้นที่ 5 ปรับปรุงตัวเองเสมอ

โดยปรับปรุง 4 ส่วนที่มีความสำคัญต่อชีวิต คือ

1. การงาน ให้มีความขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัว และกล้าลงมือปฏิบัติในสิ่งที่ควรทำ จะทำให้มีการลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตได้เรื่อยๆ และปรากฏเป็นผลงานที่ชัดเจน
2. ครอบครัว จะต้องยึดหลักที่เป็นมงคลต่อกันคือ ไม่อิจฉา ไม่ระแวง ไม่แข่งขัน ไม่นอกใจ รู้จักการให้และการอภัย มีน้ำใจ และรู้จักเกรงใจกัน
3. สังคม หมั่นสร้างมิตรเสมอ มีการให้ความสำคัญกัน ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และพูดจากันแบบปิยะวาจา
4. ตนเอง ต้องมีการพัฒนาตนเองเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง สามารถให้กำลังใจตัวเองได้ และมีกำลังใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น


แหล่งข้อมูล : www.ku.ac.th/e-magazine - นิตยสารเกษตรศาสตร์ ฉบับที่ 68 กุมภาพันธ์ 2549
Read more »

ตกขาว...อย่าตกใจ

ภาวะตกขาว

ภาวะตกขาว ซึ่งบางทีเรียกว่า มุตกิด หรือระดูขาวนั้น เป็นภาวะหนึ่ง ที่สตรีส่วนมากต้องประสบ และทำให้สตรีจำนวนไม่น้อย มาพบแพทย์และสูตินรีแพทย์ ภาวะดังกล่าว อาจเป็นอาการที่แสดงออกมา จากการตอบสนองต่อฮอร์โมนในสตรีที่ปกติ หรือจากการที่เป็นโรคที่ไม่รุนแรง เรื่อยไปจนกระทั่งถึงโรคที่รุนแรงก็ได้ ดังนั้นภาวะนี้จึงมีความสำคัญมิใช่น้อย

ตกขาว คือ อะไร

ตกขาว เป็นของเหลวใดๆ ที่ไหลออกมานอกช่องคลอด แต่ไม่ใช่เลือด ของเหลวดังกล่าวส่วนใหญ่ ถูกสร้างขึ้นจากช่องคลอด ปากมดลูก และอวัยวะข้างเคียงบริเวณปากช่องคลอด ลักษณะของตกขาว จะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งในขณะที่อยู่ในภาวะปกติ หรือกำลังเป็นโรคอยู่

ภาวะตกขาวที่ปกติเป็นอย่างไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร

ตามปกติแล้วในสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ (อีกนัยหนึ่ง คือ สตรีที่อยู่ในช่วงอายุที่ยังมีประจำเดือน หรือมีฮอร์โมนเพศหญิงเจริญเต็มที่) จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไป ตามระยะของประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลต่อการลักษณะของเหลว ที่สร้างขึ้นมาจากอวัยวะต่างๆ ในระบบสืบพันธุ์สตรี ดังเช่น ในช่วงกึ่งกลางรอบประจำเดือน หรือระยะใกล้เคียงกับการตกไข่ ซึ่งเป็นเวลาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ทำให้ในช่วงเวลานี้ จะมีตกขาวลักษณะค่อนข้างเหลวใสๆ ปริมาณมากกว่าระยะเวลาอื่น ส่วนตกขาวในระยะเวลาอื่น จะมีสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก นอกจากนั้นแล้ว ตกขาวที่ปกติควรจะไม่คัน และไม่มีกลิ่น ถ้าตกขาวของท่านมีลักษณะดังที่กล่าวมานี้ ถือว่าปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา

อย่างไรก็ตาม สตรีแต่ละท่านจะมีปริมาณตกขาวแตกต่างกันไป บางท่านอาจมีปริมาณตกขาวมาก จนเปื้อนชุดชั้นในอยู่หลายวันในแต่ละเดือน แต่สำหรับบางท่านอาจมีปริมาณน้อย จนไม่รู้ว่ามีตกขาวเลย

นอกจากนี้ ฮอร์โมนในสตรีในวัยดังกล่าว ทำให้เซลล์ในช่องคลอดสมบูรณ์ และมีการสร้างสารประเภทแป้ง ที่เรียกว่า ไกลโคเจน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนแปลง โดยแบคทีเรียชนิดหนึ่งให้เป็นกรดอ่อนๆ ภาวะนี้จะช่วยป้องกัน การรุกรานจากเชื้อโรคชนิดอื่น ที่ก่อให้เกิดความผิดปกติได้

ภาวะตกขาวที่ผิดปกติเป็นอย่างไร มีสาเหตุจากอะไร

ตกขาวผิดปกติ จะมีลักษณะที่ต่างออกไปจากที่กล่าวมาข้างต้น จะมีสาเหตุใหญ่อยู่ 2 ประเภท คือ สาเหตุจากการติดเชื้อ และสาเหตุจากการไม่ติดเชื้อ

ตกขาวที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ

ตกขาวจากสาเหตุนี้ เกิดได้จากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา และพยาธิในช่องคลอด ตกขาวประเภทนี้ บางชนิดจะมีลักษณะที่ค่อนข้างเฉพาะตัว ดังจะกล่าวต่อไป

ตกขาวที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส

เชื้อไวรัสบางชนิด เป็นเชื้อโรคที่ติดต่อมา โดยการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ บางครั้งอาจไม่มีอาการชัดเจน ตัวอย่างของโรคในกลุ่มนี้ได้แก่ โรคเริมซึ่งเป็นโรคที่ไม่หายขาด จะมีอาการเป็นตุ่มใสๆ ขนาดเล็ก ต่อมาจะแตกเป็นแผลแสบ มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในครั้งแรกที่ปรากฏอาการ

ตกขาวที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย

ตกขาวประเภทนี้ มักมีสีเหลือง หรือค่อนข้างเขียว อาจมีอาการคันในบางราย เชื้อบางชนิดอาจเกิดตกขาว มีกลิ่นคาวปลาหลังการร่วมเพศ แต่ในกรณีที่มีการติดเชื้อจากโรคหนองใน จะมีตกขาวสีเหลืองจัด อาจร่วมกับมีอาการปัสสาวะแสบขัดได้

ตกขาวมีสาเหตุจากเชื้อรา

เชื้อราในช่องคลอด มักทำให้เกิดอาการตกขาวสีขาว มีลักษณะเป็นก้อนเล็ก ๆ คล้ายนมที่ทารกแหวะออกมา และมีอาการคันช่องคลอด การตกขาวชนิดนี้ มักไม่ได้เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ น้ำยาสวนล้างช่องคลอด ที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยกำลังใช้ยาที่มีฤทธิ์กดภูมิต้านทาน

ตกขาวที่มีสาเหตุจากเชื้อพยาธิในช่องคลอด

พยาธิชนิดนี้ เป็นโรคติดต่อเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง มักมีสีเหลือง อาจเห็นเป็นฟอง มีอาการคันช่องคลอด และอาจมีกลิ่นออกเปรี้ยวเล็กน้อย

ตกขาวที่มีสาเหตุจากการไม่ติดเชื้อ

ตกขาวผิดปกติประเภทนี้ มีสาเหตุได้จาก การระคายเคืองหรือแพ้สารเคมี จากมะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี (เช่น มะเร็งของปากมดลูก ช่องคลอด ท่อนำไข่) รวมทั้งเกิจากการมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด

ท่านจะทำอย่างไรในกรณีที่เกิดปัญหาตกขาว

ท่านที่ประสบปัญหาตกขาว ที่มีลักษณะปกติดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ท่านก็ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาแต่อย่างไร เพียงแต่ควรมาพบสูตินรีแพทย์ของท่าน เพื่อตรวจภายใน พร้อมทั้งตรวจมะเร็งปากมดลูกประจำปี

แต่ถ้าหากว่าท่านมีอาการตกขาว ที่มีลักษณะผิดปกติ กล่าวคือ มีสี กลิ่นผิดไปจากปกติหรืออาจมีอาการคันร่วมด้วย ก็ควรจะได้รับการตรวจ และรักษาให้ถูกต้องตามสาเหตุ ทั้งนี้เนื่องมาจากการรักษาที่ตรงตามสาเหตุ จะทำให้โรคหายเร็วขึ้น เช่น ในกรณีที่ตกขาวจากเชื้อรา แพทย์อาจจะให้ยาเหน็บรักษาด้วย โคลไทรมาโซล หรือถ้าเป็นจากเชื้อพยาธิในช่องคลอด ก็อาจจะต้องใช้ยารับประทาน เมโทรนิดาโซล เป็นต้น

ประการที่สอง สาเหตุของตกขาวที่ปิดปกติ บางครั้งอาจเกิดจากมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรีได้ โรคดังกล่าวนี้ ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

ส่วนประการสุดท้ายคือ ถ้าอาการตกขาวของท่านมีสาเหตุจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ท่านควรจะได้รับการตรวจหา พร้อมกับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น ที่อาจเกิดร่วมด้วย รวมทั้งต้องมีการตรวจรักษาคู่สมรสด้วย จึงจะไม่ทำให้ท่านและคู่สมรส เกิดภาวะแทรกซ้อน และเกิดโรคขึ้นซ้ำอีกในภายหลัง
Read more »

สำรวจจุดซ่อนเร้นก่อนสายเกินแก้

ทำไมจึงต้องสำรวจจุดซ่อนเร้น?

ก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นเต้านม ผิวหนัง ตา หู ฯลฯ ที่ี่เราควรการสำรวจด้วยต้วเองเป็นประจำ ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งก่อนลงมือสำรวจควร

1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มสำรวจ
2. นั่งกึ่งนอนเอนตัวพิงหมอนในท่าที่สบาย ยกหลังขึ้นหรือจะนั่งคุกเข่าแยกขาออกจากกัน
3. เอากระจก และไฟส่อง เพื่อให้มองเห็นคุณหนูจิ๋มให้ถนัดและชัดเจน
4. สำรวจไล่เรื่อยจากผิวหนังรูขุมขนที่หัวเหน่า ลงไปที่แคมนอก จนถึงฝีเย็บและทวารหนัก
5. จากนั้นใช้นิ้วมือทั้งสองข้างแล้วแต่ถนัด แยกหลืบของแต่ละชั้นเพื่อสำรวจ โดยเริ่มตั้งแต่ แคมนอก คลิทอริส หลืบแคมใน เพื่อดูรูเปิดของท่อปัสสาวะและช่องคลอด โดยตลอดการสำรวจจุดซ่อนเร้นด้วยตนเองให้ค้นหาว่า
• มีรอยแดงที่ไหน
• มีการบวมหรือไม่
• มีจุดด่างสีจางลงหรือคล้ำขึ้นของพื้นผิวหรือไม่
• มีตุ่มน้ำ ตุ่มหนองหรือไม่
• มีความขรุขระหรือเป็นก้อนนูนที่ไหน
• หรือมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น
พร้อมกับสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่
- คัน ระคายเคือง
- มีเลือดออก
- ปวดแสบปวดร้อน
- รู้สีกไม่สบาย อึดอัดและปวด


ถ้ามีอาการหรือสังเกตว่ามีอะไรผิดปกติไป ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุ ก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้แต่เนิ่นๆ

คุณหนูจิ๋มจะมีปัญหาอะไรได้บ้าง

มีปัญหามากมายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับหนูจิ๋ม บางอาการเป็นปัญหา ที่เกิดจากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุ ก็อาจมีหลายอาการเกิดร่วมกันอยู่ นั่นคือสิ่งที่ต้องให้หมอช่วยตรวจดูให้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซักถามประวัต ิและอาการเพิ่มเติมจากที่คุณบอก การตรวจภายใน หรืออาจต้องใช้แลปช่วยค้นหาสาเหตุ และการติดตามผลการรักษา ว่ายังมีปัญหาต่อเนื่องอยู่อีกหรือไม่ ซึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยๆ บริเวณจุดซ่อนเร้นคือ • เชื้อรา (yeast, candida, fungus)
เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากๆ เวลาที่มีเชื้อราที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ก็มักจะมีการติดเชี้อด้วยเสมอ อาการที่มักจะมีก็คือ คัน แสบร้อน แดง ถ้าคันมากก็มักจะมีรอยถลอกจากการเกาอยู่ด้วย ถ้าสังเกตให้ดี ก็มักจะเห็นมีตกขาว สีออกขาวหรืออาจปนเหลือง อาจเป็นน้ำหรือจับตัวเป็นก้อน ไหลออกมาจากช่องคลอด เวลาถ่ายปัสสาวะ ก็จะแสบบริเวณปากช่องคลอด เนื่องจากผิวมีอาการอักเสบอยู่
• เชื้อกามโรคอื่นๆ (STD : sexual transmitted disease) เกิดบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งอาจจะมีการติดเชื้อ จากการมีเพศสัมพันธ์ได้ เช่น
- จากโลน (lice) เป็นแมลงที่หน้าตาคล้ายเหา ดูดกินเลือด มักอยู่ที่ใต้เส้นขนทั้งหลายแหล่ และที่แน่ๆ มันมักจะอยู่ที่บริเวณหัวเหน่าและแคมนอก ทำให้เกิดอาการคัน และหากสังเกตเห็นว่ามีจุดเลือดเล็กๆ หลายๆ จุดเปื้อนกางเกงในอยู่เสมอ หรือถ้าเกิดเห็นเจ้าตัวโลนคลานไปมาอยู่ ก็ให้มั่นใจว่าใช่แน่นอน
- จากไวรัส ส่วนใหญ่จะป็นเรื่องของหูดหงอนไก่ (genital ward, condyloma) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส human papilloma เจ้าพื้นผิวที่ติดเชื้อ จะนูนเป็นปื้นเป็นแผ่น และมักจะยกตัวเป็นกลุ่ม คล้ายดอกกะหล่ำ
- เริม (genital herpes) เกิดจากการติดเชื้อ herpes simplex virus อาการอาจเป็นน้อยจนถึงมาก แล้วแต่สภาพการณ์ อาจมีเพียงปวดแสบร้อน คัน มีตุ่มน้ำ แล้วแตกออกเป็นแผลตื้นๆ ที่บริเวณปากช่องคลอด หรือถ้าเป็นมาก ก็อาจมีหลายแผลทั่วทั้งบริเวณ และอาจล้ำเข้าไปในช่องคลอดด้วย ในกรณีที่เป็นมาก มักมีไข้และต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต มักเป็นอยู่ประมาณ 1-2สัปดาห์ แล้วอาการก็จะหายไป แต่สามารถจะกลับเป็นซ้ำอีก นั่นก็เพราะเชื้อมักไปกบดาน ที่ระบบประสาทในร่างกายเรานั่นเอง แต่ในการกลับเป็นซ้ำในครั้งหลังๆ อาการมักจะน้อยกว่าครั้งแรกที่เป็น แม้ว่ารักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็มียาที่จะช่วยควบคุม และบรรเทาอาการได้
- จากแบคทีเรีย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน ฯลฯ อาการที่แสดงออกก็คือ อาจมีแผลที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีตกขาวจากในช่องคลอด มีอาการคัน ถ้าเป็นมาก อาจมีการติดเชื้อลามเข้าไปที่ท่อปัสสาวะ ทำให้มีอาการปัสสาวะแสบขัด ขุ่นเป็นหนอง หรือถ้าติดเชื้อที่ต่อมมูกบาร์โทลิน ทำให้เป็นฝีบวมแดง ปวด หรือติดเชื้อลามไปที่อวัยวะในอุ้งเชิงกรานต่อไปได้ ซึ่งก็จะปวดท้อง มีไข้และกลายเป็นหนอง ฝีที่ในอุ้งเชิงกราน และลุกลามเข้ากระแสเลือดต่อไปได้
- จากเชื้อทริโคโมนาส (Trichomonas) เมื่อติดเชื้อมักจะมีอาการตกขาว ออกมาจากช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น

• การแพ้สารต่างๆ ไม่ว่าจะแพ้สารใดๆ จากสบู่ สารซักฟอก ยา ผ้าอนามัย ฯลฯ มักจะมีผื่นแดง และอาการคันให้รู้สึกได้
• วัยที่เปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุ ความแห้งที่บริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จะทำให้รู้สึกคัน แสบหรือยิบๆ ได้ ถ้าเกามากๆ ก็จะมีรอยถลอก และกลายเป็นแผลต่อเนื่องได้
• มะเร็งมะเร็งที่บริเวณปากช่องคลอด ก็มักเป็นมะเร็งของผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่คล้ำ หรือซีดจางลง มีรอยนูนเป็นแผ่นหรือเป็นแผลเรื้อรัง ก็อย่านิ่งนอนใจควรสังเกตและปรึกษาแพทย์
ส่วนมะเร็งที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็น มักไม่มีอาการใดๆ แต่ถ้าเป็นมากแล้ว อาจมีอาการเลือดออก เวลามีเพศสัมพันธ์หรือมีตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดก็ได้


อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือโตเป็นสาว จนสูงวัยแค่ไหน ความจำเป็นของการตรวจจุดซ่อนเร้น ก็คงไม่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณแม่ก็คงต้องสอนวิธีดูแลให้กับลูกสาว เพื่อจะได้ดูแลตัวเองเป็นด้วยนะคะ
Read more »

เซลลูไลท์วายร้ายของคุณผู้หญิง?

ในสายตาคนทั่วไป การพิจารณารูปร่างใครสักคนว่า จะดีหรือได้สัดส่วนมีเกณฑ์อย่างไร? เพราะหากมีเกณฑ์เหมือนดารา หรือนางแบบในปัจจุบัน คาดว่าผู้หญิง 80% อาจไม่ผ่าน แม้ว่าค่าดัชนีมวลกาย (BMI) หรือความสมดุลระหว่างน้ำหนักและส่วนสูง จะต่ำกว่ามาตรฐานอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งกระแสนิยมหุ่นผอมเพรียวอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้หลายคนกังวลเรื่องรูปร่างเกินพอดี

หากย้อนกลับไปสมัยอารยธรรมโบราณ เช่น กรีก โรมัน ศิลปกรรมมากมายสะท้อนภาพลักษณ์ ผู้หญิงที่สวยงามต้องมีรูปร่างท้วม ต่อมาความคิดนี้ได้เปลี่ยนไป เมื่อประเทศตะวันตกได้รับอิทธิพลแฟชั่น ผู้หญิงใส่เสื้อผ้าเปิดเผยเนื้อหนังมากขึ้น เกิดการเปรียบเทียบรูปร่าง กำหนดรูปร่างในอุดมคติ จนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้หญิง รุ่นใหม่กลัวความอ้วนมากกว่าการเจ็บป่วย แม้คนที่น้ำหนักปกติจนถึงขั้นผอมก็หันมาควบคุมน้ำหนัก ขจัดไขมันส่วนเกิน ซึ่งล่าสุดเกิดกระแสขจัดเซลลูไลท์ เพื่อให้สวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ไขมันส่วนเกิน VS เซลลูไลท์ ?

อันดับแรกต้องเข้าใจว่า ไขมันส่วนเกินกับเซลลูไลท์ ไม่เหมือนกัน ไขมันส่วนเกินหมายรวมถึง ไขมันที่มากเกินปกติ อาจสะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหนังทั้งลึกและตื้น รวมถึงสะสมที่อวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ภาวะนี้เกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ถ้ามีไขมันส่วนเกินสะสมไปทั่วร่างกาย สามารถเห็นส่วนโค้งของก้อนไขมันสะสมยื่นนูนชัดเจน ซึ่งผิวหนังบริเวณนั้นก็อาจเรียบตึง และที่สำคัญสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาข้อเสื่อม ปวดหลัง เส้นเลือดขอด โรคตับ แต่สำหรับคำว่าเซลลูไลท์ ที่ใช้เรียกกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน จริงๆ แล้วไม่ใช่ศัพท์บัญญัติทางการแพทย์ หรือทางวิทยาศาสตร์ เป็นการเรียกเซลล์ไขมันที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ในชั้นล่างของผิวหนัง ผิวหนังบริเวณนั้น จึงถูกดันให้นูนขึ้น ก่อให้เกิดผิวลักษณะเป็นคลื่นตะปุ่มตะป่ำคล้ายผิวเปลือกส้ม สามารถพบได้ทั้งคนอ้วนและไม่อ้วน โดยเฉพาะผู้หญิงจะพบมากบริเวณต้นขาและสะโพก เซลลูไลท์ไม่ก่อให้เกิดผลเสีย ทางสุขภาพแต่อย่างใด ยกเว้นเรื่องความสวยงามหรือความมั่นใจเท่านั้น

ทำไมถึงเกิดเซลลูไลท์ ?

ชั้นใต้ผิวหนังส่วนใหญ่ประกอบด้วย เซลล์ไขมันและเนื้อเยื่อ ซึ่งเซลล์ไขมันจะเรียงกันเป็นกลุ่มก้อน (fat lobule) มากมาย โดยมีเส้นใยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหุ้มรอบๆ อีกที เมื่อเรารับประทานไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เซลล์ไขมันเหล่านี้ ก็จะพองตัวและอาจขยายขึ้นได้มากกว่า 3 เท่าของขนาดปกติ เนื้อเยื่อไขมันจึงดันตัวออกนอกกรอบ แต่เส้นใยที่ขึงอยู่นั้น ไม่ยืดตาม ทำให้เกิดการรัดตึง ในบางแห่งจนเห็นริ้วคลื่นบนผิวหนังได้ โดยเฉพาะกับผู้หญิง ที่มีผิวบางกว่าผู้ชาย จะเห็นรอยได้ชัดเจน และเมื่อมีการสะสมมาก เซลล์ไขมันที่ก่อตัวผิดปกติ จะเบียดหลอดเลือดและท่อน้ำเหลือง ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สม่ำเสมอ การถ่ายเทของเสียผ่านท่อน้ำเหลือง ระบบแลกเปลี่ยนสารต่างๆ ระหว่างเซลล์เสียสมดุล โครงสร้างเนื้อเยื่อของเซลล์ใต้ผิวหนังเสื่อมสภาพ และขาดความกระชับยืดหยุ่น

วิธีขจัดไขมันส่วนเกินและเซลลูไลท์

วิธีลดไขมันส่วนเกินที่ได้ผลดีที่สุดคือ การออกกำลังกายและควบคุมอาหาร แต่สำหรับปัญหาเซลลูไลท์ แม้ว่าควบคุมอาหาร ก็ไม่สามารถขจัดได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงรูปร่าง สมส่วนที่ควบคุมอาหาร ก็ยังพบว่ามีเซลลูไลท์ ทั้งนี้เพราะมีปัจจัยหลายด้านเกี่ยวข้อง เช่น พฤติกรรมการกิน พันธุกรรม ฮอร์โมน การตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินได้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยแปรรูปเนื้อเยื่อไขมัน ที่สะสมในร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อในชั้นผิวหนัง ซึ่งจะเสริมความแข็งแรง เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น

ทางเลือกในการขจัดเซลลูไลท์

์ปัจจุบันนี้สถานบริการความงาม เสนอวิธีลัดสำหรับคนที่ต้องการดูดี แบบประหยัดเวลา มีทั้งการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย ร่วมกับการนวดด้วยครีม และวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก เริ่มจากหลักการการทำงาน ของเครื่องมือนวดกระชับสัดส่วน คือ การอาศัยเทคนิคต่างๆ เช่น พลังงานความร้อน-เย็น คลื่นความถี่ต่ำ หรือแรงดูดสูญญากาศและการนวด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ลดการบวมน้ำ และช่วยให้ไขมันใต้ผิวหนัง จัดเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบ ทำให้รู้สึกว่าผิวกระชับขึ้น ส่วนการใช้ครีมนวดกระชับสัดส่วน แม้ว่าจะมีบทความโฆษณา สรรพคุณของสารมากมายหลายชนิด แต่ก็ไม่สามารถหางานวิจัยที่เชื่อถือได้มาอ้างอิง จึงยังไม่มีข้อสรุปทางการแพทย์ ว่าสามารถสลาย หรือขจัดไขมันที่สะสมในร่างกายได้จริง อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบหลักของครีมเหล่านี้ มักมาจากสารสกัดจากพืชบางชนิด ซึ่งเชื่อว่ามีผลต่อเซลล์ไขมัน เช่น theophyline ที่พบมากในชา ส่วนผสมของคาเฟอีนที่พบในกาแฟ ชา ต้นโคล่า และ aminophyline ซึ่งใช้รักษาอาการหอบหืด เป็นต้น แม้ว่าการนวดที่ถูกวิธี สามารถกระตุ้นระบบน้ำเหลือง และทำให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นจริง แต่การประสบความสำเร็จ ในการลดเซลลูไลท์ได้หรือไม่ คงยังต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านของแต่ละบุคคล เพราะสุดท้ายอย่าลืมว่า ไม่ว่าจะใช้เทคนิคลดสัดส่วนแบบใด ไขมันส่วนเกินก็ยังคงอยู่ในร่างกาย เพียงแต่อาจเรียงตัวใหม่เท่านั้น

การแพทย์ทางเลือกประยุกต์เพื่อความสวยงาม

การแพทย์ทางเลือกที่ใช้รักษาโรคตั้งแต่อดีตได้รับ การประยุกต์มาใช้ ในเรื่องความสวยงามในยุคปัจจุบันมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมโสเทอราปี (mesotherapy) และคาร์บอกซี- เทอราปี (carboxytherapy) • เมโสเทอราปี (mesotherapy) คิดค้นโดย นพ.ไมเคิล ฟิสโต ชาวฝรั่งเศส เมโสเทอราปี เดิมใช้รักษาอาการปวด อันสืบเนื่องมาจากปัญหาหลอดเลือด เป็นทางเลือกในรักษา โดยใช้ยาฉีดยาเข้าผิวหนังชั้นกลางโดยตรง เรียกว่า เป็นทางเลือกในการรักษา นอกเหนือจากการรับประทานยา แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน มีแพทย์นำมาประยุกต์ใช้ในการเสริมสวย เพื่อสลายไขมันส่วนเกิน จนกลายเป็นที่นิยมในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ ซึ่งยาฉีดส่วนใหญ่จะเป็นวิตามิน สารสกัดจากพืช phosphatidylcholine หรือ deoxycholate ซึ่งเชื่อว่าสามารถช่วย ลดริ้วรอย ไขมันส่วนเกินและเซลลูไลท์ ด้วยหลักการเดียวกันคือ ปรับปรุงระบบ ไหลเวียนโลหิต ซึ่งผลข้างเคียงของการฉีดคือ รอยฟกช้ำ อย่างไรก็ตาม องค์การอาหารและยาของหลายประเทศ ยังไม่ได้รับรองความปลอดภัย และประสิทธิภาพของการรักษา เนื่องจากยาฉีดมาจากหลายแหล่ง และมีหลายขนาน ดังนั้น ผู้รับบริการจึงต้องใช้วิจารณญาณให้มาก โดยการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพึ่งพาแหล่งบริการที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น

• คาร์บอกซีเทอราปี (carboxy-therapy) เป็นการฉีดก๊าซคาร์บอน-ไดออกไซด์ในชั้นผิวหนัง ซึ่งเดิมทีใช้ร่วมกับการผ่าตัดแบบส่องกล้อง เพื่อขยายพื้นที่ภายในบริเวณรอบๆ จุดที่จะทำการผ่าตัด เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนอวัยวะอื่นๆ แต่ด้านความสวยงาม เชื่อว่า การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านเข็มขนาดเล็ก จะกำจัดเซลล์ไขมัน เพิ่มการไหลเวียนของเลือด แก้ไขปัญหาเซลลูไลท์ และผิวลาย มีรายงานวิจัยแสดงการตรวจชิ้นเนื้อไขมันใต้ผิวหนังภายหลัง การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พบว่าเซลล์ไขมันถูกทำลายโดยตรง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต มายังบริเวณที่ก๊าซแทรกซึมไปขณะรักษา จึงช่วยแก้ไขปัญหาเซลลูไลท์และผิวแตกลาย วิธีนี้ ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ว่า ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ยกเว้นหลังการฉีดจะรู้สึกอุ่น แสบและตึงๆ ผิวบริเวณชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และควรระมัดระวังในผู้มีปัญหาโรคปอด


ได้ผลจริงหรือไม่และเห็นผลนานเพียงใด ?

เป็นความจริงที่ว่า ในทางการแพทย์ไม่มีการรักษาใดที่จะได้ผลหรือปลอดภัย 100% เช่นเดียวกับวิธีขจัดเซลลูไลท์ ไม่ว่าจะอาศัยเครื่องมือนวด ใช้แรงมือนวด ครีมต่างๆ หรือกระทั่งการรักษาแบบทางเลือก ก็ใช่ว่าช่วยให้คุณมีหุ่นผอมเพรียวเหมือนนางแบบ หรือคำโฆษณา เพราะคนเรามีรูปร่างต่างกัน วิถีในการดำรงชีวิตต่างกัน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางจิตวิทยาเกี่ยวข้องอีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ในการทดลองของแผนกศัลยกรรมพลาสติกที่ Bradford Royal Infirmary เวสต์ ยอร์คเชียร์ ประเทศอังกฤษ ทดสอบการขจัดเซลลูไลท์ ด้วยครีมกระชับสัดส่วน ด้วยการให้ผู้หญิงที่มีปัญหาเซลลูไลท์ 35 คน ทาครีมกระชับสัดส่วนโดยทาขาทั้งซ้ายและขวา วันละ 2 ครั้ง โดยผู้เข้าร่วมทดลองไม่ทราบว่า มีกลุ่มหนึ่งทาครีมธรรมดา (ยาหลอก) และอีกกลุ่มทาครีมกระชับสัดส่วน ปรากฏว่าค่า BMI และเส้นรอบวงของต้นขาทั้งสอง ก่อนและหลังการทาครีมกระชับสัดส่วน นาน 12 สัปดาห์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่แตกต่างจากการได้รับ ยาหลอก แต่ผู้หญิง 3 คนจากทั้งหมด รู้สึกว่าผิวกระชับขึ้น สรุปว่าการได้รับการรักษาวิธีใด วิธีหนึ่งอยู่ก็สามารถส่งผลดีต่อจิตใจ ดังนั้น ผู้ให้บริการจึงใช้วิธีต่างๆ หรือให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อสร้างกำลังใจในการขจัดเซลลูไลท์ เช่น คำแนะนำในการปรับปรุงการรับประทานอาหาร และความสำคัญของการออกกำลังกาย ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม การรักษาเพื่อขจัดไขมันส่วนเกิน และเซลลูไลท์ด้วยวิธีต่างๆ ไม่สามารถขจัดไขมันส่วนเกินให้หายขาดได้ หากปราศจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง ควบคู่กับการออกกำลังกาย ก็มีโอกาสที่เซลล์ไขมันจะขยายขนาด สู่สภาพเดิมหรือ มากขึ้นกว่าเดิม ส่วนปัญหาเซลลูไลท์ ไม่ได้ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ ดังนั้น หากไม่หวังผลในด้านบุคลิกภาพ หรือรูปร่างเหมือนดารา นางแบบ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา การมีสุขภาพที่ดี เริ่มจากพื้นฐานเรื่องอาหาร และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพียงแค่นี้ ก็ทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส อ่อนวัยไปอีกหลายปี

และสำหรับสาวๆ ที่กำลังวิ่งตามกระแสแฟชั่นหุ่นผอมเพรียว ขอย้ำว่าไม่จำเป็นต้องมีสัดส่วนดูดี 100% คุณก็สามารถดูดีได้จากการแต่งกาย การเดิน ยืน นั่ง พูด และที่สำคัญความสามารถทางความคิด ซึ่งทำให้คนรอบข้าง ชื่นชมรักใคร่

คุณรู้ไหมว่า...

การลดไขมันส่วนเกินบริเวณต้นขา หรือสะโพกด้วยวิธีอดอาหาร ไม่สามารถขจัดไขมันเฉพาะส่วนได้ นอกจากนี้ หากสูญเสียไขมันบริเวณนั้นเป็นเวลานาน ผิวหนังซึ่งเดิมยืดตามไขมันที่พอกตัวเกินจะหย่อนคล้อย ทำให้เกิดผิวหนัง ส่วนเกิน ดังนั้นการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักแบบ เห็นผลเร่งด่วนจึงไม่ดีต่อสุขภาพและรูปร่าง
Read more »

วิธีลดน้ำหนัก เพื่อสาวออฟฟิศ

ก็รู้นะคะว่าต้องทำอย่างไร แต่ดิฉันทำไม่ได้” เป็นประโยคที่คุ้นหูสำหรับนักกำหนดอาหารมาก ถึงแม้ว่าเราทราบดีว่า อาหารมีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่หลายคนมักไม่มีเวลากินอาหารเช้า ทำงานตลอดเที่ยง เลือกกินจุบจิบ ที่ไม่ค่อยมีสารอาหารมากนักตลอดทั้งวัน และด้วยหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบต่างๆ ก็ทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ทำให้น้ำหนักตัวขึ้นเอาๆ

ความอ้วนไม่ได้เป็นปัญหา แค่ในเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ความอ้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคต่างๆ มากมาย ได้แก่ โรคหัวใจ เส้นเลือดสมองแตก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง เก๊าท์ โรคในระบบทางเดินปัสสาวะ และปัญหานอนกรน หรือหยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วนมีความเชื่อว่า ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนัก และโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงดังนี้

• มีคนในครอบครัวเป็นโรคเรื้อรัง เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน จะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดโรคเหล่านี้ ถ้าอ้วน
• มีปัญหาความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล) สูง หรือน้ำตาลในเลือดสูง เป็นสัญญาณเตือนถึง โรคที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน
• ผู้ที่อ้วนลงพุง คือ มีไขมันสะสมบริเวณท้องมาก จะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ มะเร็ง หรือเบาหวาน สูงกว่าผู้ที่อ้วนบริเวณสะโพก

การลดน้ำหนักเพียง 10% จากน้ำหนักปัจจุบัน จะสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้มาก (ค่า BMI ปกติคือ 19-23 กิโลกรัม/เมตร2 และ เปอร์เซนต์ไขมันในร่างกาย ปกติของผู้หญิงคือ 23% และของผู้ชายอยู่ที่ 15%)

การควบคุมน้ำหนักตัว เป็นสิ่งที่ต้องทำไประยะยาว ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงน้ำหนักที่พอใจ แล้วก็กลับไปกินแบบตามใจปาก ดังนั้นการลดน้ำหนัก จึงต้องมุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ก่อนจะเริ่มโปรแกรมลดน้ำหนัก อยากให้ลองพิจารณาถึงสิ่งเหล่านี้ เพื่อช่วยให้การควบคุมน้ำหนักได้ผลมากยิ่งขึ้น :

• ตั้งเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเป็นอย่างแรกที่ทำ หลายคนที่พยายามลดน้ำหนัก ไปโฟกัสที่น้ำหนักอย่างเดียว แต่จุดที่ควรเปลี่ยนควรมุ่งไปที่ การเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และการออกกำลังกายมากกว่า ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ที่จะช่วยให้ควบคุมน้ำหนักตัวไปได้ตลอด ผู้ที่ลดน้ำหนักได้สำเร็จ และสามารถควบคุมน้ำหนักที่ลดไปได้ คือผู้ที่ตั้งเป้าหมายทีละ 2-3 อย่าง การก้าวไปทีละขั้นบันได จะทำได้ง่ายกว่าที่จะก้าวไปทีเดียวสิบขั้น
• อย่าลืมว่าเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพคือ เป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจง สามารถทำได้ และมีความยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น “ฉันจะออกกำลังกายมากขึ้น” เป็นเป้าหมายที่ดี แต่ไม่มีความเฉพาะเจาะจง “ฉันจะเดิน 5 กิโลทุกวัน” เป็นเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและวัดได้ แต่คุณจะสามารถทำได้หรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่เริ่มออกกำลังกาย? “ฉันจะเดิน 30 นาทีทุกวัน” น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้มากกว่า แต่ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณต้องอยู่ที่ทำงานดึก และไม่สามารถออกกำลังกายได้ล่ะคะ? “เดิน 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์” เป็นเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง สามารถทำได้ และมีความยืดหยุ่น
• ให้รางวัลกับตนเองเมื่อประสบผลสำเร็จ (แต่ไม่ใช่ของกิน!) อย่ามองข้ามถึงความสำคัญของรางวัลชีวิตนี้นะคะ การให้รางวัลกับการประสบผลสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จะเป็นแรงกระตุ้นให้คุณมุ่งทำต่อไป การให้รางวัล อาจเป็นการซื้อของที่ตนเองอยากได้ หรือไปนวดตัว นวดหน้า แม้กระทั่งการให้เวลากับตัวเองสัก 1 ชั่วโมงของวันก็ได้
• จดบันทึกรายรับ (อาหาร เครื่องดื่ม) และรายจ่าย (กิจกรรม การออกกำลังกาย) หมายความว่าคุณควรสังเกต และจดบันทึกว่าคุณกินและดื่มอะไรบ้าง เพื่อดูลักษณะพฤติกรรมการกินของคุณอย่างแท้จริง อาจมาดูว่าในแต่ละวันคุณกินผักผลไม้ และมีกิจกรรมออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าเห็นว่ามีน้อย ก็อาจตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มผักผลไม้ และออกกำลังกาย
• หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ลูกโซ่ เหตุการณ์หรือสภาพแวดล้อม ที่กระตุ้นให้คุณกิน (ทั้งๆ ที่ไม่หิว) อาจทำให้คุณรับแคลอรีเกินได้โดยไม่รู้ตัว และควรหาทางควบคุม ตัวอย่างเช่น คุณต้องหาอะไรเคี้ยวขณะดูหนัง หรือซื้อขนมขบเคี้ยวมาเก็บไว้ที่โต๊ะทำงาน และนำออกมากินขณะทำงาน หรือคุณต้องเดินตรงเข้าห้องครัว เพื่อหาอะไรกินทันทีที่กลับถึงบ้าน ทั้งที่ยังไม่ถึงมื้ออาหาร หรือคุณกินตลอดทั้งวัน เพียงเพราะรู้สึกเบื่อ
• ฝึกตัวเองหรือหันเหไปทำอย่างอื่นแทน เมื่อทราบว่ามีสิ่งใดที่กระตุ้นให้คุณอยากกิน เช่น ดื่มน้ำเปล่าขณะดูหนัง เคี้ยวหมากฝรั่งขณะทำงาน เดินขึ้นบ้านไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนทันทีเมื่อถึงบ้านแทนการเข้าครัว ไปทำเล็บ ฝึกเล่นเครื่องดนตรี เขียนจดหมาย หรือไปออกกำลังกายเมื่อรู้สึกเบื่อ โดยทั่วไปแล้วถ้ามีของกิน ที่มองเห็นง่ายหยิบง่าย มักเป็นตัวกระตุ้นให้กินโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อาจใช้วิธีเก็บเข้าตู้ให้หมด หรือไม่ซื้อมาตุนได้
• รับรู้ถึงสัญญาณความอิ่ม การเปลี่ยนวิธีการกิน อาจช่วยให้คุณกินอาหารน้อยลงได้โดยไม่รู้สึกว่าอด คนเราจะใช้เวลา 15-20 นาที กว่าสมองจะรับรู้ว่าอิ่ม ดังนั้นผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นคนที่กินอาหารเร็ว ควรฝึกให้กินช้าลง เคี้ยวทุกคำให้ละเอียด ใช้เวลาระหว่างคำ เพื่อคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มพอดี เมื่อมื้ออาหารจบลง อย่าทำอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ขณะกินอาหาร นอกจากนี้ คุณอาจตั้งตารางมื้ออาหารขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนกินอาหารไม่เป็นเวลา และมักกินมากเกินภายหลัง

การลดน้ำหนักให้ได้ผลต้องรวมไปถึงการควบคุมปริมาณอาหารที่กินด้วย

ผู้ที่กินผลไม้เป็นกิโล เพราะคิดว่าผลไม้นั้นไม่ทำให้อ้วน ก็อาจจะมีปัญหาในการลดน้ำหนักได้เหมือนกัน อาหารทุกมื้อควรประกอบไปด้วย อาหารจากทุกหมวดหมู่ มีทั้งผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ นม และแป้ง ถ้าผู้ลดน้ำหนักงดอาหารจากหมวดใดหมวดหนึ่ง จะทำให้ขาดสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังทำให้มื้ออาหารมีความซ้ำซากจำเจ

ผู้ที่จะลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องนับ แคลอรีของอาหารทุกชนิด แต่มีวิธีลดแคลอรีลงง่ายๆ ดังนี้

• เลือกกินผักให้มากขึ้น อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของจานข้าว ควรเป็นผัก จะเป็นในรูปของผัดผัก ผักสลัด แกงจืดผัก ซุปผัก หรือแกงอื่นๆ ที่ใส่ผักก็ได้
• เลี่ยงน้ำผลไม้ หันมากินผลไม้สดแทน จะทำให้ได้รับเส้นใยไฟเบอร์เยอะกว่า
• เลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดหนังติดมัน ปลา เต้าหู้ ไข่ขาว ที่มีแคลอรีต่ำกว่าเนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อสัตว์หรือเต้าหู้ที่ควรกินต่อมื้อ มีขนาดเท่าๆ ฝ่ามือ หรือสำรับไพ่
• เลือกแป้งไม่ขัดสี เมล็ดถั่ว ธัญพืชที่มีเส้นใยอาหารสูง แทนแป้งขัดสีต่างๆ เส้นใยอาหารจะช่วยให้อิ่มเร็ว ควรกินในปริมาณ 1 ใน 4 ของจานข้าวปกติต่อมื้อ หรือ 1-2 ทัพพีบางๆ
• เลือกนมและผลิตภัณฑ์นมรสจืดพร่องไขมัน หรือนมถั่วเหลืองไม่เติมน้ำตาล ควรดื่มนมหรือนมถั่วเหลืองวันละ 1-2 กล่อง เพื่อให้ได้รับแคลเซียมที่จำเป็นต่อกระดูก และกระบวนการเผาผลาญอาหาร

นอกจากนี้คำแนะนำอื่นๆ ที่คุณอาจพิจารณา คือ

• อย่าอดมื้ออาหาร เมื่อร่างกายไม่ได้รับอาหารเป็นเวลานานๆ จะทำให้ระบบเผาผลาญลดลง การอดมื้อกินมื้อ มักทำให้กินมากภายหลังด้วย
• หาของว่างที่มีประโยชน์มาตุนไว้ เช่น ผลไม้ ถั่วแระ ถั่วเปลือกแข็ง นมหรือนมถั่วเหลือง แต่ถ้าคุณสังเกตว่า ตัวเองจะกินของว่างอยู่เรื่อยๆ อาจลองหันมากินเป็นมื้อเล็กๆ อีกมื้อหนึ่งเลยก็ได้ จะเป็นลูกชิ้นปิ้ง เกาเหลาหรือก๋วยเตี๋ยว สลัด หรือแซนด์วิช 1/2 คู่กับนม ก็ได้ ใช้หลักการ “ตั้งใจกินเมื่อถึงเวลามื้ออาหาร และหยุดเมื่อมื้ออาหารนั้นจบลง” กับมื้อว่างด้วยเช่นกัน
• เมื่อออกไปกินอาหารนอกบ้าน ให้สั่งจานผักมาด้วย ถ้าจะสั่งพาสต้าครีมซอสให้แบ่งกับคนอื่น เลือกเป็นซุป หรือสลัดร่วมกับจานปลาอีกสักจานด้วยก็ได้

การงดอาหารที่ตนเองชอบ หรือไดเอ็ตที่เข้มงวดเกินไป อาจทำให้ต่อม “อยาก” อาหารถูกกระตุ้น และทำให้คุณลงเอยกินของ ที่ตนอยากนั้นเยอะเกินไป (และทำให้รู้สึกผิดภายหลัง) ทางที่ดีคือตอบสนองความต้องการนั้น ด้วยการให้ตนเองกินอาหาร ที่ชอบในปริมาณเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารที่ “ต้องห้าม” ก็ตาม ถ้ามีข้อสงสัย หรือต้องการโค้ช ควรปรึกษานักกำหนดอาหาร หรือนักโภชนาการ ระวังการใช้ยาหรือสมุนไพรช่วยลดน้ำหนักต่างๆ ที่มีผลแค่ระยะสั้น แต่อาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ ได้ ที่สำคัญอย่าลืมหาเวลาที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง เพื่อออกกำลังกาย หาวิธีการออกกำลังที่ชอบ สะดวก และรู้สึกสนุก นี่เป็นจุดสำคัญ เพราะการออกกำลังกาย จะต้องเป็นนิสัยที่ทำไปตลอดชีวิต
Read more »

โรคที่พบบ่อยในคนอ้วน

ภายในเรือนร่างที่ฉาบทาด้วยความอุดมสมบูรณ์ ตามความคิดผู้ที่ไม่รู้ แต่โรคผู้มีอันจะกินนี้ มักจะรวบรวมพรรคพวกไว้มากมาย ล้วนแต่โรคเด็ดๆ ทั้งนั้น

1. ไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติของระบบอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเม็ดไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ยิ่งหนามากขึ้นๆ ถนนของเจ้าเลือดก็เดินไม่สะดวกตามไป ก็เลือดต้องไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย และเราก็ขาดเลือดไม่ได้ แน่นอนจะมีปัญหาต่อสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งโรคหัวใจวาย ความดันโลหิตสูง เหนื่อยหอบ มึนงงบ่อยๆ เป็นลม เมื่อเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่ดี เซลล์ก็เสื่อมโทรมลง อนุมูลอิสระก็เกิดเร็วขึ้น ทีนี้แหละ แก่เร็วอย่างเห็นได้ชัด
2. ความดันโลหิตสูง เมื่อไขมันเคลือบผนังหลอดเลือด บางจุดอาจตีบมาก หัวใจมีหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ ก็ต้องขับดันเลือดวิ่งไปให้ทั่วร่างกายทุกซอกทุกมุม เมื่อบางจุดโดนบีบให้แคบ แต่ร่างกายต้องการเลือด มันอาจออกแรงผลักดันเลือด อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
3. โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประเทศอุตสาหกรรม รวมทั้งประเทศไทยด้วย เนื่องจากไขมันไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดตีบหรืออุดตัน หัวใจทำงานเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นกับเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจก็ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด และหัวใจวาย
4. โรคเบาหวาน พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานกันประมาณ 3 ล้านคน ลองคิดดูว่าไม่น้อย วันหน้าถ้ายังใช้ชีวิตเผอเรอ มีหวังได้เป็นเบาหวานด้วยอีกคน โรคนี้เป็นเพื่อนคู่ซี้กับโรคอ้วน ที่มักพบควบคู่กันเสมอ เบาหวานนั้นเพราะระบบควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายผิดปกติ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว ถ้าเกิดเป็นแผลก็มักรักษาไม่หาย กลายเป็นแผลเรื้อรัง บางทีก็เป็นแผลกดทับ ประกอบกับเสี่ยงต่อการติดเชื้อราง่ายขึ้น เพราะมีการอับชื้นของซอกแขน และซอกขามากกว่าปกติ
5. โรคข้อกระดูกเสื่อม โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อเท้า เนื่องจากต้องรับน้ำหนักตัวมากเกินพิกัด บางคนที่อ้วนมากๆ อาจจะยืนหรือเดินไม่ได้เลย เพราะข้อเท้าไม่สามารถรับน้ำหนักได้ คนอ้วนมากๆ จะเดินก็ลำบาก โยกเยกซ้ายขวา เดินไปเหนื่อยหอบไป
6. โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากในคนอ้วนมักมีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งหรือนอน ปอดจึงขยายตัวไม่เต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินหายใจได้มากขึ้น บางครั้งถึงกับมีภาวะการหายใจลดลง หายใจติดขัด ทำให้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในปอด คนอ้วนมากเหนื่อยง่าย ง่วงนอนตลอดเวลา อาจพบภาวะของโรคอารมณ์เศร้าหมองร่วมไปด้วยก็กิน ซึ่งอาจจะช่วยให้อารมณ์ช่วงนั้นดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำร้ายตัวเองมากยิ่งขึ้น
7. โรคมะเร็งบางชนิด คนอ้วนมีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้
8. โรคนิ่วในถุงน้ำดี และไขมันแทรกในตับ เมื่อมีไขมันมาก การทำงานของตับก็ลดลง เพราะไขมันเข้าไปแทรกอยู่ จนทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
Read more »

โรคอ้วน - ความอ้วนเกิดจากอะไร

1. เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่เกิดโรคอ้วน เพราะตามใจปากมากเกินไป กินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาหารที่กิน เนื้อ ไขมัน หรือแป้ง ของหวาน สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปก็จะกลายเป็นไขมันพอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย กินแล้วนอน
• นิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา
• ขาดการออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย

2. มาจากสาเหตุภายใน พบได้จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
• จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจ หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ ตรงกันขามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
• ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆ

3. เพราะกรรมพันธุ์ ซึ่งพบได้น้อย กรรมพันธุ์นี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคน ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40
4. โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง
5. จากการกินยาบางชนิด ก็ส่งผลกระทบให้อ้วน ผู้ป่วยบางโรคได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ก็ทำให้อ้วนได้ และในผู้หญิงที่ฉีดยาหรือกินยาคุมกำเนิดก็ทำให้อ้วนง่ายเช่นกัน
6. เพศ เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย ก็ธรรมชาติเธอมักสรรหาจะกิน กิน และกิน ตลอดเวลา อีกทั้งตอนตั้งครรภ์ ก็ต้องกินมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและลูกน้อยในครรภ์ แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว บางรายก็ลดน้ำหนักลงมาได้ แต่บางรายก็ลดไม่ได้ ผู้หญิงทำงานน้อย ออกกำลังน้อยกว่าชาย ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชาย 4 : 1

อายุ เมื่อมากขึ้น โอกาสโรคอ้วนถามหาก็ง่ายขึ้น เนื่องจากพออายุมาก มีความเชื่องช้า ใช้พลังงานน้อยลง กินมากกว่าใช้ หญิงและชายที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มักจะอ้วนง่าย เพราะคนวัยนี้ ยังอยู่ในวัยทำงานมาก กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป คนมีสุขภาพจิตดีมักมีรูปร่างสมส่วนแข็งแรง บางคนสุขภาพจิตไม่ดี อารมณ์เครียดเป็นประจำ ทำให้เกิดความท้อถอย เบื่อหน่าย ขี้เกียจออกกำลัง โรคอ้วนก็จะถามหา
Read more »

วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงาน


ชุดแต่งงาน
• เริ่มมองหาหรือซื้อชุดแต่งงานเสียแต่เนิ่นๆ คุณจะได้มีเวลาพอในการเลือกหาชุดที่สวยเหมาะกับคุณและราคาไม่ีแพงอีกด้วย
• ชุดแต่งงานที่ตกแต่งเรียบๆ จะมีราคาถูกกว่าชุดแต่งงานที่มีการตกแต่งด้วยลูกไม้ ลูกปัด หรือไข่มุกเป็นต้น ซึ่งคุณสามารถหาซื้อชุดแต่งงานที่เรียบๆ ไม่ตกแต่งอะไรมาก แล้วค่อยหาซื้อลูกไม้หรือลูกปัดต่างหาก แล้วค่อยมาตกแต่งเสริมเพิ่มเอง โดยอาจจะให้ใครที่คุณรู้จักหรือช่างตัดเสื้อประจำคุณช่วยทำให้ก็ได้ เท่านี้ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ
• หาเช่าชุดแต่งงาน ตามร้านตัดชุดแต่งงานมีให้เลือกมากมาย คุณอาจจะเช่าตัดก็ได้เพื่ิอจะได้แบบที่คุณต้องการ แต่ก็จะมีราคาแพงกว่าเช่าชุดมือสอง
สถานที่จัดงาน
• จองสถานที่จัดงานเสียแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอจนใกล้ๆ วันงาน เพราะนอกจากคุณจะต้องเสียเงินแพงขึ้น คุณอาจจะจะไม่ได้สถานที่ หรือบริเวณ/ห้องจัดเลี้ยงที่คุณต้องการอีกด้วย เพราะจะมีคนอื่นเอาไปซะก่อน
• ถ้ามีทั้งงานพิธี และงานเลี้ยงในวันเดียวกัน siamviva.com ขอแนะนำให้จัดในสถานที่เดียวกัน เพราะคุณจะได้ประหยัดทั้งค่าเดินทาง ค่าเสียเวลาในการเตรียมตัวเรื่องต่างๆ เช่นการเปลี่ยน ห้องพัก หรือ ห้องแต่งตัว ขนย้ายอุปกรณ์ ที่จะต้องใช้ในงานเลี้ยง เป็นต้น นอกจากนี้คุณได้ประหยัดเรื่องอุปกรณ์ตกแต่ง หรือดอกไม้ เพราะคุณสามารถนำสิ่งของ หรือดอกไม้ ที่ใช้ตกแต่งงานในช่วงเช้ามาใช้ในช่วงเย็นได้อีกด้วยค่ะ
• ถ้าคุณไม่ยึดติดมากเรื่องฤกษ์หรือดวง แนะนำให้คุณจัดงานแต่งในช่วงเวลาที่เขาไม่ค่อยนิยมแต่งงานกัน เช่นประมาณ เมษา พฤษภา หรือ กลางๆ ปี เพราะช่วงนี้หลายๆที่ ไม่ว่าจะเป็น สตูดิโอ โรงแรม ร้านชุดแต่งงาน จะมี promotion ลดราคากัน ให้พยายามหลีกเลี่ยงช่วง ปลายปี คือ ตั้งแต่ พฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการแต่งงานกันมากเพราะเป็นช่วงหน้าหนาวบรรยากาศดี
• แทนที่จะจัดงานแต่งงานในห้อง grand ballroom ของโรงแรมหรูๆ หรือห้องจัดงานเลี้ยง ก็ให้ลองเปลี่ยนมาพิจารณามาจัดงานเลี้ยงตามบริเวณสถานที่ราชการ สโมสรต่างๆ โบสถ์ หรือจะเป็นการจัดเลี้ยงแบบ outdoor เช่น สนามหญ้า หรือชายทะเล เพราะจะเป็นการประหยัดงบประมาณได้พอสมควรเนื่องจากค่าสถานที่จะมีราคาถูกกว่าในโรงแรม
อาหารสำหรับเลี้ยงแขก
• เลือกอาหารที่ราคาไม่แพงและไม่หรูหรามากนัก จัดเป็นอาหารไทยจะมีราคาถูกกว่าอาหา่รญี่ปุ่น
• ถ้าจัดเลี้ยงแบบ cocktail หรือ buffet จะมีราคาถูกกว่าจัดแบบโต็ะจีน
• ลองเปลี่ยนมาเป็นจัดเลี้ยงในช่วงเช้าหรือกลางวันแทนการจัดเลี้ยงในช่วงเย็น เพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้
• ถ้าคุณมี plan ที่จะแจกเค้กแต่งงานให้แขกรับประทาน ก็ขอให้ใช้เค้กแต่งงานเป็นของหวานแทนไปเลย ทำให้คุณประหยัดค่าของหวานไปต่อหนึ่ง
• ไม่จำเป็นต้องประดับประดาเค้กแต่งงานให้หรูหรามากนัก เพราะนั่นแหละจะทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
• ซื้อหรือเตรียมเครื่องดื่มมาเอง เช่น เหล้า หรือไวน์ เพราะว่าถ้าคุณใช้ของโรงแรมคุณต้องจ่ายแพงกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ภาพถ่าย
• ก่อนเลือกช่างถ่ายภาพหรือ package ถ่ายภาพ ขอให้ศึกษาและเปรียบเทียบราคาให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะส่วนใหญ่ราคาจะไม่ต่างกัน แต่การบริการ หรืออาจจะเป็นจำนวนภาพ(โดยเฉพาะภาพใหญ่ที่ให้) อาจจะแตกต่างกัน หรือบางอย่างที่คุณไม่อยากได้ เช่นภาพในกรอบอะคลิลิก แต่รวมอยู่ใน package แล้วทำให้ราคาแพงขึ้นก็ไม่ต้องเลือกหรอกค่ะ
• ให้ภาพถ่ายเป็นของชำร่วยในวันแต่งงานสำหรับแขก ก็ช่วยให้คุณประหยัดเรื่องของชำร่วยไปอีกทาง และแขกก็ยังได้ภาพอันประทับใจกลับไปอีกด้วย
• จ้างช่างถ่ายรูปให้ถ่ายเฉพาะช่วงพิธีการ เช่น พิธีหมั้น หรือรดน้ำสังข์ก็พอ ส่วนในช่วงงานเลี้ยงคุณก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆหรือญาติๆคุณให้ช่วยถ่ายรูปให้ เท่านี้ก็จะช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างช่างภาพแล้วค่ะ
• ลองกลับไปมหาวิทยาลัยของคุณแล้วติดต่อไปที่ภาควิชาถ่ายภาพหาน้องๆนักศึกษามาช่วยเก็บภาพ candid หรือบรรยากาศวันงานให้คุณ เพราะค่าจ้างน้องๆนักศึกษาพวกนี้ราคาถูกกว่าช่างภาพแน่นอน นอกจากคุณจะได้ประหยัดเงินแล้วน้องๆ เขาอาจจะได้ประสบการณ์เป็น portfolio สำหรับตัวเองอีกด้วย อย่างนี้เค้าเรียกว่า WIN WIN ทั้งคู่
• ให้เพื่อนหรือญาติๆ ช่วยถ่าย video วันงานให้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สวยหรือดูดีเท่ากับจ้างช่าง video มาแต่คุณก็จะได้ภาพที่ดูธรรมชาติและน่าจดจำมากกว่า
ดนตรี
• เปิดแผ่น CD เพลงประหยัดงบกว่าจ้างนักดนตรีมาเล่นสด และเดี๋ยวนี้คุณสามารถ download เพลงที่คุณชอบได้จาก internet หรือ MP3 ก็มีเพลงเพราะๆให้คุณเลือกเป็นร้อยๆเพลง
• แต่ถ้าคุณอยากได้ดนตรีสดแบบ life music ก็ให้ลองหาจ้างนักดนตรีข้างนอกเพราะจะคิดบริการที่ถูกกว่าใช้บริการนักดนตรีจากทางโรงแรม และพยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดนตรีที่มี piano เนื่องจากถ้ามี piano รวมอยู่ด้วยค่าบริการจะเพิ่มขี้นด้วยเพราะ piano จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
• ถ้าญาติๆหรือเพื่อนๆคุณสามารถร้องเพลงหรือเล่นดนตรีได้ ก็ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของคุณได้ รับรองว่าพวกเค้าไม่มีทางปฏิเสธที่จะช่วยเหลือคุณในวันสำคัญของคุณแน่นอนค่ะ
ดอกไม้งานแต่ง
• ให้เลือกใช้ดอกไม้ตามฤดูกาล และใช้ดอกไม้ที่ปลูกเองในประเทศไทยของเรา เพราะถ้าคุณใช้ดอกไม้ที่สั่งจากเมืองนอก คุณจะต้องจ่ายแพงกว่าแน่นอนค่ะ ซึ่งดอกไม้ไทยๆ ของเรา เช่น กล้วยไม้ กุหลาบ หรือ ดอกบัว ก็สามารถตกแต่งได้สวยงานไม่แพ้ดอกไม้นอก
• ลองเลือกใช้ดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่มาทำช่อดอกไม้แทนที่จะใช้ดอกไม้ที่มีขนาดเล็ก เพื่อลดจำนวนดอกไม้ลงในแต่ละช่อ
• ใช้ดอกไม้ปลอม หรือเทียนสวยๆน่ารักๆ มาตกแต่งโต๊ะรับประทานอาหารแทนการประดับด้วยดอกไม้จริง ก็จะช่วยคุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ และคุณก็ยังสามารถนำกลับมาใช้เรือนหอของคุณได้อีกด้วยหลังจากงานแต่ง
• ตามทีี่ สยามวีว่าดอทคอม ได้เกริ่นไว้ข้างต้น แนะนำใ้ห้จัดงานพิธีเช้าี และงานเลี้ยงในวันเดียวกัน และใช้สถานที่จัดงานที่เดียวกันเพราะคุณสามารถนำดอกไม้ที่ตกแต่งในช่วงเช้ามาใช้ในช่วงเย็นได้
การ์ดแต่งงาน
• ส่งการ์ดแต่งงานให้กลุ่มเพื่อนสนิท ทาง email แทนการ์ดกระดาษ ช่วยให้คุณประหยัดค่าพิมพ์การ์ดไปอีกเยอะ
• ใช้กระดาษที่มีน้ำหนักเบาในการทำการ์ดแต่งงาน เพราะนอกจากจะมีราคาที่ถูกกว่า แล้วถ้าคุณจะต้องส่งการ์ดทางไปรษณีย์คุณก็จะประหยัดค่าส่งไปได้อีกด้วย
• ทำการ์ดแต่งงานที่เรียบง่ายและเป็นแบบแผ่นเดียวจะประหยัดกว่า การ์ดที่มีความหรูหราซับซ้อน หรือแบบพับได้
• ทำการ์ดแต่งงานด้วยตัวคุณเอง นอกจากจะประหยัดแล้วยังไม่ซ้ำแบบใครอีกด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่สวยเหมือนจ้างที่ร้านทำแต่มันก็สร้างความภูมิใจให้กับตัวคุณเองนะคะ
Read more »

โรคหัวใจ

หัวใจคนเรามี 4 ห้อง แบ่งซ้าย-ขวาโดยผนังของกล้ามเนื้อหัวใจ และแบ่งเป็นห้องบน-ล่างโดยลิ้นหัวใจ
• โดยทุกๆ วัน หัวใจจะเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และสูบฉีดเลือดประมาณวันละ 2,000 แกลลอน
• วงจรการไหลเวียนของเลือด : จะเริ่มจาก หัวใจห้องขวาบนรับเลือดดำจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา เลือดส่วนนี้จะไหลผ่านลิ้นหัวใจไตรคัสปิด (Tricuspid) ไปยังหัวใจห้องขวาล่าง ซึ่งจะบีบตัวตามมาไล่เลือดที่เป็นเลือดดำออกไปฟอกที่ปอด โดยผ่านหลอดเลือดที่เรียกว่า Pulmonary Artery เลือดจะถูกฟอกที่ปอดโดยอาศัยการแลกเปลี่ยน gas ผ่านทางหลอดเลือดเล็กๆ ที่ผนังถุงลมของปอด จากนั้นเลือดที่เป็นเลือดแดงจะไหลมารวมกันที่หลอดเลือดใหญ่ ซึ่งเรียกว่า Pulmonary Vein เพื่อไหลกลับเข้าสู่หัวใจอีกครั้งที่ห้องซ้ายบน เลือดจะไหลจากห้องซ้ายบนมาห้องซ้ายล่าง โดยผ่านลิ้นหัวใจไมตรัล (Mitral) เมื่อเลือดแดงอยู่ในห้องหัวใจซ้ายล่างแล้วก็พร้อมที่จะถูกฉีดออกไปเลี้ยงร่างกายทางหลอดเลือดแดงใหญ่ Aorta ผ่านลิ้นหัวใจเอออร์ติด (Aortic) เมื่อผ่านส่วนต่างๆ แล้ว เลือดจะกลับสู่หัวใจด้านขวาอีกครั้ง

โรคลิ้นหัวใจ ที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ลิ้นหัวใจพิการ รูมาห์ติค ซึ่งเป็นผลจากการติดเชื้อคออักเสบ ลักษณะของการที่เกิด คือ เหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง อ่อนเพลีย ไอเรื้อรังและมักไอเวลากลางคืน ไอแห้ง มีอาการใจสั่น ไอเป็นเลือด เป็นลมไม่รู้สติ เจ็บหน้าอก หลอดเลือดที่คอเต้นแรง ผอมแห้ง มีอาการบวม หอบเหนื่อย นอนราบไม่ได้ การตรวจเอ็คโค่ (Echo) จะช่วยบอกถึงรายละเอียดของความผิดปกติของหัวใจได้

โรคหลอดเลือดหัวใจ เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบและตันในที่สุด

โรคกล้ามเนื้อหัวใจ : กล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติไม่ว่าจะบีบ หรือคลายตัว กล้ามเนื้อหัวใจหนากว่าปกติ เป็นต้น ซึ่งโรคที่พบบ่อยคือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสีย เนื่องจากความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษามานาน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบหรือตัน เป็นต้น

อาการเจ็บหน้าอกที่เกิดจากโรคหัวใจขาดเลือด

1. เจ็บแน่นๆ อึดอัดบริเวณกลางหน้าอกอาจจะเป็นด้านซ้ายหรือทั้งสองด้าน และมักจะไม่เป็นด้านขวาด้านเดียว บางรายจะร้าวไปที่แขนซ้ายหรือทั้งสองข้าง หรือจุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน
2. อาการตามข้อ 1 เกิดขึ้นขณะออกกำลัง เช่น เดินเร็วๆ รีบขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง
3. ในบางรายที่อาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง หรือ นอน หลังอาหาร
4. กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกมาก เป็นลม อาการเช่นนี้ยังพบได้ในโรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ปริหรือฉีก

ขาบวม : อาการขาบวมเกิดจากการที่ร่างกายมีเกลือ (โซเดียม) และน้ำคั่งอยู่ในร่างกาย โดยอาจเกิดจากโรคไตขับเกลือไม่ได้ โรคหลอดเลือดดำอุดตัน การไหลเวียนไม่สะดวก ขาดอาหาร โปรตีนในเลือดต่ำ โรคตับ ยาและฮอร์โมนบางชนิด โรคหัวใจ หรือในบางรายอาจไม่พบสาเหตุ การบวมในผู้ป่วยโรคหัวใจเกิดจากการที่หัวใจด้านขวาทำงานลดลง เลือดจากขาไม่สามารถไหลเทเข้าหัวใจด้านขวาได้โดยสะดวก จึงมีเลือดค้างที่ขามากขึ้น

ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัวผิดปกติ เป็นผลมาจากการสะสมของไขมันและแคลเซียมในผนังของหลอดเลือดแดง ภาวะนี้เป็นความเสื่อมของหลอดเลือดที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย ทำให้หลอดเลือดแดงเสียความยืดหยุ่น เกิดการตีบตัน ผลที่ตามมาคือ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ ตัน เกิดอาการเจ็บหน้าอก กล้ามเนื้อหัวใจตาย หรือหลอดเลือดเลี้ยงสมองตีบ ทำให้เกิดอัมพาต เป็นต้น

หากคุณมีโอกาสลองคลำหลอดเลือดแดงหรือชีพจรที่ข้อศอกด้านในหรือข้อมือของผู้สูงอายุจะพบว่า เป็นเส้นแข็งไม่ยืดหยุ่นเหมือนวัยหนุ่มสาว ทั้งนี้เนื่องจากว่าหลอดเลือดแดงเหล่านี้เกิดการเสื่อมสภาพตามอายุ มีไขมันและหินปูน (แคลเซียม) เข้าไปสะสมอยู่ตามผนังของหลอดเลือดแดง ทำให้หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่นและแข็ง ซึ่งหินปูนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปริมาณแคลเซียมในเลือดหรืออาหารที่เรารับประทาน ความจริงแล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดแดงเกิดการเสื่อม เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน บุหรี่ เป็นต้น แต่ “ อายุ ” ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากและเราไม่อาจเลี่ยงได้ หลอดเลือดแดงที่เสื่อมนี้จะเกิดขึ้นทั่วร่างกาย ทั้งหลอดเลือดที่เลี้ยงสมอง หัวใจ ไต ฯลฯ และแน่นอนเมื่อเกิดการเสื่อมก็จะเกิดการตีบตันของหลอดเลือดเล็กๆ ตามมา เป็นผลให้เลือดเลี้ยงสมองลดลง เกิดเนื้อสมองตายเป็นบางส่วน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย ไตเสื่อม

ความดันโลหิตสูง : สาเหตุของการที่ความดันโลหิตสูงพบบ่อยเมื่อมีอายุมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากหลอดเลือดแดงแข็งตัวผิดปกติ บางส่วนเป็นผลจากการที่ไตขาดเลือดไปเลี้ยง การลดความดันโลหิตที่สูงลง ก็จะช่วยลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดอัมพาตและลดปัญหาจากโรคหัวใจขาดเลือดด้วย ความดันโลหิตในผู้ใหญ่ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม ควรจะน้อยกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอท

หัวใจเต้นผิดจังหวะ : หัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อย คือ จากห้องบนหรือที่เรียกว่า atrial fibrillation (AF) ชนิดนี้พบได้ในผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจขาดเลือด โรคลิ้นหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจบางชนิด โรคความดันโลหิตสูง และพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ในผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติชนิดนี้ อาจเกิดลิ่มเลือดเล็กๆ ขึ้นภายในหัวใจ ลิ่มเลือดเล็กๆ เหล่านี้อาจหลุดลอยไปอุดหลอดเลือดเลี้ยงสมองได้ และเป็นต้นเหตุของการเกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตขึ้น

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด : อายุ พันธุกรรม การสูบบุหรี่ ไขมัน โคเลสเตอรอล ความดันโลหิตสูง ความเครียด เบาหวาน ถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเกิดโรคก็มากขึ้นเป็นทวีคูณ
Read more »

เพียงใจที่ผูกพัน


มุกพิศุทธ์ (น้องมุก) ที่จากเมืองไทยไปอยู่กับพ่อที่เป็นนักดนตรีที่อังกฤษเสีย 10 ปี ได้เดินทางกลับมางานศพของแม่เธอ โดยมีพี่ชายพี่สาวต่างพ่อไปรับที่สนามบิน และในการกลับมาครั้งนี่ พยัคฆ์(พี่เสือ)ก็ได้เดินทางไปรับเธอด้วย สำหรับ“น้องมุก”นั้นเธอเป็นลูกของตระกูลเก่าแก่ของจังหวัดนั้นมีธุรกิจมากมาย แม่ของเธอเป็นสส.ที่ได้รับการเลือกตั้งตลอดมา ส่วน“พี่เสือ” เป็นลูกของแม่ที่ใจแตก มีลูกตั้งแต่อายุ14ปีกับฝรั่งที่มาสอนหนังสือและเที่ยวที่เมืองไทย ที่นำความอับอายมาสู่พ่อแม่ของเธอ จนพ่อตรอมใจกินแต่เหล้า จนเสียชีวิตไปในที่สุด หลังจากที่แม่ของเสือได้คลอดลูกออกมา เธอก็ไม่เคยดูแลเสือเลย เธอได้ยกเสือให้กับน้องชายที่ขาพิการ และก็ให้น้ากับยายของเสือเลี้ยง โดยตัวเธอเอาแต่เที่ยวคบผู้ชายไม่เลือกหน้า ไม่มีเงินก็มาไถแม่และน้องของเธอ จนกระทั้งเสืออายุได้9ขวบ เขาก็ลงทุนเลี้ยงปลาหางนกยุงกับน้าชายขายตามตลาดนัด จนกระทั้งวันหนึ่งมีการแข่งขัน วาดภาพประกวดประจำจังหวัดโดยเสือเคยได้รางวัลนี้มาตลอด แต่ปีนี้เขากลับได้ที่2 เขาแพ้ให้กลับ”น้องมุก”ที่เขาร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ทำให้เขาโกรธน้องมุกมากเพราะที่เขาแพ้ไม่ได้แพ้ที่ฝีมือแต่แพ้เพราะเส้นสาย แม่ของน้องมุกเป็นสส.ที่ทางคนจัดเขาเกรงใจ และในการแข่นขันในครั้งนี้ คนที่ได้ที่1และที่2ต้องเข้าค่ายศิลปะ2วัน

เมื่อเสือรู้เสือจะไม่ยอมแต่ครูที่เขานับถือได้มาขอร้องไว้ และในการเข้าค่ายนี้ เสือได้ว่าประชดประชันน้องมุกตลอด จนตอนเช้าของวันสุดท้ายทางค่ายได้พา คณะของค่ายศิลปะไปดูการทำหอยมุก และในตอนกลับทางฟาร์มหอยมุกได้ให้นักเรียนเลือกหอยมุกซีกมาคนละตัว น้องมุกและเสือก็ได้กลับมาด้วยโดยเสือได้มุกสีชมพูมา น้องมุกเห็นอยากได้แต่ไม่กล้าขอกับเสือ จนกลับมาที่ค่ายหลังพักกลางวันเสือก็ได้เห็นพี่เลี้ยงของน้องมุกกำลังแย่งหอยมุกกับน้องมุกอยู่ เสือเลยเข้าช่วยและพาน้องมุกไปวาดรูปด้วยกัน และที่นี่เองเสือก็ได้รู้ว่า น้องมุกนั้นโดนรังแกตลอด ไม่ว่าจะเป็นจากพี่เลี้ยงจากพี่สาวต่างพ่อ หรือกับแม่ของเธอเอง จึงทำให้เสือสงสารน้องมุกขึ้นมา ในการวาดรูปด้วยกันนี้ เสือได้ให้รูปของเขากับน้องมุก แล้วน้องมุกก็ได้ให้หอยมุกกับเสือไป ในการนี้เสือได้ให้สัญญากับน้องมุกว่า พอโตเขาจะคือหอยมุกให้กับน้องมุกโดยจะให้ตัวสีชมพูอีกด้วย หลังจากนั้นก็ได้แยกกัน ทุกอาทิตย์เสือและน้าต้องไปขายปลาตามตลาดนัด แต่อาทิตย์นี้เสือได้พบกับลูกค้าคนพิเศษที่ชื่อน้องมุก น้องมุกมาหาเสือที่ขายปลาและได้ช่วยเขาขายจนกระทั้งเลิก และในครั้งนี้น้องมุกได้ซื้อปลาบอลลูนไปอีกด้วยโดยตั้งชื่อว่า”รถถัง”เป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์จนโรงเรียนเปิดเทอม

และก่อนจะแยกจากกันเสือได้บอกให้น้องมุกหาแนวทางการเล่นดนตรีเพื่อที่เวลามีใครว่าจะได้ไม่ต้องสนใจในสิ่งที่ได้ยินอีกด้วย(ช่วงนี้คล้ายๆคำมั่นสัญญา) หลังปิดเทอมอีกครั้ง น้องมุกได้มาหาพี่เสือของเธอที่ตลาดนัด และได้มาบอกเขาเกี่ยวกับการ เล่นไวโอลิน และยังมาเล่นให้เขาฟังอีกด้วย น้องมุกมาหาพี่เสือของเธอทุกอาทิตย์ จนกระทั้งวันหนึ่งน้องมุกได้มาชวนพี่เสือของเธอไปงานวัน เกิด”พลอยพิศุทธ์”พี่สาวของเธอ และในงานนี้เองพลอยพิศุทธ์และเพื่อนๆของเธอได้แกล้งเสือ จนน้องมุกมาเห็นเข้าจึงโกรธพี่สาวของเธอมากที่แกล้งพี่เสือของเธอ และในวันรุ่งขึ้นนั้นเอง น้องมุกได้มาหาพี่เสือที่บ้าน เพื่อมาขอโทษเขา น้องมุกมาพร้อมกับตุ๊กตาที่เสือให้เป็นของขวัญกับพลอยพิศุทธ์ แต่พลอยพิศุทธ์ไม่เอา พอเสือรู้เข้าเขาก็บอกให้น้องมุกทิ้งไป แต่น้องมุกขอไว้เองเสือเลยตกลงให้ไป น้องมุกมาอยู่เล่นที่บ้านพี่เสือจนบ่ายถึงกลับไป และในวันอาทิตย์นั้นเอง”เพชรพิศุทธ์”พี่ชายใหญ่ของบ้านเป็นคนพาน้องมุกมาหาเสือที่ตลาดนัด และในครั้งนี้น้องมุกได้สัญญาว่าจะมาช่วยพี่เสือของเธอขายของทุกอาทิตย์ตลอดไป แต่อะไรๆก็ไม่แน่นอนในอาทิตย์สุดท้ายก่อนเปิดเทอมน้องมุกได้มาลาพี่เสือของเธอ เมื่อพ่อและแม่ของเธอได้หย่าขาดจากกันโดยให้น้องมุกอยู่กับพ่อ

เธอถึงต้องเดินทางไปอยู่ที่ฮ่องกงและในการมาลาในครั้งนี้น้องมุกขอให้พี่เสืออย่าลืมเธอ การจากลาของทั้งคู่ ทั้งน้ำตานี้ที่เป็นเวลาถึง10ปีจะเป็นอย่างไรต่อไป พี่เสือจะลืมน้องมุกหรือไม่ แล้วในระยะเวลา10ปีนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงของคนทั้งคู่หรือไม่ แล้วเด็กเลี้ยงปลาขายอย่างเสือจะต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อจะเป็นเสี่ยพยัคฆ์ ที่มีธุรกิจมากมายในตอนนี้ มาติดตามชีวิตของ”พี่เสือและน้องมุก”ได้ใน” เพียงใจที่พูกพัน ”ผลงานการประพันธ์ของ”กิ่งฉัตร”



บทประพันธ์ : -
บทโทรทัศน์ : -
กำกับการแสดง : ชนะ คราประยูร
ออกอากาศทุกวัน : ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3

นักแสดง
อธิชาติ ชุมนานนท์ พยัคฆ์ ธอร์นตัน/เสือ หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-อังกฤษ อายุ 32 ปี มั่นใจตัวเองสูงมาก ยิ้มยาก เย็นชา กระด้าง ขี้งก ขี้เหงา ไม่มีเพื่อน ใครดีดีตอบใครร้ายร้ายตอบ รักเดียวใจเดียว รักษาคำพูด เมื่ออยู่กับมุกพิศุทธ์นิสัยจะเปลี่ยนจากเดิมเป็นคนขี้อ้อน ปากหวาน อ่อนโยน ใน เพียงใจที่ผูกพัน


ณฐพร เตมีรักษ์ มุกพิศุทธ์ เยา/มุก สาววัย 26 ปี ลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง ตากลม ผิวขาวจัดเหมือนมุก นักไวโอลิน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อ่อนหวาน ยิ้มง่าย อ่อนโยน ขี้งอน ช่างประจบเอาใจเก่ง ไม่สนิทกับพี่น้อง รักเดียวใจเดียว ใน เพียงใจที่ผูกพัน


มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล พลอยพิศุทธ์/พลอย สาววัย 32 ปี สวยมาก มั่นใจตัวเองสูง เอาแต่ใจ ขี้อิจฉา ไม่มีเหตุผล แบ่ง ชนชั้น ดูถูกคนจน เจ้าทิฐิ รักเสือมากจนกลายเป็นความแค้นเลยอยากเห็นเสือล่มจม ใน เพียงใจที่ผูกพัน


อดิศร อรรถกฤษณ์ เศรษฐ์ หนุ่มวัย 32 ปี ลูกชายของศุภฤกษ์ แต่เป็นลูกที่เกิดจากการที่ศุภกฤษ์ลักลอบได้เสียกับน้องสะใภ้จึงต้องบอกคนอื่นว่าเป็นหลาน หล่อ ปากหวาน เก่ง พูดจาน่าเชื่อถือ ตลบตะแลง เจ้าชู้ ทะเยอะทะยาน ใน เพียงใจที่ผูกพัน


โชคชัย บุญวรเมธี โยธิต หนุ่มวัย 32 ปี เกลียดคนจน ชอบดูถูกคนที่ด้อยกว่า เห็นแก่ตัว ขี้อิจฉา ไม่อยากเห็นใครได้ดีกว่าตน ไม่เคยโทษตัวเอง เรียนจบปริญญาโทจากอเมริกา ขี้เหล้า เป็นนักพนันตัวยง ปากหวาน ชอบหลอกผู้หญิงเพื่อหวังเกาะผู้หญิงกิน ใน เพียงใจที่ผูกพัน


อภิรดี ภวภูตานนท์ มินตรา สาวสวยวัย 30-45 ปี แม่ของเสือ มีเสน่ห์ เจ้าชู้มาก ควงกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด เห็นเงินเป็นพระเจ้า ไม่แคร์ใคร อยากได้อยากมีอยากเด่น ปากร้าย พูดไม่คิด ใน เพียงใจที่ผูกพัน


รอน บรรจงสร้าง ณรงค์ ชายวัย 27- 42 น้าชายของเสือ ขาพิการเพราะเป็นโปลิโอ หัวดี แต่มีโอกาสเรียนน้อย ไม่มั่นใจในตัวเอง จิตใจดี มีเมตตา ยุติธรรม มีอารมณ์ขัน รักเสือเหมือนลูกในไส้ ใน เพียงใจที่ผูกพัน


กรุณพล เทียนสุวรรณ เพชรพิศุทธ์/เพชร ชายหนุ่มวัย 34 ปี ลูกชายคนเดียวของเพ็ญพิศุทธ์ หล่อ เนี๊ยบ สำอาง แต่งตัวภูมิฐาน รักตัวเองจนขี้ขลาด ไม่กล้าตัดสินใจ ชอบหนีปัญหา เป็นเกย์ ใน เพียงใจที่ผูกพัน


ณัชชา อารีย์รัก โยถิกา/ยุ้ย ม่ายสาววัย 30 ปี น้องสาวของโยธิต จิตใจดี เสียสละ รักครอบครัว หลงรักเสือมาก จนหลงผิด ใน เพียงใจที่ผูกพัน


น้ำเงิน บุญหนัก ต้องตา หญิงวัย 50-65 ปี ยายของเสือ อดทน รักลูก รักหลานมาก ใจบุญศุนทาน ชอบไปวัดทำบุญฟังเทศน์ เชื่อเรื่องเวรกรรม ใน เพียงใจที่ผูกพัน


เพชรดา เทียมเพ็ชร นภารัตน์/นก พยาบาลสาววัย 30 ปีทะเยอะทะยาน อยากรวย ขี้อิจฉา ยอมทำทุกอย่าง เพื่อเงิน หน้าไหว้หลังหลอก รักพ่อมากแต่เกลียดแม่ เพราะแม่ทิ้งพ่อกับตนไป ใน เพียงใจที่ผูกพัน


KEN STREUTKER เอ๊ดเวิร์ด ธอร์นตัน หนุ่มหล่อชาวอังกฤษฤ พ่อแท้ๆ ของเสือ รักเสือมาก เก่งด้านการเงิน เจ้าชู้ ใช้ชีวิตหลักลอย รักเมืองไทยมาก ใน เพียงใจที่ผูกพัน
Read more »

 
Powered by MBA