วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ดอกรักริมทาง


วันออกอากาศ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ 5
วันที่เริ่มออกอากาศ 10 พฤษภาคม 2553
เวลาออกอากาศ 20:25 - 21:30 น.

กำกับโดย นิพนธ์ ผิวเณร
ประพันธ์โดย

ชูวงศ์ ฉายะจินดา
นำแสดงโดย
สุกฤษฏ์ วิเศษแก้ว ... ปฐวี
วรรณรส สนธิไชย ... อนุสร์/อู๊ด
อนุชิต สพันธุ์พงษ์ ... ธัญญ์
จรินทร์พร จุนเกียรติ ... พัดชา
พิชญา เชาวลิต ... เจนจิรา
ปานวาด เหมณี ... จิตรี
ชัยพล พูพาร์ต ... สิทธิศักดิ์
อลิช%

ผู้สร้าง บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด
ภาพจากละคร ดอกรักริมทาง

อนุสร์ พัฒนปรีดี (วรรณรท สนธิไชย) ถูกเรียกตัวกลับเมืองไทยทันที เพื่อเปิดพินัยกรรมของอรรณพ (อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) พ่อที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน แต่จิตรี (ปานวาด เหมมณี) ภรรยาใหม่กลับจัดพิธีศพอย่างรวบรัด แถมยังประกาศขายบ้านพ่อเธอทิ้ง อนุสร์จึงเหลือสมบัตอย่างเดียวคือฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ของพ่อ อนุสร์รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ระหว่างที่อนุสร์กำลังตามหาร่องรอยพินัยกรรม เธอกลับถูกทำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ทำให้ได้รู้ความจริงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายนี้คือ จิตรและ สิทธิศักดิ์ (ชัยพล พูพาร์ต) คู่ขาหนุ่ม

ด้านปฐวี (สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว) ช่างภาพหนุ่มมีปากเสียงกับนวลจันทร์ (กาญจนา จินดาวัฒน์) แม่ และปวีณา (อลิชา ไล่ศัตรูไกล) พี่สาวอยู่บ่อยๆ เพราะปฐวีคบหากับเจนจิรา (พิชญา เชาวลิต) ดาราที่โด่งดังจากการถ่ายเซ็กซี่ น้องสาวของจิตรี นวลจันทร์และปวีณามั่นใจว่าเจนจิราคบกับปฐวีเพื่อเงิน จึงพยายามจับคู่กับปฐวีกับพัดชา (จรินทร์พร จุนเกียรติ) ลูกสาวของไพลิน (ชนานา นุตาคม) และวินัย (ทรงสิทธิ์ รุ่นนพคุณศรี) เพื่อสนิท แต่ปฐวีรู้ทันเลยมักจะหาทางเลี่ยงเสมอ เจนจิราที่รู้ว่าจิตรีประกาศขายบ้านเลยเสนอให้ปฐวีซื้อไว้เพราะหวังจะใช้ เป็นเรือนหอ

นวลจันทร์จึงส่งป้าอุ้ง (โฉมฉาย ฉัตรวิไล) ไปอยู่บ้านใหม่กับปฐวีเพื่อคอยดูแล และกันท่าเจนจิราด้านอนุสร์ที่รู้ ว่ากำลังถูกตามล่า จึงปลอมตัวเป็นผู้ชายกลับมาที่บ้านพ่ออีกครั้ง และได้รู้ว่าจิตรีขายบ้านให้ปฐวีไปแล้ว แต่สุดท้ายอนุสร์ก็หาวิธีเข้าไปอยู่ในบ้านปฐวีได้สำเร็จ ในชื่อใหม่ว่าอนุชา หรืออู๊ด ปฐวีให้อู๊ดมาทำงานแทนทินกร (เตชบดินทร์ ฉายทองดี) ผู้ช่วยที่บังเอิญประสบอุบัติเหตุขาหัก

อนุสร์ลงมือสืบหาพินัยกรรมกับฮั่งตู๋สุนัขแสนรู้ทัน จนได้รู้ความจริงว่าพินัยกรรมฉบับจริงซ่อนอยู่ในภาพวาดของพ่อเธอ แต่อนุสร์ไม่รู้ว่าภาพไหน จึงเป็นหน้าที่ที่เธอต้องสืบหาโดยมีธัญญ์ (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) เพื่อนรุ่นพี่คนเดียวที่อนุสร์ไว้ใจให้รู้เรื่องแผนการปลอมตัวของเธอ คอยช่วยเหลือ

เวลาผ่านไปหลังจากปฐวีและอู๊ดได้ใกล้ชิดกัน ปฐวีเริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับอู๊ด และเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะกลายเป็นเกย์ ปฐวีเครียดจัดถึงขึ้นไปปรึกษาจิตแพทย์ บวกกับถูกเจนจิรารบเร้าเรื่องแต่งงานหนักเข้า ปฐวีเลยตัดสินใจแต่งงานกับเจนจิรา ท่ามกลางเสียงคัดค้านของแม่และพี่สาว

ส่วนอู๊ดที่แอบรักปฐวีมานานก็เสียใจมาก เก็บข้าวของออกจากบ้านปฐวีทันที แต่ก่อนไปอู๊ดแอบไปขโมยภาพวาดที่ออฟฟิสปฐวี แต่เกิดถูกจับได้ อู๊ดเลยโกหกว่าจริงๆแล้วตนคือคนที่อนุสร์จ้างให้มาสืบหาพินัยกรรมตัวจริง ปฐวีเชื่อสนิทใจจึงอาสาจะช่วยอู๊ดตามหาพินัยกรรมอีกแรง แต่จู่ๆ ภาพวาดทั้งหมดกลับถูกจิตรีและสิทธิศักดิ์ขโมยไปเผา แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันตามหาภาพวาดทั้งหมดกลับมาจนได้

หลังจากผ่าน เหตุการณ์ร้ายๆมาด้วยกัน ปฐวีมั่นใจว่าตนหลงรักอู๊ดเข้าให้แล้ว จึงตัดสินใจบอกเลิกกับเจนจิราทำให้เจนจิราเลือดขึ้นหน้าสั่งสิทธิศักดิ์ให้ ลักพาตัวอู๊ดไปฆ่าทิ้งทันที

แผนการชั่วร้ายครั้ง นี้จะสำเร็จหรือไม่? ปฐวีจะมาช่วยอู๊ดได้ทันเวลามั้ย? ที่สำคัญอู๊ดจะตบ ตาทุกคนว่าเป็นผู้ชายต่อไปได้อีกนานแค่ไหน? ติดตามชมได้ในละคร “ดอกรักริมทาง” ทุกคืนวันจันทร์-พฤหัส 20.20 น. ช่อง 5
Read more »

ไฟอมตะ


วันออกอากาศ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ 9
วันที่เริ่มออกอากาศ 10 เมษายน 2553
เวลาออกอากาศ 20:30 - 21:30 น.

กำกับโดย พิไลวรรณ บุญล้น
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ วิกรม กรมดิษฐ์, บทโทรทัศน์ ศัลยา
นำแสดงโดย
ชาคริต แย้มนาม ... อาทิตย์
ซอนย่า คูลลิ่ง ... เคลลี่
นิรุตต์ ศิริจรรยา ... ถุงฝัด
อุทุมพร ศิลาพันธุ์ ... เจี้ย
สุพจน์ จันทร์เจริญ ... วิบูลย์
ทิน โชคกมลกิจ ... วิวัฒน์
สโรชา วาทิตพันธ์ ... สมจิตร
เจมี่ บูเฮ่อร์ ... สมหะทัย
เดือนเต็ม สาลิตุลย์ ... เหยา มามา
สมภพ เบญจาธิกุล ... เหยา ปาปา

ผู้สร้าง เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด
ภาพจากละคร ไฟอมตะ


อาทิตย์ (ชาคริต แย้มนาม) เกือบจะกลายเป็นฆาตกรปลิดชีวิตบิดาบังเกิดเกล้าผู้ให้กำเนิด ด้วยเหตุที่พ่อ(นิรุตต์ ศิริจรรยา)ใช้ปืนยิงหัววิฑิต(อรรถพร ธีมากร)น้องคนที่สามของเขา แม่(อุทุมพร ศิลาพันธ์)พยายามห้ามอาทิตย์ไม่ให้ทำร้ายพ่อ โดยโทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเวรกรรมของแม่ แต่สำหรับอาทิตย์คิดว่าเรื่องราววุ่นวาย ปัญหาร้ายๆที่ถาโถมเข้ามาในครอบครัวลูกมันเป็นเพราะ พ่อ! พ่อไม่เคยรู้จักคำว่าพอ มีเมียเล็กเมียน้อยนับไม่ถ้วน ยามโกรธพ่อก็มักจะมาลงกับคนในบ้าน ทะเลาะกับแม่ ทุบตีลูกจนปางตายเหมือนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง หากไม่คิดถึงแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ไม่ห่วงว่าใครจะดูแลน้องๆ แล้วล่ะก็ อาทิตย์คงต้องก่อกรรมอันใหญ่หลวง สร้างตราบาปอันฝังลึกที่กี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีวันลบเลือนได้.......

ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2496.....เด็กชายติ้นฟ้งลืมตาดูโลก ณ บ้านเลขที่ 99 ถนนแสงชูโต
จ.กาญจนบุรี การเกิดของติ้นฟ้งสร้างความตื่นเต้นดีใจให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมากที่ได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ปู่ทำนายว่าติ้นฟ้งจะเป็นคนเก่ง มีบุญวาสนาทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง

ครอบครัวคนจีนมักจะสอนให้ลูกทำงานตั้งแต่เด็กๆ ติ้นฟ้งก็เหมือนกัน เด็กน้อยมีหน้าที่ดูแลน้องๆ ที่คลานตามกันออกมาทุกปี แถมยังต้องทำงานบ้าน ช่วยแม่นึ่งปลาทู ทำความสะอาดปลาเค็มเพื่อเอาไปขายที่แผงในตลาด พ่อเองก็สอนให้เขารู้จักจัดสินค้า ขายของที่ร้านค้าหน้าบ้านซึ่งก็มีทั้งพริกแห้ง ฝ้าย ละหุ่ง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ตลอดจนของป่าที่ชาวบ้านเอามาส่งให้ แม้จะต้องทำงานหนักเกินวัย แต่ติ้นฟ้งก็ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย คงเป็นเพราะความรักที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายและญาติๆ มีให้อย่างเปี่ยมล้นนั่นเอง

ในตอนเช้า...ติ้นฟ้งจะเห็นปู่กวาดถนนหน้าบ้านทุกวัน เขาเคยถามปู่ว่าทำไมต้องกวาด มีใครเห็นมั่ง ปู่ตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มว่า เทียนเต๊เต๊ ฟ้าเป็นพยาน....เรากวาดถนนก็สะอาด ใช้แรงของเราทำประโยชน์ให้คนอื่น เราก็สบายใจ ปู่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สอนให้ติ้นฟ้งรู้จักทำงาน รู้จักเป็นผู้ให้ ทุกครั้งที่กลับจากตลาดปู่ก็จะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากหลานๆ เสมอ

ติ้นฟ้งอยากไปโรงเรียนแต่พ่อก็ไม่เห็นด้วย แม่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นเลยช่วยพูดให้ ในที่สุด พ่อก็ยอมให้ติ้นฟ้งไปโรงเรียน โดยมีข้อแม้ว่าติ้นฟ้งต้องทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

ติ้นฟ้งดีใจมาก เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งตามที่รับปากกับพ่อไว้ ตอนที่วิฑิตหนีโรงเรียนกลับมาบ้านแล้วโดนพ่อตีอย่างหนัก พี่ใหญ่อย่างติ้นฟ้งก็เข้ามาปลอบ สอนน้องให้รู้จักรักการเรียน และพาน้องกลับไปส่งที่โรงเรียนประจำ

วันตรุษจีน...วันแห่งความสุขที่ติ้นฟ้งตั้งตารอคอยเวียนมาถึง นอกจากอาหารการกินและขนมแสนอร่อยที่เขาชอบแล้ว วันนี้เขายังได้แต๊ะเอียจากญาติผู้ใหญ่อีกด้วย ติ้นฟ้งนำเงินแต๊ะเอีย 40 บาทไปฝากแม่ไว้ เพราะกลัวหายไม่รู้จะซ่อนตรงไหนดี แต่พอวันที่เขาไปขอเงินที่ฝากไว้กับแม่เพื่อมาซื้อขนมให้น้องๆ แม่กลับไม่ให้แถมยังบอกว่า "เงินที่แม่ให้เอ็งซื้อขนมกินทุกวันนี้ ก็เงินเอ็งไง" ติ้นฟ้งร้องไห้อย่างผิดหวัง ไม่สามารถเรียกร้องหรือต่อสู้อะไรได้เลย ติ้นฟ้งจึงแอบขโมยเงินย่าที่ซ่อนไว้ใต้ที่นอนไปซื้อขนมให้น้องๆ พ่อโกรธมากดุด่าเฆี่ยนตีติ้นฟ้งอย่างสาหัส ไม่ว่าย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่และป้าเฮียงจะทัดทานเพียงใด พ่อก็ไม่ฟัง...ภาพความรักที่พ่อเคยมีให้ในอดีต ตอนที่พ่อโอบอุ้มเล่นหัว ตอนที่พ่อพร่ำสอนในไร่ หรือแม้แต่ตอนที่พ่อเอาเขาซ้อนท้ายรถเครื่องไปดูหนังกลางแปลง.....ภาพความอบอุ่นเหล่านั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว.........เทศกาลตรุษจีนเวียนมาถึงในปีต่อมา...ติ้นฟ้งไม่ไว้ใจที่จะนำเงินไปฝากแม่อีกแล้ว เขาจึงนำเงินแต๊ะเอียที่ได้รับไปฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการใกล้ๆ บ้าน

ติ้นฟ้งเริ่มเป็น "เถ้าแก่น้อย" เมื่อ ป้าเฮียง(นรินทร ณ บางช้าง) ยกอุปกรณ์การทำถั่วคั่วให้ ย่าและติ้นฟ้งช่วยกันทำถั่วคั่วอย่างแข็งขัน ติ้นฟ้งนำถั่วคั่วไปขายทั้งที่ลานหนังกลางแปลง เขามีกลยุทธ์การขายด้วยการแจกหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าเอาไว้ปูนั่งดูหนัง เพิ่มสินค้าอีกหลายอย่างเอาไว้เป็นตัวเลือกให้ลูกค้า กิจการของติ้นฟ้งดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จนย่าและแม่เอ่ยปากชม ด้วยวัยเพียงสิบสอง ติ้นฟ้งต้องเข้าไปช่วยพ่อทำไร่อ้อย เขามีหน้าที่คอยคุมคนงานตัดอ้อย ทำบัญชีต่างๆ บางคราวก็ต้องเอาควายมาไถไร่ หรือแม้แต่ขับรถไถเอง...

เมื่อเรียนจบมัธยมต้น ติ้นฟ้งก็เปลี่ยนชื่อเป็น”อาทิตย์” เพื่อความสะดวกในการสอบเข้าเตรียมทหาร แต่พอเห็นไถ่(ปอAF) ลูกชายป้าเฮียงซึ่งไปเรียนที่ไต้หวันกลับมาเยี่ยมบ้าน ชุดเครื่องแบบนักเรียนของไถ่ดูโก้ สร้างแรงบันดาลใจให้อาทิตย์ไม่น้อย พ่อเห็นอาทิตย์อยากเรียนจึงตัดสินใจที่จะส่งอาทิตย์ไปเรียนไต้หวันบ้าง

ที่ไต้หวัน....อาทิตย์เริ่มเรียนภาษาจีนปักกิ่งอย่างหนักในโรงเรียนสอนภาษากินนอนคาธอลิกซินจู๋ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายซินจู๋....

"เคลลี่" (ซอนย่า คูลลิ่ง) หญิงสาวที่ทำให้อาทิตย์รู้จักคำว่ารัก.....เป็นรักแรกพบก็ว่าได้ อาทิตย์ก็สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน แม้จะรู้สึกเหงาที่ต้องจากบ้านมาไกล คิดถึงแม่ คิดถึงน้องๆ แต่อาทิตย์ก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างที่มีเพื่อนรักอย่างจิตรกร(อาร์ม-พิพัฒน์) เพื่อนนักเรียนคนไทยซึ่งเรียนด้วยกัน ...น้องๆ เขียนจดหมายมาหาเป็นระยะๆ พ่อยังคงอารมณ์ร้ายลงโทษน้องๆ แม่ก็ยังทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ

อาทิตย์กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ด้วยความตั้งใจว่าจะไปช่วยงานในฤดูร้อน แต่ทุกอย่างก็พังพินาศเมื่ออาทิตย์สุดจะทนชกพ่อไปทีหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นกระสอบทรายให้พ่อถลุงจนหมอบไปกับพื้น... รุ่งเช้าอาทิตย์กราบขอโทษพ่อทั้งน้ำตา เขาบอกลาว่าจะไม่กลับมาบ้านนี้อีก

พ่ออยากให้อาทิตย์กลับมาช่วยงานที่บ้านแต่อาทิตย์ไม่ยอม อาทิตย์เข้าเจรจาทำธุรกิจโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ โดยจะติดต่อโรงงานที่ไต้หวันมาติดตั้งเครื่องจักรให้ เขาก็ต้องผิดหวังครั้งใหญ่ เมื่อโครงการต้องล้มเพราะปัญหาเงินทุน อาทิตย์เสียใจมากแต่ก็ฮึดสู้ เขาขอยืมเงินแม่ตั้งบริษัท วีแอนด์เอ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ ส่งนิลไปขายต่างประเทศ

อาทิตย์ตัดสินใจแต่งงานกับเคลลี่ที่ไต้หวัน แล้วกลับมาจัดพิธีอีกครั้งที่เมืองไทย ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่มีลูก เพราะอยากสร้างหลักฐานให้ครอบครัวก่อน อาทิตย์มุ่งมั่นเริ่มทำธุรกิจอีก บริษัทของเขาได้เป็นตัวแทนนำซอนมะเขือเทศมาขายให้โรงงานปลากระป๋อง และส่งปลาทูน่ากระป๋องไปขายยังสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันกิจการส่งออกแป้งมันก็เจริญก้าวหน้า ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเป็นกอบเป็นกำ

กราฟชีวิตด้านธุรกิจของอาทิตย์พุ่งสูงขึ้น แต่กราฟชีวิตครอบครัวกลับดิ่งลงเหว วิฑิตอึดอัดใจเป็นที่สุด เขาทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงจนถึงขนาดโดนพ่อเอาปืนยิงหัว อาทิตย์โกรธแค้นมากถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงพ่อ แต่แม่และน้องๆ ก็ห้ามไว้ อาทิตย์ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันทิ้งน้องๆ จะคอยปกป้อง ดูแลน้องๆ ให้เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคมตลอดไป แม่ตัดสินใจหย่ากับพ่อ และย้ายมาอยู่กับอาทิตย์ที่บ้านสุขุมวิท ลูกๆ ทุกคนดีใจที่แม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่.....

"นรี" นักธุรกิจสาวก้าวเข้ามาในชีวิตของอาทิตย์ในวันที่เขารู้สึกโดดเดี่ยว...ความรักก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นานวันก็พัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคนรักที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน.....

หลายปีต่อมา อาทิตย์และนรีต้องเลือกเดินกันคนละเส้นทางกัน อาทิตย์ได้พบรักครั้งใหม่กับ “แมว” สาวสวยผู้มีบุคลิกอันร่าเริงสดใส เธอเป็นผู้หญิงช่างเอาอกเอาใจ อาทิตย์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็มิวายจะคิดถึงเคลลี่ หญิงสาวผู้เป็นเสมือนคนรัก...คนที่ทำให้เขารู้จักคำว่ารัก.....

เมื่อแม่ป่วย และเสียชีวิตลง อาทิตย์รู้สึกเศร้าโศก เสียใจที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจบวช เพื่อทดแทนพระคุณแม่ ผู้เป็นที่รักยิ่ง.....

แม้จะมีปัญหาชีวิต และมีปัญหาทางธุรกิจ อันเป็นเหมือนมรสุมร้ายที่สาดซัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่อาทิตย์ก็ไม่เคยย่อท้อ เขาลุกขึ้นต่อสู้อย่างเข้มแข็ง....เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องฟันฝ่า ต้องก้าวไปถึงเส้นชัยให้ได้......ชีวิตต้องดำเนินต่อไป.......เส้นทางชีวิตต้องสุกสว่างรุ่งโรจน์.....ดุจไฟอมตะในตัวเขาที่ไม่เคยมอดไหม้.....
Read more »

โรบอทยอดรัก


วันออกอากาศ วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ 7
วันที่เริ่มออกอากาศ 14 พฤษภาคม 2553
เวลาออกอากาศ 20:25 - 22:30 น.

กำกับโดย ชวลิต พงศ์ไชยยง
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ เล่าเต็ง, บทโทรทัศน์ อภิวัฒน์ เล่าสกุล
นำแสดงโดย
คณิน บัดติยา ... คิมมินโฮ, คิมหันต์
ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ... นิจชิตา
นทพันธ์ ใจกันทา ... ชุมพล
ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร ... ยุนอา
สุพจน์ จันทร์เจริญ ... ปลัดภูชิต
อธิชนัน ศรีเสวก ... ปราง
วิสรรค์ ฉัตรรังสิกุล ... เฮียฮุย
กล้วย เชิญยิ้ม ... ลุงปุ่น
ธราภา กงทอง ... อีซึงมี
กฤตย์ อัทธเสรี ... คิมยองมิน
เมื่อหุ่นยนต์ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงสัญชาติเกาหลีดันเครื่องรวนก่อนวันที่จะ มาเมืองไทยเพียงวันเดียว หนุ่มน้อยผู้เป็นรองประธานบริษัทจึงต้องปลอมตัวเป็นหุ่นยนต์ แต่ปัญหาไม่จบแค่นั้นเพราะพ่อหุ่นจำแลงของเราต้องมาอยู่กับครูสาวที่เกลียด เทคโนโลยียิ่งกว่าอะไร เรื่องวุ่นๆ ก็เลยเกิดเมื่อหัวใจของเธอดันไปรักกับหุ่นยนต์จำแลงเข้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

นิจชิตา (ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) ...ครูสาว จากโรงเรียนหัวหินวิทยาผู้มีอุดมการณ์และรักความเป็นไทยอย่างแรงกล้า จนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจากประเทศไทยมาที่เกาหลี เพื่อดูงานและเทคโนโลยีจากการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท LE ผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเกาหลี ณ.ขณะนี้ นิจชิตาไม่เห็นด้วยเพราะเธอรู้สึกว่ามันคือการรุกคืบทางวัฒนธรรม และเป็นวิธีการล่าอาณานิคมแบบใหม่ของผู้ที่คิดว่าเจริญกว่าเท่านั้นเอง แม้ว่าเธอจะพยายามคัดค้านเท่าไหร่แต่สำหรับตำแหน่งครูเล็กๆ จากโรงเรียนต่างจังหวัดคงทำอะไรมากไม่ได้นอกจากแกล้งไม่สบายขอนอนเฉยๆ อยู่ที่โรงแรมเล็กๆ ในกรุงโซลแทนที่จะออกไปเดินชมสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซลอย่างเช่นครูท่าน อื่นที่มาจากเมืองไทยด้วยเหมือนกัน

แต่ก็เกิดเรื่องจนได้เมื่อนิจชิตาเกิดหิวเลยคิดจะต้มบะหมี่ โดยไม่รู้เลยว่าควันที่เกิดจากการต้มน้ำดันไปทำให้สัญญาณเตือนอัคคีภัยภายใน ห้องดังขึ้น ทำให้ทั้งโรงแรมต้องตกอยู่ในสภาพเมืองบาดาลเพราะสายน้ำที่พวยพุ่งออกจาก สปริงเกอร์ นิจชิตารีบชิ่งออกจากโรงแรมทันทีเพราะกลัวว่าต้องติดคุกในข้อหาวางเพลิง แต่ระหว่างที่นิชจิตาวิ่งออกมาทางด้านหลังของโรงแรมเธอก็ได้พบกับชายหญิงชาว เกาหลีคู่หนึ่งกำลังขนกระเป๋าเสื้อผ้าใบเขื่องขึ้นท้ายรถ แต่ทันใดนั้นกระเป๋าเจ้ากรรมดันหลุดตกกระแทกกับพื้นจนเผยให้เห็นว่าสิ่งที่ อยู่ภายในกระเป๋าเสื้อผ้านั่นก็คือ หนังของมนุษย์ !!!

นิจชิตาถึงกับหน้าซีดเผือดนี่เธอต้องมาเจอกับเหตุการณ์วุ่นวายอะไรอย่างนี้ ทำไมเธอต้องมาเจอกับไอ้ฆาตกรหั่นศพในเกาหลีด้วย นิจชิตาพยายามค่อยๆ ย่องออกมาอย่างเงียบกริบแต่ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หันมาเห็นนิจชิตาเข้าให้ เร็วเท่าความคิดนิจชิตารีบวิ่งหนีทันทีพร้อมร้องให้คนช่วยอย่างไม่คิดชีวิต การไล่ล่าระหว่างเธอกับเจ้าฆาตกรผัวเมียโรคจิต (ที่เธอคิดไปเอง) จึงเริ่มขึ้น แต่โชคยังดีที่ตำรวจและนักดับเพลิงที่มาดับ เพลิงเพราะเหตุไฟไหม้โรงแรมช่วยไว้ได้ทัน นิจชิตาจึงรอดพ้นจากเจ้าฆาตกรโรคจิตได้อย่างหวุดหวิด นิจชิตารีบบอกกับตำรวจว่าในกระเป๋าเสื้อผ้าใบนั้นมีหนังสดๆ ของมนุษย์อยู่ และนั้นทำให้ชายต้องสงสัยจึงถูกจับทันที

นิจชิตากำลังเล่าวีรกรรมให้กับพวกครูๆ ที่มาจากเมืองไทยด้วยกันอย่างภาคภูมิใจ โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องวุ่นๆ กำลังเกิดขึ้นเพราะชายต้องสงสัยที่เธอคิดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตนั่น แท้ที่จริงเขาคือ คิมมินโฮ (คณิน บัดติยา) ...ลูกชายหัว แก้วหัวแหวน ของ คิมยองมิน (กฤตย์ อัธเสรี) ...ประธานบริษัท LE ซึ่งเป็นบริษัทขายเครื่องไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในเกาหลีนั่นเอง คิมมินโฮมีอีกชื่อว่าคิมหันต์ เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาเป็นลูกครึ่งไทย – เกาหลี นั่นเอง และหนังมนุษย์ที่อยู่ในกระเป๋านั่นก็คือ หนังเทียมที่หล่อขึ้นจากสารเคมีพิเศษที่ให้ความใกล้เคียงกับหนังของมนุษย์ มากที่สุด คิมมินโฮต้องการนำหนังมนุษย์นั่นมาใส่ให้กับ ME 1 (เอ็ม-อี วัน) ...หุ่นยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้เวลาในการค้นคว้าและประดิษฐ์ร่วม สิบปี คิมมินโฮเจ็บใจที่อยู่ๆ ตัวเองก็กลายเป็นฆาตกรโรคจิตไปซะงั้น ดีที่ ยุ นอา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) ...เลขาสาวสวยประจำตัวมาประกันตัวและบอกความจริงให้กับทางตำรวจฟัง แต่ยังไง๊ยังไงคิมมินโฮก็หมายแค้นนิจชิตาเอาไว้แล้วว่าชาตินี้อย่าได้เจอกับ ผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้อีกเลย

แต่เขาว่าเกลียดอะไรก็เจออย่างนั้นเมื่อวันรุ่งขึ้นที่นิจชิตาต้องไปงาน สัมมนาที่บริษัท LE เพื่อไปดูหุ่นยนต์ที่ทางบริษัทนี้คุยนักคุยหนาว่าเป็นเทคโนโลยีที่โลกต้อง ตะลึง แต่แล้วนิจชิตาก็ต้องตะลึงจริงๆ เมื่อพบกับคิมมินโฮที่เธอคิดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตภายในลิฟต์สองต่อสอง นิจชิตาต่อสู้อย่างสุดชีวิตโดยไม่รู้เลยว่าที่เธอกำลังเตะต่อยอยู่นั่นคือ เจ้าหุ่นต้นแบบ ME 1 ที่ถอดแบบทุกอย่างมาจากคิมมินโฮนั่นเอง แต่คนที่ต้องตะลึงที่สุดเห็นจะเป็นคิมมินโฮ เพราะทันทีที่เขาเห็นลิฟต์เปิดออกสิ่งที่เขาเห็นก็คือนิจชิตากำลังทำลายสิ่ง ประดิษฐ์ที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา นิจชิตาเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าชายที่เธอคิดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตนั้นแท้ จริงแล้วเป็นรองประธานบริษัทนั่นเอง นิจชิตากำลังจะขอโทษในสิ่งที่เธอทำ แต่คิมมินโฮที่กำลังโมโหกลับดูถูกเธอว่าเป็นพวกป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรม ไม่รู้จักเทคโนโลยี นิจชิตากลับประเทศไทยพร้อมกับประกาศเลิกกินกิมจิ และทุกอย่างที่เป็นของเกาหลีตลอดชีวิต

แม้ว่านิจชิตาจะกลับประเทศไทยไปแล้ว แต่ปัญหาไม่ได้กลับไปกับเธอด้วย เพราะสิ่งที่เธอทิ้งไว้ก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเจ้าME 1จนต้องใช้เวลาในการแก้ไขอีกหลายเดือน แต่จะทำยังไงในเมื่อคิมมินโฮ มีสัญญาที่จะต้องมอบเจ้าหุ่น ME 1 ให้กับรัฐบาลไทยตามโครงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและสารสนเทศภายในอาทิตย์นี้ คิมมินโฮผู้ถือคติว่าเสียเงินไม่ว่าแต่เสียหน้าไม่ได้จึงต้องคิดหาวิธีแก้ไข สถานการณ์นี้ให้ได้!

ทางด้านนิจชิตาก็กำลังระบายอารมณ์ใส่ ภูชิต (สุพจน์ จันทร์เจริญ) ...ปลัด หนุ่มอนาคตไกล ที่หมายปองนิจชิตาไว้ตั้งแต่เห็นเธอเพียงครั้งแรก และการที่นิจชิตาได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทยไปเกาหลีก็เพราะภูชิตมีส่วนในการ ผลักดันนั่นเอง โดยมี ลุงปุ่น (กล้วย เชิญยิ้ม)...พ่อผู้ บังเกิดเกล้าของนิจชิตาคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะลุงปุ่นมีความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นคนในเครื่องแบบตั้งแต่เด็ก แต่ในเมื่อชีวิตมันเลือกไม่ได้ งั้นขอมีลูกเขยเป็นคนในเครื่องแบบแทนก็ยังดี ภูชิตชักชวนนิจชิตาไปทำเนียบเพื่อพบกับท่านนายกรัฐมนตรี แต่นิจชิตากลับไม่สนใจเพราะเวลาที่เสียไปเธอเอาไปสอนหนังสือให้กับเด็กๆ ยังเป็นประโยชน์กว่า

วันรุ่งขึ้นนิจชิตาไปโรงเรียนตามปกติ แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจแทบตกมอเตอร์ไซค์เมื่อพบว่าคิมมินโฮมาปรากฏกายที่ โรงเรียนเธอได้อย่างไร ภูชิตรีบเข้ามาห้ามแล้วบอกว่าคิมมินโฮที่นิจชิตาเห็นนั่นก็คือ หุ่นต้นแบบ ME 1 นั่นเอง และที่เขาชวนนิจชิตาไปพบท่านนายกก็เพราะมีพิธีมอบหุ่นต้นแบบให้กับทาง โรงเรียนของเรามาดูแล นิจชิตาค้านหัวชนฝาที่จะเป็นคนดูแลหุ่นสัญชาติเกาหลีนี้เพราะสิ่งที่เกิด ขึ้นที่เกาหลีทำให้นิจชิตาไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า แม้จะรู้ว่าเป็นแค่หุ่นยนต์ก็ตาม แต่ภูชิตกลับบอกว่านิจชิตาปฏิเสธไม่ได้เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศเลยทีเดียว แล้วอีกอย่างเด็กๆ ก็เป็นปลื้มทันทีเมื่อรู้ว่าจะมีหุ่นยนต์เสมือนคนมาช่วยสอน
แต่คนที่ไม่ปลื้มและอยากจะกลับเกาหลีทันทีที่เห็นหน้านิจชิ ตาก็คือคิมมินโฮนั่นเอง เพราะแท้ที่จริงแล้วเจ้าหุ่น ME 1 ที่ทุกคนเห็นอยู่นั่นก็คือ คิมมินโฮตัวจริงเสียงจริง !!! ที่ตกกระไดพลอยโจนปลอมตัวเป็นหุ่นยนต์ของตัวเอง เพราะยุนอาเลขาสาวสุดสวยให้คำแนะนำว่าระหว่างที่หุ่นต้นแบบ ME 1 ส่งซ่อมนั่นคิมมินโฮต้องปลอมตัวมาเมืองไทยเพื่อรักษาชื่อเสียงของบริษัทเอา ไว้ ตอนแรกที่คิมมินโฮรับปากก็เพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องมาอยู่ในโรงเรียนของนิจ ชิตา แต่เมื่อเห็นเธอเข้าคิมมินโฮก็รู้ได้ทันทีว่านิจชิตาจะต้องหาทางแกล้งเขา อย่างแน่นอน

แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิมมินโฮกลัว เพราะนิจชิตานึกออกว่านี่เป็นทางเดียวที่เธอจะได้แก้แค้นคิมมินโฮให้รู้ว่า ที่จริงแล้วคนไทยก็มีดีเหมือนกัน ยุนอาเองก็กลัวว่านิจชิตาจะแกล้งคิมมินโฮจนความลับแตกจึงได้อ้างว่าเป็น ศาสตราจารย์ที่ตามมาดูแลที่เมืองไทยด้วย โดยดัดแปลงรถบ้านให้เป็นศูนย์บัญชาการเพื่อคอยช่วยเหลือคุณคิมอยู่ห่างๆ ก่อนที่เธอจะบอกเงื่อนไขกับนิจชิตาว่าหุ่น ME 1 ต้องส่งกลับมาที่ศูนย์เคลื่อนที่ทุกอาทิตย์เพื่อเช็คความผิดปกติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ เรื่องวุ่นๆ จึงเกิดขึ้นเมื่อคิมมินโฮต้องเล่นเป็นหุ่นยนต์ที่ทำงานใกล้เคียงกับมนุษย์ ที่สุด โห...ทำไมมันถึงได้ซับซ้อนเช่นนี้ แต่คนที่ดีใจไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ ยังมี ชุมพล (นนทพันธ์ ใจกันหา)...อาจารย์พละบ้าพลัง เป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับนิจชิตา เพราะทันทีที่ชุมพลเห็นยุนอาหรือตอนนี้ต้องเรียกว่าศาสตราจารย์ยุนอา ชุมพลก็ตกอยู่ในห้องภวังค์แห่งรักทันที แต่ก็ติดตรงที่ภาษาและเชื้อชาติที่เป็นอุปสรรครัก

ชีวิตในร่างหุ่นยนต์ของคิมมินโฮจึงเริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากนิจชิตาเปลี่ยนชื่อจากคิมมินโฮให้เป็นนายคอห่าน คิมมินโฮฉุนกึกทันทีคิดว่าเขาไม่รู้ภาษาไทยหรือไง นิจชิตาถึงกับงงที่รู้ว่านายคอห่านพูดภาษาไทยได้ คิมมินโฮจึงรีบเฉไปเพราะกลัวความลับแตกว่า เขามีชื่อภาษาไทยว่า คิมหันต์ แล้วที่เขาพูดภาษาไทยได้ก็เพราะถูกใส่โปรแกรมภาษาไทยมาให้ พ่อหุ่นจำแลงนามคิมหันต์ของเราถูกนิจชิตาแกล้งต่างๆ นานา ไม่ว่าจะใช้ให้เขาเดินข้ามตำบลราวกับคนส่งเอกสาร หรือจะให้เขาทำงานภายในโรงเรียนแทนภารโรงทุกคน แม้คิมมินโฮจะไม่พอใจแต่เขาก็ต้องอดทนผ่านสถานการณ์นี้ให้ได้ คิมมินโฮหรือที่นิจชิตาตั้งชื่อให้ใหม่ว่านายคอห่านนั่นรู้สึกว่ากว่าชีวิต จะผ่านไปแต่ละวันช่างยาวนานเหลือเกิน ทุกวันเขาลุ้นให้ถึงเวลาเลิกเรียนให้เร็วที่สุดเพราะนิจชิตาจะปล่อยเขาไว้ ที่โรงเรียน และนั่นก็คือเวลาที่เขาจะได้เป็นอิสระซะที แต่แล้วก็เริ่มมีเสียงเล่าขานจากบรรดาเด็กๆว่าที่โรงเรียนแห่งนี้มักจะมี วิญญาณออกมาตอนกลางคืน นิจชิตาไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้เด็ดขาด จึงได้ชักชวนชุมพลเพื่อมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงจนกระทั่งทั้งสองได้รู้ความจริง ว่า เงาที่เด็กๆ เห็นเมื่อยามค่ำคืนนั่นก็คือคิมมินโฮที่แอบออกมากินข้าวที่ยุนอาเอามาส่งที่ โรงเรียนให้ทุกคืนนั่นเอง เอาละซิคิมมินโฮจะแก้ตัวจะสถานการณ์นี้ยังไงในเมื่อเป็นหุ่นยนต์แล้วจะกิน ข้าวได้ยังไง

โชคยังดีที่ยุนอาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันโดยเธออ้างว่าหุ่นยนต์ ME 1 คือหุ่นที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุดแม้แต่อวัยวะภายในก็แทบจะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นหุ่น ME 1 จึงต้องการพลังงานเหมือนคนทั่วไป คิมหันต์กับยุนอาถึงกับปาดเหงื่อที่เอาตัวรอดได้ทัน แต่ยังไงยุนอาก็คิดว่าขืนปล่อยให้เจ้านายของเธอต้องตากยุงในตอนกลางคืนอยู่ อย่างนี้ คิมหันต์อาจจะเป็นไข้เลือดออกตายเสียก่อน คิมหันต์กับยุนอาจึงช่วยกันคิดแผนที่จะทำให้คิมหันต์ได้ไปนอนบนเตียงนุ่มๆ ที่บ้านของนิจชิตาได้อย่างแนบเนียน แล้วแผนนั่นก็คือ...!

การจ้างคนไปปล้นบ้านของนิจชิตาเพื่อให้นิจชิตารู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน เพื่อที่ยุนอาจะได้บอกกับนิจชิตาว่าคิมหันต์มีระบบการป้องกันตัวจะได้นำ คิมหันต์กลับไปบ้านด้วย แต่เกิดผิดแผนเมื่อคิมหันต์ได้เจอกับผู้ร้ายตัวจริงที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะคิมหันต์เองก็เป็นนักกีฬาเทควันโดอยู่แล้ว ไอ้โจรจึงหมอบราบคาบด้วยฝีมือของคิมหันต์ทันที แต่คิมหันต์ก็ต้องอึ้งไปเมื่อนิจชิตากลับมาแล้วเปิดไฟจึงพบว่าผู้ชายที่ คิมหันต์คิดว่าเป็นโจรตัวจริง ที่แท้ก็คือปลัดภูชิตที่เข้าไปอยู่ในบ้านของนิจชิตาเพื่อต้องการเซอร์ไพรส์ เธอเนื่องในวันเกิดเธอนั่นเอง

ยุนอารีบแก้ตัวให้คิมหันต์ ว่าคิมหันต์มีระบบเซ็นเซอร์ที่รู้ว่ามีคนแอบอยู่ในบ้านของนิจชิตาจึงตามมา เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นก่อนที่ยุนอาจะบอกให้นิจชิตานำคิมหันต์ กลับมาที่บ้านเพราะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่ควรประมาท ลุงปุ่นหัวหมอพอรู้ว่าคิมหันต์เป็นหุ่นยนต์ก็เห็นด้วยทันที รวมถึงปลัดภูชิตที่จำต้องยอมเห็นด้วยอีกคนก็ดีครับ...เพราะถ้าได้หุ่นยนต์ ที่มีฝีมือทัดเทียมกับผมจะได้สบายใจ (ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายโดนอัดแท้ๆ) ตั้งแต่นั้นคิมหันต์จึงต้องเดินกลับบ้านพร้อมกับนิจชิตาเพื่อเป็นองครักษ์ ให้กับเธอที่บ้านด้วย

แต่ก็มีปัญหาขึ้นมาอีกเมื่อชาวบ้านละแวกบ้านของเธอโจษจันกันหนาหูว่านิจชิตา พาผู้ชายเข้าบ้าน แม้ว่าลุงปุ่นจะพยายามอธิบายให้ชาวบ้านฟังว่าไอ้คอห่านนั่นเป็นหุ่นยนต์ แต่จะมีใครเชื่อเล่าก็ในเมื่อหุ่นยนต์เหมือนคนจริงๆ ซะอย่างนั้น แล้วคนที่ไม่พอใจอีกคนก็คือ ภูชิตเพราะพูดกันอย่างนี้คนรักของเขาก็เสียหายหมดซิ แล้วไหนจะความแค้นส่วนตัวที่คิมหันต์เคยอัดภูชิตหมอบราบมาแล้ว ภูชิตจึงนึกแผนแก้เผ็ดไอ้หุ่นยนต์คอห่านขึ้นมาได้ว่าถ้าทุกคนไม่เชื่อเราก็ ให้นายคิมหันต์ของเราไปอยู่กับชาวบ้านคนละวัน ลุงปุ่นเห็นดีด้วยทันทีเพราะเขาจะได้คิดค่าเช่าจากการที่ชาวบ้านเอาคิมหันต์ ไปทำงาน

ตั้งแต่นั้นคิมหันต์ของเราก็กลายเป็นคนใช้ประจำหมู่บ้านไปโดยปริยาย คิมหันต์ทำทุกอย่างตั้งแต่ไถนาแทนควาย จับปลา ทำนา จนคิมหันต์ทนไม่ไหวจะหนีกลับเกาหลีให้ได้ แต่ยุนอาได้ยั้งสติของเจ้านายเธอเอาไว้ก่อนจะช่วยกันคิดว่าทำยังไงถึงจะให้ คิมหันต์ไม่ต้องทำงานพวกนั้นอีก แล้วทั้งคู่ก็นึกออกว่าที่ชาวบ้านทุกคนทำงานก็เพราะอยากมีรายได้มีเงินเพื่อ ใช้จ่าย ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องหาเงินให้พวกเขา

คิมหันต์จึงได้คลุกคิดค้นเครื่องประดิษฐ์ภายในรถตู้อเนกประสงค์ หรือที่เรียกว่าศูนย์บัญชาการของเขาเพื่อจะคิดเครื่องประมวลเลขเด็ดแจกจ่าย ชาวบ้าน แล้วก็ได้ผลเมื่อเลขเด็ดที่คิมหันต์ให้กับชาวบ้านถูกกันเกือบทุกคน จนสร้างความประหลาดใจให้กับนิจชิตาที่มาเห็นการฉลองใหญ่ภายในตำบลของเธอก่อน จะรู้ว่าที่ชาวบ้านฉลองกันอยู่เพราะถูกหวยที่คิมหันต์ใบ้ให้มา

นิจชิตาถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อเห็นหุ่นยนต์คิมหันต์แต่งตัวเป็นเจ้าพ่อนั่งใต้ต้นตะเคียนกำลังนั่งใบ้ หวยงวดต่อไปให้กับชาวบ้าน นิจชิตาถึงกับโมโหจนควันออกหูเข้าไปต่อว่าคิมหันต์ว่าการที่คิมหันต์ทำอย่าง นี้เป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด นอกจากเป็นการผิดกฏหมายแล้วยังทำให้ชาวบ้านไม่รู้จักทำมาหากิน ถ้าเกิดวันนึงคิมหันต์ต้องกลับเกาหลีแล้วชาวบ้านจะทำยังไง ทุกคนไม่ต้องขวนขวายหาที่พึ่งงมงายอย่างนี้ไปจนตายหรือไง วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการให้เกษตกรทำงานโดยไม่พึ่งกระดาษแผ่นบางๆ ที่เรียกว่าเงินต่างหาก

คิมหันต์ไม่เข้าใจในสิ่งที่นิจชิตาพูด จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อทุกวันนี้สิ่งที่ทุกคนต้องใช้ก็คือเงิน จนกระทั่งนิจชิตาได้พาคิมหันต์ลงพื้นที่ให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องเศรษฐกิจ พอเพียงกับการทำเกษตรยั้งยืนเสียใหม่ คิมหันต์ถึงกับอึ้งไปเพราะเข้าพึ่งเข้าใจในสิ่งที่นิจชิตาสอน และเริ่มมองนิจชิตาและคนไทยเสียใหม่

แม้ว่าคิมหันต์กับนิจชิตาจะเริ่มพูดจาดีๆ ต่อกัน แต่จากการที่คิมหันต์ทำให้ชาวบ้านทุกคนถูกหวย ทำให้ เสี่ยฉั่ว ...ผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะคิมหันต์ เกือบทำให้เขาล่มจมภายในวันเดียว เสี่ยฉั่วคิดว่าถ้าขืนปล่อยให้คิมหันต์อยู่ต่อไปก็เท่ากับขัดขวางการทำมาหา กินของเขา เสี่ยฉั่วจึงได้ใช้ให้มือปืนในซุ้มไปจัดการทำลายไอ้หุ่นกระป๋องนั่นทิ้งซะ เสียฉั่วรู้ว่าอาทิตย์หน้าที่โรงเรียนของนิจชิตาจะมีการพานักเรียนไปตั้ง แค้มป์ทัศนศึกษาที่ปราณบุรี เขาจึงโอกาสนั่นคิดจะทำลายคิมหันต์ทิ้งทะเลซะ แต่เพราะความไฮเทคต่างๆ ภายในรถศูนย์บัญชาการของยุนอาทำให้เธอแอบดักคลื่นโทรศัพท์ของเสี่ยฉั่วก่อน จะได้ยินแผนที่จะปองร้ายคิมหันต์ ยุนอารีบขอให้ชุมพลพาเธอไปที่ปราณบุรีอย่างเร่งด่วน เพื่อไปเตือนว่าตอนนี้ชีวิตของคิมหันต์กับนิจชิตากำลังตกอยู่ในอันตราย

แต่ก็ไม่ทันการเมื่อกลุ่มมือของเสี่ยฉั่วเข้ามาลอบทำร้ายคิมหันต์ คิมหันต์ใช้เทควันโด้ศิลปะการต่อสู้ประจำชาติเกาหลีผสมกับแม่ไม้มวยไทย จัดการกับพวกมันก่อนจะรีบพานิจชิตาหนีออกทะเลไปทันที ทั้งสองไปติดเกาะด้วยกันแห่งหนึ่ง ค่ำคืนที่เปลี่ยวเหงา และลมทะเลที่หนาวเหน็บแต่นิจชิตากลับไม่รู้สึกหนาวเลยเมื่อเธอหลับไปไม่รู้ ตัวบนอกของคิมหันต์ ไม่รู้ว่าเพราะความเหนื่อยหรือว่าเธอคิดไปเองว่าอกของเจ้าหุ่นยนต์นี้ทำไม ถึงได้อุ่นใจอย่างประหลาด จนกระทั่งรุ่งเช้านิจชิตาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกว่าคิมหันต์นั่นหนาวสั่นก่อน ที่เธอจะตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าหุ่นยนต์บาดเจ็บจากการไล่ล่าเมื่อคืน คิมหันต์ถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บ นิจชิตาแปลกใจเมื่อเห็นเลือดออกจากตัวของคิมหันต์ ทันใดนั้นยุนอากับชุมพลที่ออกตามหาทั้งสองกันข้ามคืนก็เข้ามาพบพอดี ยังดีที่ยุนอาแก้ตัวได้ทันว่าเป็นน้ำมันเครื่องที่ใช้หล่อลื่นภายใน คิมหันต์รอดจากคมกระสุนมาได้และในช่วงเวลาที่พักฟื้นทำให้เขาและนิจชิตา เริ่มรู้สึกแปลกๆ ต่อกันตั้งแต่คืนนั้นที่ทั้งสองอยู่กันตามลำพังที่เกาะร้าง นิจชิตาเองเริ่มรู้สึกว่าคิมหันต์ไม่ใช่หุ่นยนต์หรือว่านั่นคือความต้องการ ของเธอกันแน่

ปลัดภูชิตสั่งควานหาตัวคนที่ลอบทำร้ายคิมหันต์กับนิจชิตาให้ได้ จนกระทั่งเขาได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของเสี่ยฉั่วนั่นเอง แต่แล้วกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ภูชิตสังหรณ์ใจว่านิจชิตาอาจจะกำลังหลงรัก เจ้าหุ่นยนต์กระป๋องนั่นก็ได้ เพราะระยะหลังๆ นิจชิตาเริ่มมีอะไรที่แปลกๆ ออกไป และปลัดภูชิตจึงยอมไม่ได้ที่จะให้เรื่องบัดสีอย่างนี้เกิดขึ้น

ความลับไม่มีในโลก...เมื่อปลัดภูชิตได้ไปบังเอิญได้ยินที่ยุนอาคุยกับชุมพล ภายในรถบัญชาการว่าที่จริงแล้วคิมหันต์นั่นไม่ใช่หุ่นยนต์แต่เป็นรองประธาน บริษัทตัวจริงที่ปลอมตัวมาเป็นหุ่นยนต์ ปลัดภูชิตจึงต้องการกระชากหน้ากากไอ้เกาหลีคนนี้ออกมาจึงได้ร่วมมือกับเสี่ย ฉั่วเพื่อลักพาตัวนิจชิตา

คิมหันต์ตกใจเมื่อได้รู้ว่านิจชิตาถูกลักพาตัวไป เขารีบถอดสายน้ำเกลือทิ้งเพื่อไปช่วยเธอทันที โดยที่คิมหันต์ไม่รู้เลยว่าทั้งหมดเป็นแผนของปลัดภูชิตนั่นเอง นิจชิตาถูกพาขึ้นไปที่แก่งกระจานโดยที่นิจชิตาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ จับเธอมาเป็นใคร จนกระทั่งคิมหันต์โผล่มาช่วย ปลัดภูชิตผู้อยู่ในเงามืดจึงได้ยื่นข้อเสนอเป็นเงินสิบหลักเพื่อแลกกับตัว ของนิจชิตา คิมหันต์หลงกลปลัดภูชิตและยอมรับว่าตัวเองมีเงินเพราะตัวเองเป็นรองประธาน บริษัท LE และพร้อมจะส่งเงินมาให้ แต่ขออย่างเดียวว่าอย่าทำอะไรนิจชิตาเลย นิจชิตาถึงกับอึ้งก่อนที่ปลัดภูชิตจะเผยตัวและบอกความจริงทั้งหมดที่เขาทำก็ เพื่อต้องการให้นิจชิตาตาสว่าง ว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านิจชิตาคือคนที่หลอกลวงเธอ หลอกลวงชาวบ้านมาตลอด ทันใดนั้นตำรวจที่คิมหันต์ซ้อนแผนให้ยุนอาไปแจ้งตำรวจก็บุกเข้ามาในโรงนา ก่อนจะรวบตัวปลัดภูชิตเอาไว้ ปลัดภูชิตซัดทอดเสี่ยฉั่วเป็นผู้ร่วมขบวนการอีกคน ทำให้ทั้งสองต้องเข้าไปชดใช้กรรมในคุก

คิมหันต์พยายามจะอธิบายให้ฟัง แต่นิจชิตารับไม่ได้กับสิ่งที่คิมหันต์ทำไว้กับเธอเพราะเธอเคยบอกแล้วว่าเธอ เกลียดคนโกหกที่สุด ถ้าจะมีคำพูดสุดท้ายที่จะพูดกับคิมหันต์ เธอขอให้เขากลับเกาหลีไปซะ

คิมหันต์จากเมืองไทยไปด้วยความเจ็บปวดที่ทำให้คนที่ตัวเองรักต้องเสียใจ เช่นเดียวกับนิจชิตาที่แม้ว่าเธอจะบอกว่าเกลียดเขาและเป็นคนไล่เขาไปเอง แต่หัวใจเธอกลับไม่ได้บอกเช่นนั้น ชีวิตที่ไม่มีเจ้าหุ่นยนต์จอมยุ่งอย่างคิมหันต์ เธอรู้สึกเหมือนว่าสีสันที่อยู่รอบๆ ตัวเธอกลับซีดจางไร้ชีวิตชีวา ชุมพลเองก็ทิ้งเธอไปเกาหลีพร้อมกับยุนอา แม้ว่านิจชิตาจะพยายามห้ามเพราะยุนอาเองก็ดูเหมือนไม่ได้มีใจให้กับชุมพล ทำไมชุมพลถึงได้ยอมทิ้งทุกอย่างไปจากเมืองไทย ชุมพลจึงบอกนิจชิตาก่อนจะจากกันว่า ตอนนี้เขารู้ว่าหัวใจต้องการอะไร และถ้าเขาไม่พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อมันแล้วละก็ เขาจะเสียใจไปจนตาย

สามเดือนผ่านไป...นิจชิตายังเป็นครูที่สอนอยู่ในโรงเรียนเล็กๆ ที่หัวหินตามเดิม แล้วนิจชิตาก็ต้องแปลกใจเมื่อเธอได้รับการ์ดแต่งงานของชุมพลกับยุนอาที่ส่ง มาจากเกาหลี พร้อมกับตั๋วเครื่องบินให้นิจชิตาไปร่วมงานให้ได้ นิจชิตาสองจิตสองใจเพราะรู้ว่าถ้าเธอไปก็ต้องเจอกับคิมหันต์อีก แต่ถ้าเธอไม่ไปก็เท่ากับเธอจะวิ่งหนีความรู้สึกนี้ไปตลอดชีวิตอย่างนั้น หรือ..?

ในที่สุดนิจชิตาก็ปรากฏกายที่งานแต่งงานของชุมพลที่เข้าพิธีวิวาห์กับยุนอา แบบเกาหลีโบราณ แล้วหัวใจของนิจชิตาก็ต้องสั่นไหวอีกครั้งเมื่อได้พบกับคิมหันต์ เธอหวังในใจลึกๆ ว่าคิมหันต์จะมาง้อเธอ แต่นิจชิตาก็ต้องเสียใจเมื่อพบท่าทางเย็นชาของคิมหันต์ราวกับว่าเธอและเขา ไม่เคยพบกันมาก่อน นิจชิตาตัดสินใจที่จะกลับประเทศไทยทันที ชุมพลโมโหคิมหันต์แทนนิจชิตาเพราะนิจชิตาอุตส่าห์มาหานายถึงที่แต่คิมหันต์ กลับเย็นชาใส่นิจชิตา ชุมพลทนไม่ไหวจนมีเรื่องกับคิมหันต์ ยุนอารีบเข้ามาห้ามเพราะทุกคนกำลังเข้าใจผิด คิมหันต์ที่ทุกคนเห็นนั่นไม่ใช่คิมหันต์ แต่เป็น...?

นิจชิตาพาหัวใจที่บอบช้ำกลับมายังหัวหินบ้านเกิดตามเดิม แต่ทันใดนั้นเธอก็ต้องสับสนเมื่อเห็นคิมหันต์มาปรากฏกายต่อหน้าเธอ จะเป็นไปได้ยังไงก็ในเมื่อเขาอยู่เกาหลีตอนที่เธอมา ก่อนที่คิมหันต์จะเล่าความจริงทั้งหมดให้นิจชิตาฟังว่า ตลอดเวลาที่เขากลับเกาหลีไปไม่มีซักวันที่เขาไม่คิดถึงนิจชิตา และนั่นทำให้ทั้งวันทั้งคืนเขาคลุกอยู่แต่ในห้องทดลองเพื่อต้องการซ่อมเจ้า หุ่น ME 1 ให้เสร็จ คิมหันต์สารภาพกับนิจชิตาว่าเขาจะมาอยู่เมืองไทยกับเธอเพราะเขารู้แล้วว่า ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใดเขาก็ไม่สามารถสร้างหุ่นยนต์ที่มีความ รักเหมือนมนุษย์ได้ นิจชิตาสงสัยว่าแล้วคิมหันต์ที่อยู่เกาหลีเป็นใคร คิมหันต์สารภาพกับเธอว่าคิมหันต์ที่อยู่ที่เกาหลีตอนนี้คือ ME 1 ที่ซ่อมเสร็จแล้ว และเขาก็พร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อนิจชิตาเพียงคนเดียว...
Read more »

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิวาห์ว้าวุ่น


วันออกอากาศ วันจันทร์
ช่องที่ออกอากาศ 3
วันที่เริ่มออกอากาศ 10 พฤษภาคม 2553
เวลาออกอากาศ 20:30 - 22:30 น.

กำกับโดย วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ ทองเอก, บทโทรทัศน์ ทองเอก
นำแสดงโดย
ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ ... ปวีร์
อารยา เอ ฮาร์เก็ต ... ไอรดา
รวิชญ์ เทิดวงศ์ ... รุจน์
สุนิสา เจทท์ ... มาตติกา
สรวิชญ์ สุบุญ ... ธราดล
รัตนารัตน์ เอื้อทวีกุล ... ปุ๊กกี้
อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล ... ตุลย์
พรรณชนิดา ศรีสำราญ ... เมษา
สาวิตรี สามิภักดิ์ ... อ. พจนีย์
ดิลก ทองวัฒนา ... ผู้พันปยุต
ภัสสร บุญยเกียรติ ... นวลตอง
สมบัติ ขจรไชยกุล ... เสี่ยปรีชา

ผู้สร้าง กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ปวีร์ ไฮโซเพลย์บอยจอมกะล่อน ทุกคำพูดจากปากเขาล้วนคัดสรรมาเพื่อหวังเคลมหญิง ปวีร์มีข่าวพัวพันกับเซเล็บฯ ชื่อดังคนแล้วคนเล่า ล่าสุดเขาควงอยู่กับ เมษา นางแบบสาวสวยเซ็กซี่ ลูกสาวคนเดียวของ เสี่ยปรีชา เสี่ยรุ่นใหม่ที่มีอิทธิพล และ ตุลย์ พี่ชายคนโตมาดดี สุภาพ แต่แฝงความร้ายในจิตใจ

พฤติกรรมเจ้าชู้ของปวีร์ สร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจกับ อ.พจนีย์ ผู้เป็น เพราะอ.พจนีย์ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตน เนื่องจากเคยเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง บางครั้ง ผู้พันปยุต ก็โดนหางเลขโทษพ่อมันที่เจ้าชู้แบบนี้ ลูกเลยติดเชื้อมา แต่ปวีร์ ก็ได้พบกับคู่ปรับอย่าง ไอรดา หมอดูสาวชื่อดัง ไอรดาก็เหมือนสาวทั่วไปที่แอบชื่นชมหนุ่มหล่อไฮโซผู้นี้ โดยเฉพาะความรวย เธอคิดวางแผนจับปวีร์ เริ่มจากดูหมอให้กับ อ.พจนีย์ ผู้รักการดูดวงเป็นชีวิตจิตใจ แล้วทักว่าดวงของ อ.พจนีย์และครอบครัวกำลังตกในฤกษ์ราหูเพชฌฆาต ทางแก้คือต้องจัดงานมงคลสมรสให้ลูกชายปีนี้ มิฉะนั้น ดวงชะตาอาจถึงฆาตทั้งครอบครัว

อ.พจนีย์จัดเลี้ยงวันเกิด แขกผู้มาร่วมงานก็มีแต่ผู้ใหญ่แนวอนุรักษ์นิยม ไอรดามาดูดวงให้บรรดาเพื่อน ๆ ไฮโซรุ่นป้า ได้มีโอกาสใกล้ชิดพูดคุยกับปวีร์ ไอรดาท้าทายปวีร์ที่เข้ามาจีบตน ปวีร์ยิ่งถูกท้าทายก็ยิ่งชอบใจ หารู้ไม่ว่าเมื่อพาไอรดาไปห้องนอนของตน กลับถูกไอรดาวางยานอนหลับ แล้วถอดเสื้อผ้าปวีร์ แกล้งใช้โทรศัพท์มือถือของปวีร์กดโทรหาอ.พจนีย์ เหมือนปวีร์เผลอกด แล้วแกล้งทำเสียงเหมือนกำลังโดนปวีร์ปล้ำ

เพื่อนอ.พจนีย์ได้ยินกันทุกคน อ.พจนีย์ยอมให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้ไม่ได้ รีบไปถึงห้อง และภาพที่ได้เห็น ปวีร์โดนจัดท่าให้นอนกอดก่ายอยู่กับไอรดาในสภาพเปลือย มีเพียงผ้าห่มคลุมกาย นวลตอง แม่ของไอรดา ที่เปิดร้านขายของอยู่พัทยา ก็หน้าตาตื่นมา เพราะไอรดาโทรตาม นวลตองมาเจอผู้พันปยุตก็ชะงัก เพราะผู้พันปยุตเคยจีบนวลตอง ก่อนที่ผู้พันจะแต่งงานกับ อ.พจนีย์ นวลตองโวยวายที่ปวีร์ปลุกปล้ำลูกสาวตน ผู้ใหญ่ของทุกฝ่าย จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องให้ทั้งสองแต่งงานกันอย่างรวดเร็วที่สุด

การแต่งงานจึงจัดขึ้น ฝ่ายไอรดาบีบน้ำตาแสร้งกลัวว่าพอแต่งงานแล้ว กลัวปวีร์จะทิ้งหาเรื่องหย่า จึงต้องการเงื่อนไขสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เมื่อใดที่ฝ่ายชายขอหย่า จะต้องจ่ายค่าหย่าเป็นเงินถึง 40 ล้านบาท แต่ปวีร์ก็ขอเงื่อนไขว่า ในกรณีที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้ขอหย่าซะเอง ตนจะไม่ต้องจ่ายอะไร ไอรดารับเงื่อนไข ดังนั้นทั้งสองจึงใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยมีแนวคิดเช่นเดียวกันคือ ต่างฝ่ายต่างพยายามทำตัวเลวร้ายใส่ให้อีกฝ่ายต้องยอมถอดใจเป็นฝ่ายขอหย่าเอง

เมษาได้ทราบข่าววิวาห์สายฟ้าแลบของปวีร์ ก็โกรธแค้น กับ ตุลย์ ผู้เป็นพี่ชาย และเสี่ยปรีชา เมษาเป็นคนตรงลุยกันซึ่ง ๆ หน้าทำให้ต้องปะทะตบตีกับไอรดาอยู่หลายครั้ง แต่ไอรดาก็มี ปุ๊กกี้ เพื่อนซี้ทอมบอย แต่เมื่อตุลย์ได้เจอไอรดารดาก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที จึงคิดที่จะแยกไอรดาออกจากปวีร์ให้ได้ เพื่อจะช่วยน้อง และช่วยให้ตัวเอง

ปวีร์ไม่ได้ใส่ใจทั้งเมษา ทั้งไอรดา เพราะกำลังปิ๊งกับสาวรายใหม่ มาตติกา ครูสอนโยคะ ยิ่งเมื่อทราบว่ามาตติกา รู้จักกับ ธราดล เพื่อนซี้จอมธรรมมะ ธรรมโม ปวีร์ค้นพบว่านอกจากจะสวย หุ่นดี มาตติกายังเป็นคนจิตใจดีสร้างความปลาบปลื้มไปถึง อ.พจนีย์ ปวีร์ เห่อมาตติกามาก พยายามจีบอย่างออกนอกหน้า แต่มาตติกาก็วางตัวดี ไอรดาเองก็เชียร์ให้ปวีร์หย่ากับตนซะ จะได้เช็คบิลเงิน 40 ล้าน เมษาเห็นทีท่าของไอรดา เลยเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่อยากให้พ่อส่งพี่ชายมาทำร้ายไอรดาด้วย ก็เปลี่ยนท่าทีไปถึงกับมาตีซี้เอาใจไอรดา แล้วเบนเป้าไปหวังจะถล่มมาตติกาแทน

ตุลย์ตามจีบและทำดีต่อไอรดา แต่ไอรดา่ปิดใจ เพราะห่วงเงิน 40 ล้าน ปวีร์หาทางให้ไอรดาขอหย่ากับตน โดยการพาสาวเข้าบ้าน ทำตัวร้าย ๆ กวนสุด ๆ แต่ไอรดาทนได้เพื่อเงิน 40 ล้านที่หวังไว้ ไอรดาเองก็หาสารพัดวิธี ร้อยล้านเล่มเกวียนเพื่อทำให้ปวีร์ทนอยู่กับตนไม่ไหว

บางครั้งไอรดาก็ดึงเอาตุลย์เข้ามาช่วยกำราบปวีร์บ้าง เมื่อปวีร์เห็นว่าไอรดา ไม่มีทางยอมแพ้หย่ากับตน ปวีร์เลยมีแผนใหม่ ด้วยการปรึกษากับธราดล ทั้งคู่เลยจัดให้ไอรดาได้รู้จักกับ รุจน์ เจ้าของและบรรณาธิการของนิตยสาร Love & Wedding ทำให้รุจน์เป็นเหมือนกูรูเรื่องชีวิตหลังสมรส จึงกลายเป็นว่า ปวีร์มาสนิทสนมกับมาตติกา ในขณะที่ไอรดาก็เริ่มสนิทสนมกับรุจน์ ทั้งสองคู่ ต่างเริ่มปลูกต้นรักกัน วิวาห์ว้าวุ่น ออกอากาศทุกวันจันทร์ - อังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
พูดคุยเกี่ยวกับละครในเว็บบอร์ด
Read more »

นักฆ่าขนตางอน


วันออกอากาศ วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ 7
วันที่เริ่มออกอากาศ 12 พฤษภาคม 2553
เวลาออกอากาศ 20:30 - 22:30 น.

กำกับโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ ดาเรศร์, บทโทรทัศน์ ณพุทธ สุศรี
นำแสดงโดย
วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ ... ผู้กองรณภพ
ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ ... แพรเพชร / แพ๊ต
วัชรบูล ลี้สุวรรณ ... ชาลี
สิริลภัส กองตระการ ... แพรพลอย / โนรี
กวินตรา โพธิจักร ... ดาหวัน
กัญจน์ ภักดีวิจิตร ... หมวดโอม
ชัชฎาภรณ์ ธนันทา ... อำพัน
แมทธิว ดีน ฉันทวานิช ... หมวดรอน
ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ... โรเบิร์ต
กรุง ศรีวิไล ... หลวงพ่อกรณ์
สุเชาว์ พงษ์วิไล ... เจ้าเวียงวรรณ
สมภพ เบญจาธิกุล ... นายธวัช
โกวิท วัฒนกุล ... เสี่ยพิพัฒน์
ตฤณ เศรษฐโชค ... สารวัตรชลิต
วิทิต แลด ... สารวัตรโทนี่
ชาลี กรรณสูต ... พิชิต
พงศนาถ วินศิริ ... เหว่ง
อะตอม สัมพันธภาพ ... เกษม
อาฉี เสียงหล่อ ... จ่าฉิม
ดำรงเดช เตกูรามี ... เทพ
ฌอน โจนส์ ... นิโคลัส
โอลิเวอร์ บีเวอร์ ... ไมเคิล

ผู้สร้าง บางกอกออดิโอวิชั่น จำกัด
แพรเพชร(ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์) ต้องสูญเสียแพรพลอยน้องสาวและครอบครัวไปเพราะแก๊งค์ค้ายาบุกฆ่ายกครัว มีเพียงแพรเพชร เท่านั้นที่รอดมาได้ การต่อสู้ชองแพรเพชรสร้างความประทับใจให้กับโรเบิร์ต (ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์) หัวหน้าองค์กร Sk7 องค์กรลับที่ต่อต้านการค้ายาเสพติด แพรเพชรถูกชักจูงให้เข้าร่วมทีมโดยมีอำพัน (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) นักฆ่าสาวคนสนิทของโรเบิร์ตสอนวิชาการต่อสู้ในทุกรูปแบบให้ จนแพรเพชร กลายเป็นนักฆ่าในสมญา "นักฆ่าขนตางอน" และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น แพ๊ต หรือ แพทริเซีย โดย แพ๊ตถูกส่งไปจัดการเหล่ามิจฉาชีพยังที่ต่างๆโดยมีเป้าหมายโค่นล้มแก๊งค์ค้ายาของมิสเตอร์เหว่ง(พงศนาถ วินศิริ) ผู้อยู่เบื้องหลังการทำลายล้างครอบครัวของเธอในอดีต

แพ๊ต ในคราบผู้จัดการประจำบาร์กุหลาบขาว ที่มีเจ้าเวียงวรรณ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) มหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ แต่แท้จริงเจ้าเวียงวรรณ ก็คือหัวหน้าของ Sk7 ภูมิภาคเอเชีย แพ๊ตมีโอกาสได้รู้จักผู้กองรณภพ (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว รณภพไม่รู้ว่าแพ๊ตคือนักฆ่าเช่นเดียวกับที่แพ๊ตก็ไม่รู้ว่ารณภพเป็นลูกชายของอดีตหัวหน้าแก๊งค์แมงป่องดำ ที่ถูกเหว่งสังหารเพื่อยึดอำนาจ แทนที่รณภพจะล้างแค้นด้วยการไล่ฆ่าพวกศัตรูเหมือนแพ๊ตแต่เขากลับเลือกจะเป็นตำรวจเพื่อใช้กฏหมายและความยุติธรรมปราบปรามเหล่าร้าย

ชาลี (วัชรบูล ลี้สุวรรณ) นักข่าวหนุ่มเพื่อนรักของรณภพเป็นลูกชายของ ธวัช (สมภพ เบญจาธิกุล) นักการเมืองชื่อดัง ทำตัวสำมะเลเทเมาหลังจากแพรพลอยคนรักตายจากไป ธวัชขอให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการแต่งงานกับ ดาหวัน (กวินตรา โพธิจักร) ลูกสาวของเจ้าเวียงวรรณแต่ชาลีก็ไม่สนใจ บังเอิญชาลีได้เจอกับ โนรี (สิริลภัส กองตระการ) สาวบ้านนอกผู้มีใบหน้าคล้ายแพรพลอย ชาลีพยายามตามตื้อเพื่อทำความรู้จักเธอแต่โชคร้ายที่แพ๊ตได้มาสังหารเหยื่อในละแวกนั้นทำให้ชาลีถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ ส่วนแพ๊ตเข้าใจผิดคิดว่าโนรีเป็นแพรพลอยจึงพาหนีไปด้วย เมื่อแพ๊ตรู้ว่าโนรีไม่ใช่น้องสาวแต่ก็รู้สึกถูกชะตาจึงฝากให้โนรีทำงานเป็นนักร้องที่บาร์กุหลาบขาว เพราะความรักที่แพ๊ตมีให้อย่างจริงใจทำให้โนรีขอเข้าร่วมเป็นทีมนักฆ่ากับแพ๊ตด้วย

แพ๊ตตามกวาดล้างเครือข่ายต่างๆของ เหว่งจึงเป็นเหตุให้ต้องเผชิญหน้ากับรณภพอย่างเลี่ยงไม่ได้ รณภพเริ่มสงสัยว่าแพ๊ตอาจจะเป็นนักฆ่าขนตางอนจึงพยายามสืบหาความจริงโดยมี หมวดโอม (กัญจน์ ภักดีวิจิตร) และจ่าฉิม (อาฉี เสียงหล่อ) เป็นผู้ช่วย สารวัตรโทนี่ (วิทิต แลด) และ หมวดรอน (แมทธิว ดีน ฉันทวานิช) ถูกส่งมารับผิดชอบคดีนักฆ่าขนตางอน เนื่องจากทางตำรวจสากลได้ติดตามคดีนี้มานาน แต่ด้วยระบบงานที่ซับซ้อนทำให้ทีมของรณภพกับสารวัตรโทนี่มักมีเรื่องเขม่นกันอยู่เสมอ จนสารวัตรชลิต(ตฤณ เศรษฐโชค) ผู้บังคับบัญชาของรณภพต้องออกมาไกล่เกลี่ยเพื่อให้งานเดินหน้าต่อไป เสี่ยพิพัฒน์(โกวิท วัฒนกุล) อดีตสมาชิกระดับหัวหน้าของแก๊งค์แมงป่องดำพ้นโทษออกจากคุกได้รู้ความจริงว่ารณภพเป็นลูกชายของอดีตหัวหน้าใหญ่จึงชักชวนรณภพร่วมก่อตั้งแก๊งค์แมงป่องดำขึ้นอีกครั้งแต่เขาปฏิเสธ
ด้านหมวดโอมก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับรณภพจึงระแวงสงสัย เพราะรณภพปล่อยให้นักฆ่าขนตางอนหลุดมือจากการที่แพ๊ตบุกเข้าไปช่วยเจ้าเวียงวรรณที่ถูกเหว่งและธวัชจับตัวมาเค้นหาความจริงเรื่ององค์กรsk7 เหตุการณ์ครั้งนี้รณภพรู้ความจริงว่าแพ๊ตเป็นนักฆ่าขนตางอนและพ่อของชาลีก็ถูกฆ่าตาย ทำให้ชาลีเครียดแค้นนักฆ่าขนตางอน รณภพได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และกลับมาร่วมมือกับโอมและชาลีในการสืบหาหลักฐานเรื่องเจ้าเวียงวรรณเกี่ยวข้องกับองค์กร sk7 ชาลี รณภพและโอมได้ไปยังเกาะส่วนตัวของเจ้าเวียงวรรณ และเจ้าเวียงวรรณสั่งให้แพ๊ตเก็บพวกรณภพแต่แพ๊ตไม่กล้าทำ เจ้าเวียงวรรณจึงสั่งให้ดาหวันลงมือแทน ส่วนอำพันหักหลังองค์กรsk7เพราะอิจฉาที่แพ๊ตได้ตำแหน่งหัวหน้าแทนที่จะเป็นเธอ อำพันจึงหันไปร่วมมือกับเหว่งและพาพวกไปถล่มเกาะส่วนตัวเจ้าเวียงวรรณเพื่อกำจัดองค์กรsk7ให้สิ้นซาก จึงปะทะกับพวกแพ๊ตและรณภพอย่างเลี่ยงไม่ได้

เจ้าเวียงวรรณบังคับให้โรเบิร์ตฆ่าแพ๊ตที่หักหลังไปช่วยรณภพแต่โรเบิร์ตไม่ยอม เจ้าเวียงวรรณจึงยิงโรเบิร์ตตายส่วนตัวเองก็ถูกแพ๊ตฆ่าตายทำให้ดาหวันแค้นแพ๊ตมาก พวกรณภพเกิดการปะทะกับเหว่งและอำพันบนเกาะจนแพ๊ตเสียท่าตกเหว ชาลีตัดสินใจพาทุกคนลงเรือหนีไปแต่ดาหวันแอบแก้เชือกที่มัดตัวเองออกได้และยิงเครื่องเรือระเบิดทำให้ทุกคนตกน้ำไปคนละทาง รณภพถูกน้ำซัดกลับมาที่เกาะและแอบได้ยินอำพันพูดเรื่องแพ๊ตยังมีชีวิต ส่วนโนรีรอดจากการถูกพวกประมงปล้ำเพราะชาลีกับโอมนำตำรวจน้ำมาช่วยทันเวลา ส่วนดาหวันกระโดดน้ำหนีไปได้สารวัตรโทนี่และรอนพร้อมกำลังตำรวจน้ำมาทลายเกาะส่วนตัวเจ้าเวียงวรรณ จ่าฉิมเห็นรอนลบข้อมูลบางอย่างในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเจ้าเวียงวรรณด้วยความสงสัยจึงบอกรณภพและโอมให้รู้เรื่อง เพราะแท้ที่จริงรอนคือนักฆ่าจากนอกประเทศที่ปลอมตัวมาเป็นตำรวจสากล การปะทะกันบนเกาะอำพันและเหว่งหนีรอดไปได้ จึงขอมาเป็นพวกกับพิพัฒน์โดยที่พิพัฒน์ไม่ฟังคำขัดค้านของพิชิต (ชาลี กรรณสูต) น้องชาย

แพ๊ตหนีไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งมีหลวงพ่อกรณ์(กรุง ศรีวิไล)เป็นผู้ชี้ทางสว่างให้ รณภพสืบรู้ว่าแพ๊ตอยู่ที่วัดจึงไปหาโดยไม่ทันระวังว่าถูกลูกน้องเหว่งสะกดรอยตาม อำพันตามไปเก็บแพ๊ตโชคดีพิพัฒน์มาช่วยไว้เพราะแพ๊ตหน้าคล้ายภรรยาเก่าของพิพัฒน์ที่เสียไป อำพันหลอกใช้พิชิตให้โค่นพิพัฒน์โดยโกหกว่าจะกำจัดเหว่ง พิชิตหลงเชื่อยอมร่วมมือกับอำพันปล้นสินค้าของพิพัฒน์ที่เหว่งเป็นคนคุมโดยเหว่งสั่งเทพ(ดำรงเดช เตกูรามี)อดีตลูกน้องธวัชที่พามาร่วมงานด้วยให้ยิงตัวเองเพื่อพิพัฒน์จะได้เชื่อว่าสินค้าถูกปล้นไปจริงๆ ในขณะที่พิพัฒน์ แพ๊ตและนิโคลัส(ฌอน โจนส์) ลูกค้ายารายใหญ่ไปรออยู่ที่โกดังนัดหมาย รอนนำกำลังตำรวจบุกไปจับพิพัฒน์แต่กลายเป็นฉากที่นิโคลัสจัดขึ้นเพื่อพิสูจน์ความจริงใจของแพ๊ต ซึ่งพิพัฒน์รู้ว่าแพ๊ตเป็นสายให้รณภพแต่ไม่ว่าอะไรเพราะพิพัฒน์ก็รู้ว่าในแก๊งค์มีหนอนบ่อนไส้เช่นกัน ทางตำรวจสากลเรียกตัวสารวัตรโทนี่กลับเพราะทำงานร่วมกับตำรวจไทยได้ไม่ตรงตามเป้าหมาย จึงส่งสารวัตรไมเคิล (โอลิเวอร์ บีเวอร์) มาแทน และยังจับได้ว่ารอนไม่ใช่ตำรวจสากลตัวจริงเป็นนักฆ่าที่ปลอมตัวมา จึงถูกรอนลอบฆ่าโชคดีที่รณภพมาช่วยไว้ทันแต่รอนหนีรอดไปได้ พิพัฒน์วางแผนจับคนทรยศโดยโกหกว่าจับคนปล้นสินค้าได้ พิชิตไม่รู้ว่าเป็นการซ้อนแผนจึงถูกพิพัฒน์จับได้ พิชิตกลัวพิพัฒน์ลงโทษจึงพลั้งมือยิงพิพัฒน์และหนีไปแต่พิพัฒน์กลับไม่โกรธเพราะรู้นิสัยน้องชายดีว่าต้องมีคนยุแหย่
แพ๊ตบอกพิพัฒน์ว่าไม่ไว้ใจเหว่งและอำพัน พิพัฒน์บอกเสร็จจากส่งสินค้าให้นิโคลัสจะเก็บเหว่งและอำพันแต่ทั้งคู่ไหวตัวทันจึงหันไปร่วมมือกับนิโคลัส ชาลีถูกอำพันจับตัวได้และสะกดจิตให้กลายเป็นนักฆ่าบุกไปจัดการพิพัฒน์ถึงบ้าน พิชิตรู้ว่าถูกอำพันหลอกใช้จึงกลับมาช่วยพิพัฒน์ แต่พิชิตกับพิพัฒน์ก็ถูกนิโคลัสฆ่าตาย ส่วนนิโคลัสถูกรณภพจับตัวไว้ได้เหว่งปลอมเป็นทนายไปเยี่ยมและสั่งนิโคลัสไม่ให้การใดๆกับตำรวจเพราะเหว่งวางแผนจะชิงตัวนิโคลัส แพ๊ตและดาหวันถูกรอนใช้ปลอกคอระเบิดบังคับให้ชิงตัวนิโคลัสมาเพื่อเรียกค่าไถ่จากเหว่ง แต่แท้จริงเพื่อล่อเหว่งและอำพันมาฆ่าทิ้ง แพ๊ตใช้ไหวพริบขับรถเข้าไปในโกดังที่เต็มไปด้วยวัตถุไวไฟเพื่อให้รอนปลดปลอกคอระเบิด ดาหวันเริ่มเข้าใจทุกอย่างและรู้ว่าถูกรอนหลอกใช้มาตลอดจึงตัดสินใจกดรีโมทเพื่อให้ทุกอย่างจบสิ้นรอนชีวิตไปได้อย่างสาหัสสุดท้ายก็จบชีวิตเช่นกัน แพ๊ตหนีรอดมาได้ อำพันสั่งชาลีจัดการแพ๊ตโชคดีหลวงพ่อกรณ์ตัดสินใจลาสึกมาช่วยไว้พร้อมกับรณภพและโอม แพ๊ตต่อสู้กับชาลีพร้อมแก้การสะกดจิตไปด้วยโดยให้ชาลีพยายามคิดถึงคนที่ตัวเองรัก หลังจากหายเป็นปกติชาลีจึงกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับโนรีดัวยความรักและเข้าใจอีกครั้ง

การตายของคนรอบข้างมีมากมายทำให้แพ๊ตเริ่มสำนึกได้ เธอตัดสินใจยุติความแค้นของตัวเองโดยเข้าไปช่วยทางการปฏิบัติภารกิจครั้งสำคัญ นั่นคือกวาดล้างแก๊งค์ค้ายาเสพติดของเหว่งและอำพันให้สิ้นซาก สุดท้ายชีวิตของนักฆ่าขนตางอนอย่างแพ๊ตจะจบลงอย่างไร ติดตามหาคำตอบกันได้ทุกคืนวันพุธ-พฤหัส หลังข่าวภาคค่ำทางช่อง 7 สี
Read more »

วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

นาฬิกาทราย


รักเธอ
เปรียบดั่งนา ฬิกาทราย
ที่หล่นหาย
เม็ดทรายลดน้อย ลงทุกที
รักฉัน ก็เป็นนา ฬิกาทราย
แต่ความหมาย
เม็ดทรายมันเพิ่ม ขึ้นทุกวัน
สิ่งเดียวกัน
กลับเห็น เป็นคน ละอย่าง
ความรัก ของเรา
กลับเดินสวน ทาง
ใจเธอลด
แต่ฉัน เพิ่มขึ้น ทุกอย่าง
ได้แต่หวัง ให้มันไม่เป็น
ความจริง
เวลา ความรัก สั้นลง แล้ว
ใจเธอ เลือนลาง ทุกที
รอวัน ที่รัก ถูกเธอ ทิ้ง
ในวัน ที่ทราย หมดสิ้นลง
รักเรา ได้แต่เฝ้า และมองดู
สิ่งที่เห็น ก็คือ
ความรัก คงจบลง
แม้เธอ
จะไม่เหลือ แม้เยื่อใย
แต่สุดท้าย เหลือเพียง
ใจฉัน ที่มันเต็ม
สิ่งเดียวกัน
กลับเห็น เป็นคน ละอย่าง
ความรัก ของเรา
กลับเดินสวน ทาง
ใจเธอลด
แต่ฉัน เพิ่มขึ้น ทุกอย่าง
ได้แต่หวัง ให้มันไม่เป็น
ความจริง
เวลา ความรัก สั้นลง แล้ว
ใจเธอ เลือนลาง ทุกที
รอวัน ที่รัก ถูกเธอ ทิ้ง
ในวัน ที่ทราย หมดสิ้นลง


เวลา ความรัก สั้นลง แล้ว
ใจเธอ เลือนลาง ทุกที
รอวัน ที่รัก ถูกเธอ ทิ้ง
ในวัน ที่ทราย หมดสิ้นลง
เวลา ความรัก สั้นลง แล้ว
ใจเธอ เลือนลาง ทุกที
รอวัน ที่รัก ถูกเธอ ทิ้ง
ในวัน ที่ทราย หมดสิ้นลง

ฟังเพลงนี้ครั้งแรกเมื่อเป็นสิบปีที่แล้ว น้ำตาไหล จำได้เลย ทำนองที่สะเทือนใจ เนื้อเพลงที่กรีดลึก บวกจังหวะอารมณ์ที่เหงาๆ มันสอดคล้องทำให้ใจหดหู่ใช่เล่น

ความรักคนเราบางทีก็เหมือนนาฬิกาทราย ในเมื่อขณะที่ความรักของคนหนึ่งลดลงเรื่อยๆ รอเวลาหมดสิ้นลง แต่อีกคนกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รอเวลาที่เขาหยุดรัก ความรักที่เคยมีมันหมดไปตามเวลาจริงหรือ แล้วอะไรล่ะคือตัวแปรที่ทำให้ความรักนั้นจืดจางลงไป คำตอบง่ายๆ เมื่อเราเปรียบความรักเหมือนนาฬิกาทราย "เวลา" ก็คือสาเหตุที่ทำให้ความรักเปลี่ยนแปลงไป คนหนึ่งเปลี่ยนไปในทางลบ อีกคนก็เปลี่ยนไปในทางบวก ในเมื่อของทุกๆอย่างบนโลกนี้ที่เรายืน เวลายังทำให้เปลี่ยนไป เหตุและผลของเวลา เปลี่ยนแปลงโลกให้เป็นไป แล้วนับภาษาอะไร กับใจคน นี่แหล่ะสัจธรรมที่ผมได้เรียนรู้จากรักที่ไม่สมหวัง
Read more »

รักเอ๋ยคำว่ารัก

รักเอ๋ยคำว่ารัก

จะประจักชัดแจ้งแห่งหนไหน

แม้นเจ็บช้ำกล้ำกลืนใจ

แต่ทำไมไม่เข็ดจำ

ยังขืนฝืนทนรัก

แม้เจ็บหนักใจบอปช้ำ

ก็ยังใฝ่ในน้ำคำ

ใจเรียกร่ำคำรักเอย

ความรักหนอความรัก ไม่เคยได้สมหวังกับเขาสักที ไม่สมหวังไม่เท่าไหร่ แต่รักทีไรมักจะรักแบบโง่ๆ ทุกที รักไม่ลืมหูลืมตา เขาเรียกว่ารักแบบถวายหัว(ใจ) ก็เราผิดหรือที่เป็นคนรักจริง รักใครก็จริงจังเสมอ ไม่ได้รักเผื่อใจ รักเผื่อแยกเผื่อจบ หรือเผื่อเลือก สังคมสมัยนี้เป็นอะไรไปแล้วการที่เรารักหมดใจนี้กลายเป็นเรื่องผิด ถูกประนามจากหมู่เพื่อนเมื่ออกหัก "สมน้ำหน้ามรึง ก็บอกว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง" อ้าวไอ้นี่ ความรักนะเฟ้ยไม่ใช่สิ่งของ จะได้ตวงวัดได้ว่าควรจะรักเท่าไหร่พอ แค่ไหนเผื่อไว้ให้ตัวเอง ความรักไม่ใช่คณิตศาสตร์มานั่งคำนานได้ มันรู้ตัวอีกทีความรู้สึกก็ให้ไปหมดแล้วล่ะคุณเพื่อนทั้งหลาย เขาเรียกว่า รักจนตาย(ควาย)

เปรียบเทียบว่าตัวเองเหมือนควายเพราะ เมื่อรักใครแล้ว มักปิดหูปิดตา แกล้งโง่(แม้ความจริงเป็นคนโครตฉลาดทันคน ทันมุขเล่ห์เหลี่ยม) แต่พอรักใครแล้ว เขาโกหกอะไรมาก็จะแกล้งโง่อ่อนต่อโลกเชื่อไปหมด พูดอะไรมาตูเชื่อหมด ไม่เถียงไม่สงสัย(สงสัยแต่ไม่กล้าถาม) ตอแหลมาเท่าไหร่ไม่เป็นไรผมแกล้งไม่รู้ไม่เห็น กลัวเขารู้ว่าเรารู้ทันแล้วจะหนีเตลิดไปไกล แม้จะทำร้ายเราให้เจ็บแค่ไหน ควายทนได้ ทนให้ตีให้เคี่ยน ก็ทนทำงาน ทนรัก ทน ทน ทน คำเดียวเลยว่าทน ทนเพราะรัก รักแบบควาย ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก รักแบบโง่ๆ รักคนที่เขาไม่รักเรา แต่คนดีๆมีเยอะแยะ ควายไม่รัก ควายไม่สน ควายไม่เห็นค่า ก็ควายมันโง่นี่ครับ มักไม่เห็นค่าอะไรกับสิ่งดีๆหรอกครับ ไม่งั้นผมจะเรียกตัวเองว่าควายหรอครับ

แล้วที่แย่กว่าเดิม สมมุติถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ให้เลือกใหม่ ผมก็พร้อมจะยอมตาย(ควาย) ขอเลือกรักเขาเหมือนเดิม แม้จะรู้ว่าสุดท้ายต้องเสียใจก็ตาม โห ควายมั้ยล่ะครับ สมเพษตัวเอง "รักจนตาย ไอ้ควายเอ๋ย"
Read more »

น่ารักดีดีดี


อิอิ
Read more »

ดาราอีกแล้ว





อิอิ
Read more »

ดาราน่ารักดี




อิอิ
Read more »

 
Powered by MBA