วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มือปราบพ่อลูกอ่อน


เรื่องราวสุดปั่นป่วน วุ่นวาย เมื่อมือปราบหนุ่มหล่อที่ต้องปลอมตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กสุดแสบทั้ง 3 คน โดยมีเป้าหมายเพื่อทลายแก๊งยาเสพติดข้ามชาติ ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น. เสาร์ – อาทิตย์ 20.15 น. ทางช่อง 3
นำแสดงโดย : หนุ่ม ศรราม, วิกกี้ สุนิสา, อู๋ ธนากร, หยวน นิธิชัย, บอย สิทธิชัย
กำกับการแสดงโดย : ปกาศิต กิ่งศักดิ์ – ตระกูล อรุณสวัสดิ์

ละคร “มือปราบพ่อลูกอ่อน” เป็นเรื่องราวสุดปั่นป่วน วุ่นวาย เมื่อมือปราบหนุ่มหล่อที่ต้องปลอมตัวมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กสุดแสบทั้ง 3 คน โดยมีเป้าหมายเพื่อทลายแก๊งยาเสพติดข้ามชาติ แต่กลับต้องมาตกหลุมรักคุณแม่จำเป็น จนทำให้เกิดเรื่องราวสุดแซบ โกลาหล ลุ้นระทึก พร้อมกับจะทำให้คอละครยิ้มละไมไปกับความน่ารักของเด็กแสบทั้ง 3 คน

กริสน์ ตำรวจนอกเครื่องแบบทำงานเป็นสายลับให้หน่วยงานลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกส่งตัวไปให้เป็นบอร์ดี้การ์ดให้ อธิป มาเฟียใหญ่ ภัทรดนัย นายตำรวจที่เป็นสนิทของ กริสน์ และได้รายงานว่าจะมีการส่งสินค้าล็อตใหญ่ในวัน โอปอ ลูกสาวคนเดียวของอธิป กริสน์ตามไปดูและบังเอิญได้เจอกับ พิมมาดา เจ้าของร้านดอกไม้ที่เข้ามาจัดดอกไม้ในงาน ในงาน อธิปเลยขอให้กสินน์ไปคุ้มกันความปลอดภัยให้ เพราะอธิป กำลังเจรจาธุรกิจกับ สุขสันต์ นักการเมืองผู้ที่เป็นชื่นชอบของคนทั้งประเทศ มาวิน นำกำลังบุกเข้าไปก่อนผิดแผนเลยทำให้การเจรจาระหว่างสุขสันต์ และอธิป ต้องยุติลง สุขสันต์หายตัวไป สถานะที่แท้จริงของกริสน์ ถูกเปิดเผย แถมยังมีความผิดถูกตั้งข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานอยู่ในระหว่างการจับกุม กริสน์ปฏิวัติตัวเองใหม่และกลับไปเก็บหลักฐานที่บ้าน จีจ้า เด็กน้อยแอบตามกริสน์ไป แต่ดันมีคนมาแอบสุ่มอยู่ที่บ้านกริสน์ กริสน์จึงพาจีจ้าหนีไป ภัทรดนัยมาช่วยทั้งคู่ออกมาไปได้ และบอกกับกริสน์ว่าสุขสันต์มาติดพัน พิมมาดา และสุขสันต์ไม่ได้รักเด็กจึงคิดกำจัดเด็กๆด้วยการเป็นธุระส่งเด็กๆไปเรียนต่อเมืองนอก เด็กๆต่อรองด้วยการทำตัวดีขึ้น แต่ว่าต้องให้กริสน์มาเป็นพี่เลี้ยงภายในหนึ่งเดือน หากพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมก็ให้ส่งไปต่างประเทศ

พิมมาดารับข้อเสนอของเด็กๆ แต่ กริสน์ต้องเข้ามาทำงานในร้านดอกไม้ด้วย กริสน์รับปากเพราะเข้าแผนที่จะใช้พิมมาดาเป็นสะพานสืบเรื่องสุขสันต์ กริสน์สะกดรอยตามสุขสันต์ไปโยไม่รู้ว่ามีเด็กแอบตามไปด้วย กริสน์แอบถ่ายคลิปส่งมอบสินค้าของสุขสันต์ ไว้ สมุนสุขสันต์เห็นเด็กๆ แต่กริสน์เข้าไปช่วยไว้และยอมสละมือถือที่มีคลอปวีดีโอเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ

สุขสันต์เชิญพิมมาดาไปทานอาหารกลางวันที่บ้านกริสน์และเด็กๆตามไปด้วย กริสน์แอบเข้าไปในห้องทำงานของสุขสันต์เพ่อเอาข้อมูลจากฮาร์ดดิสต์แต่ไม่สำเร็จ กริสน์พยายามบอกว่าสุขสันต์เป็นคนไม่ดี แต่พิมมาดาไม่เชื่อกริสน์ ปวดใจเพราะเริ่มรู้ว่าหลงรักพิมมาดาเข้าแล้ว สุขสันต์รู้ว่ากริสน์แอบเข้าไปขโมยข้อมูล จึงคิดจำกัดกริสน์ แต่จีจ้าตามไปด้วยสนมุน สุขสันต์จับจีจ้า กริสน์ขอชีวิตจีจ้าแลกกับชีวิตตน แต่อธิปส่งคนมาช่วยทัน กริสน์ขอให้พิมมาดาเชื่อว่าสุขสันต์เป็นพ่อค้ายาแต่เธอไม่เชื่อ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต้องติดตามใน “มือปราบพ่อลูกอ่อน”

นักแสดงเรื่องมือปราบพ่อลูกอ่อน

ศรราม เทพพิทักษ์ กริสน์ ตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบ มาดเซอร์ จริงจังกับหน้าที่ ขี้เล่นอารมณ์ดี ไม่ชอบเด็ก มีท่าทางประจำที่ทำจนเป็นเอกลักษณ์ซึ่งจะมีแต่คนสนิทคุ้นเคยเท่านั้นที่จำได้ ทำงานให้หน่วยงานลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยการปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นคนสนิทของอดีตเจ้าพ่ออย่างอธิป เมื่อความลับถูกเปิดเผย เขาต้องปลอมตัวอีกครั้งเพื่อแก้มลทินให้ตัวเองพ้นผิดและกลับมารับใช้ราชการอีกครั้งโดยปลอมตัวเข้าไปทำงานในร้านดอกไม้ของพิมมาดาซึ่งได้รับความช่วยเหลือในการสร้างเอกสารปลอมรวมไปถึงข้อมูลเฉพาะต่างๆจากภัทรดนัยเพื่อนสนิท ภายหลังเมื่อเรื่องราวกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี พิมมาดาที่มีความรู้สึกดีๆให้กริสน์ก็รู้ความจริงภายหลังว่าตลอดเวลาที่รู้จักกันมากริสน์ปลอมตัวเข้ามาสืบความทำให้เธอเสียใจมาก

วิกกี้ สุนิษา เจ็ทท์ พิมมาดา สาวเจ้าระเบียบ ปากจัด ทั้งที่เคยคนร่าเริงสดใสแต่ต้องเปลี่ยนไปเพราะคิดว่าตนเองเป็นเหตุให้อดีตคนรักบอกเลิก และต้องมารับช่วงต่อกิจการร้านดอกไม้และกลายมาเป็นคุณแม่จำเป็นเลี้ยงดูหลานๆจอมแสบทั้ง 3 คน เนื่องจากพี่ชายและพี่สะใภ้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เข้มงวดในการเลี้ยงดูหลานๆทั้ง3 จนดูเหมือนตึงเกินไป ส่งผลไปถึงเด็กๆทั้ง3 ไม่เว้นแม้กระทั้งลูกน้องในร้านอีก2คนเมื่อพิมมาดาออกไปรับงานอีเว้นท์ทีไรทุกคนเหมือนได้รับการปลดปล่อยอิสรภาพอย่างสุภาษิตที่ว่าแมวไม่อยู่หนูร่าเริง

ธนากร โปษยานนท์ สุขสันต์ นักการเมืองหนุ่มรูปหล่อ สุภาพบุรุษ ภาพลักษณ์ดี ทุ่มเททำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเด็ก เป็นขวัญใจของสาวๆทั้งประเทศรวมถึงพิมมาดา แต่จริงๆแล้วเป็นคนเกลียดเด็กมาก และมีเบื้องหลังที่พัวพันขบวนการค้ายาเสพติดและมักหลอกใช้คนรอบข้างเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งความไม่ชอบธรรม มาติดพันพิมมาดาเพื่อใช้กิจการของพิมมาดาเป็นช่องทางในการทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยใช้วิธีลอบส่งสินค้าผ่านดอกไม้ที่พิมมาดาสั่งมาจากต่างประเทศออกตัวจะช่วยไปรับดอกไม้ที่สั่งมาจากต่างประเทศให้ สุขสันต์มีลูกน้องคนสนิทมือขวาคือ ฉัตรชัย

นิธิชัย ยศอมรสุนทร ภัทรดนัย นายตำรวจชื่อเท่ห์ มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับ ขี้เล่นผิดจังหวะ จริงจังผิดสถานการณ์ เพื่อนร่วมงานคนสนิทของกริสน์ ชอบปลอมตัวเป็นคนต่างชาติเพื่อมาหากริสน์และสืบคดีต่างๆ เป็นแบคอัพให้กริสน์เวลาเข้าตาจนต้องการความช่วยเหลือ ขณะที่กริสน์ถูกลงโทษไม่สามารถเข้า-ออกในกรมตำรวจได้ก็จะคอยให้ข้อมูลต่างๆเพื่อให้กริสน์สร้างผลงานให้หัวหน้ายอมรับ รวมไปถึงข้อมูล,เอกสารต่างๆที่กริสน์ใช้ปลอมตัวเข้าไปทำงานที่ร้านของพิมมาดา เมื่อไหร่ที่กริสน์ต้องการกำลังเสริมก็จะได้ภัทรดนัยที่คอยเข้าไปช่วยเหลือทุกครั้ง
Read more »

ดุจดาวดิน


“ทินภัทร” หรือ “บุญทิ้ง” ทายาทมหาเศรษฐีที่หายสาบสูญไปเพราะความริษยาและอาฆาตของพี่น้องในตระกูล บุญทิ้งระเหเร่ร่อนท่ามกลางความโหดร้ายจนได้เข้าไปอยู่ในคณะลิเกจนกลายเป็นลิเกเด็กขวั“ทินภัทร” หรือ “บุญทิ้ง” ทายาทมหาเศรษฐีที่หายสาบสูญไปเพราะความริษยาและอาฆาตของพี่น้องในตระกูล บุญทิ้งระเหเร่ร่อนท่ามกลางความโหดร้ายจนได้เข้าไปอยู่ในคณะลิเกจนกลายเป็นลิเกเด็กขวัญใจมหาชน สายเลือดที่สูงส่งดุจดาวที่พราวฟ้ากลับต่ำต้อยและด้อยค่า ทว่าสวรรค์ยังมีตาที่นำพา “ภาคิน” กับ “ปานฟ้า” สองหนุ่มสาวผู้มีใจรักต่อกันและมีอุดมการณ์อันแรงกล้าช่วยเหลือให้เขาได้กลับสู่ฟ้าดังเดิม
ดาวดิน ละครโทรทัศน์ แนวดราม่าเข้มข้น ที่ปลุกปลอบหัวใจผู้คนให้เชื่อมั่นว่าความดีย่อมคงทนดุจดั่งดาวที่เจิดจำรัส แม้ว่าจะเป็นเพียง “ดาวดิน” แต่ศักดิ์ศรีแห่งดาวก็ย่อมพราวพร่างอยู่บนฟ้าในที่สุด

…………………………………………………………………………………………………………………

ยามดึกสงัด ขณะที่ชีวิตของผู้คนกำลังหลับใหล แต่ชีวิต ของเด็กชาย “บุญทิ้ง” (ด.ช.ภูผา รัตนรุ่งเรืองชัย) ต้องทำงานเป็นเด็กเช็ดรองเท้าตามร้านค้าริมทางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเขาถูก พ่วง หัวหน้าแก๊งเด็กเร่ร่อนบังคับให้หาเงิน และบุญทิ้งก็เป็นเด็กที่ทำเงินให้พ่วงมากที่สุด เพราะทำให้ใครเห็นก็สงสาร แต่แล้วสวรรค์ของพ่วงก็ทลายลงเมื่อ ภาคิน (ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) เจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็กร่วมมือกับร้อยตำรวจโทตุลย์ (กันตพงษ์ บำรุงรักษ์) จับกุมแก๊งขอทานในค่ำคืนหนึ่ง พ่วงถูกจับทำให้เด็กๆ หลายชีวิตต้องมาอาศัยอยู่ที่มูลนิธิของภาคิน รวมถึงบุญทิ้งด้วย

หลายวันต่อมา ภาคิน นำเด็กๆ ไปแข่งขันวาดภาพที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุง ขณะที่เด็กๆ กำลังวาดรูปกันอยู่นั้นภาคินเกิดมีปากเสียงกับ ปานดาว (มัณฑนา หิมะทองคำ) ผู้บริหารของห้างสรรพสินค้า ปานฟ้า (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) ซึ่งเป็นแม่งานห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล ภาคินนำเด็กๆ กลับ ผลการประกวดปรากฏว่าบุญทิ้งได้รับรางวัลชนะเลิศ ปานฟ้าจึงนำเงินรางวัลมามอบให้ที่มูลนิธิ โดยมี ก้องภพ (กฤษณ์ ไตรรัตน์) คู่หมั้นของเธอไปด้วย ปานฟ้าเกิดความศรัทธาการทำงานของภาคินเป็นอย่างมาก ทำให้ก้องภพไม่พอใจ การมาของปานฟ้าทำให้ เฟื่องแก้ว (ธันยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์) เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ ซึ่งแอบรักภาคินอยู่หวั่นเกรงว่าจะเสียภาคินไป จึงแอบน้อยใจเงียบๆ

ก้องภพกับภาคินเป็นพี่น้องต่างมารดากัน แม่ของก้องภพคือ คุณหญิงวิมลวรรณ (วาสนา พูลผล) ตั้งข้อรังเกียจที่ภาคินเป็นลูกที่เกิดจากนางเอกลิเกนามว่า บุษบา (รัชนีกร พันธุ์มณี) ซึ่งมาได้เสียกับ อานนท์ (โอลิเวอร์ บีเว่อร์) ผู้เป็นสามีในงานแสดงที่บ้าน วิมลวรรณยึดลูกของบุษบาไว้ แล้วไล่บุษบาออกไปจากบ้าน ก้องภพจึงมักแสดงท่าทีข่มภาคินเป็นประจำ ทำให้ภาคินมุ่งมั่นทำงานมูลนิธิ โดยไม่ใส่ใจสมบัติของครอบครัว ส่วนบุษบายึดอาชีพลิเกเหมือนเดิม โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กัญญา” (รัชนีกร พันธุ์มณี) ทำหน้าที่ฝึกสอนและแสดงด้วย คนในคณะเรียกเธอว่าแม่ครูกัญญา บุษบาติดตามความเคลื่อนไหวของครอบครัวอานนท์อยู่เป็นประจำ เธอจึงทราบว่าลูกชายของเธอเป็นใคร อยู่ที่ไหน

จุดประสงค์ของปานฟ้าที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของภาคินก็คือการตามหา “ทินภัทร” (ด.ช.ภูผา รัตนรุ่งเรืองชัย) ลูกชายของ ปานเดือน (ธัญสินี พรมสุทธิ์) พี่สาวคนกลางซึ่งสูญหายไปตั้งแต่อายุเพียงหนึ่งขวบ ปานเดือนเสียสติจนต้องอยู่ในความดูแลของจิตแพทย์ ปานดาวกับ ภูวดล (อัมรินทร์ สิมะโรจน์) ผู้เป็นสามีพยายามตอกย้ำว่าปานเดือนเป็นบ้า ทำลูกหาย อาการของปานเดือนมีแต่แย่ลง ทำให้ปานดาวกับภูวดลเชื่อมั่นว่า ธัญวิทย์ (ด.ช.พัทธเศรษฐ์ คุณเจริญ) หรือน้องธัญ ลูกชายของตนจะเป็นผู้ครอบครองมรดกมหาศาลของตระกูลเพียงคนเดียว

ปานฟ้าพาปานเดือนมาที่มูลนิธิ ปานเดือนถูกชะตากับบุญทิ้ง จึงขอ เติมบุญ (วันชัย เผาวิบูลย์) กับ สายอุษา (นวลปรางค์ ตรีชิต) ผู้เป็นพ่อแม่ว่าจะอุปการะบุญทิ้งในฐานะลูกที่หายไป อนิรุทธิ์ (ปีเตอร์ ธนะสูตระ) สามีของเธอก็เห็นว่าบุญทิ้งอาจช่วยเยียวยาอาการป่วยของปานเดือนได้ ปานดาวเกรงว่าธัญวิทย์ ลูกชายตนจะถูกแบ่งสมบัติจึงให้ พิม (ชัชฎาภรณ์ ธนันทา) คนเลี้ยงธัญวิทย์หาทางกำจัดบุญทิ้งเสีย พิมใช้ให้ก้าน สามีที่เพิ่งออกจากคุกมาลักพาตัวบุญทิ้งไปจากมูลนิธิ แต่บุญทิ้งหนีไปได้ โชคชะตานำพาให้บุญทิ้งไปพบแม่ครูกัญญา ต่อมาไม่นาน แม่ครูก็สอนให้บุญทิ้งร้องรำลิเกจนกลายเป็นลิเกเด็กขวัญใจคนดูไปในเวลาไม่นาน

การหายตัวไปของบุญทิ้งทำให้ปานฟ้ากับภาคินร่วมมือกันตามหา เฟื่องแก้วกับตุลย์ร่วมติดตามไปด้วย ก้องภพขัดขวางและหาทางนำตัวปานฟ้ากลับ ทำให้ข้อขัดแย้งระหว่างภาคินกับก้องภพมีเพิ่มมากขึ้น ภาคินสารภาพกับปานฟ้าว่าเขาตระเวนดูลิเกเพราะต้องการตามหาแม่ ซึ่งเป็นนางเอกลิเกนามว่าบุษบา แต่ก็ยังไม่เคยพบ ปานฟ้าขอติดตามภาคินไปดูลิเกบ้าง เผื่อว่าจะได้พบกับบุญทิ้งด้วย

ปานเดือนมีอาการทรุดลงหลังจากที่บุญทิ้งถูกลักพาตัวไป ปานดาว ภูวดลและพิม พยายามหาทางทำร้ายปานเดือนทุกวิถีทาง ต่อมาปานฟ้ากับภาคินได้พบกับลิเกคณะแม่ครูกัญญา ทั้งสองจำบุญทิ้งได้ จึงขออุปการะบุญทิ้ง แต่แม่ครูกัญญาจำภาคิน ลูกชายของเธอได้เช่นกัน แม่ครูกัญญาจึงพาบุญทิ้งหนีไปอีก ปานเดือนยิ่งมีอาการทรุดหนัก

บุษบาหรือแม่ครูกัญญาไม่ยอมรับงานการแสดงในที่ชุมชนใหญ่ๆ ทำให้ชาวคณะลิเกลาออกไปอยู่คณะอื่น ต่อมาด้วยความยากจน และความกตัญญู บุญทิ้งแต่งชุดลิเกร้องรำขอเงินคนเดินผ่านไปมาเป็นที่น่าสงสาร ผู้คนบริจาคเงินให้แก่บุญทิ้ง แม้ว่าบุษบาจะขอให้บุญทิ้งเลิกเป็นลิเกแต่บุญทิ้งก็ไม่สนใจ บุษบาพยายามทำงานหลายอย่างเพื่อทดแทนอาชีพลิเก ตุลย์ได้พบกับบุษบาและบุญทิ้ง จึงส่งข่าวให้ปานฟ้ากับภาคินทราบ ระหว่างที่ปานฟ้าพาเติมบุญกับสายอุษามารับตัวบุญทิ้งนั้นเอง ปานดาวก็ให้ก้านฆ่าบุญทิ้งเสีย แต่เติมบุญมาเห็นเข้า ก้านจึงจับตัวเติมบุญไปด้วย โดยเรียกค่าไถ่เป็นเงินมหาศาล

ปานดาวสั่งตำรวจให้จัดการกับก้าน แล้วพาตัวเติมบุญกลับมาให้ได้ พิมโกรธที่ปานดาวหักหลังจึงขู่ว่าจะเปิดโปงเรื่องที่ปานดาวเป็นตัวการที่ทำให้ทินภัทรหายไปและจะเปิดเผยว่าเด็กชายธัญวิทย์ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของปานดาว เพราะภูวดลสามีของปานดาวเป็นหมัน ธัญวิทย์คือลูกชายของพิมซึ่งภูวดลนำมาอุปโลกน์ว่าเป็นลูก ปานดาวตกใจมาก เสนอเงินมหาศาลให้ก้านปล่อยตัวเติมบุญกลับมาได้ และสัญญาว่าธัญวิทย์จะได้รับมรดกคนเดียว แต่เมื่อเติมบุญกลับมาก็ยังไม่ลืมบุญทิ้ง ชายชราป่วยหนัก พร่ำเพ้อแต่บุญทิ้ง

ปานฟ้ากับภาคินจึงต้องติดตามบุญทิ้งมาให้ได้ แม้ว่าก้องภพจะขัดขวางอย่างไรก็ตาม ปานฟ้าปฏิเสธความรักที่ก้องภพมีต่อเธอ ยิ่งทำให้ก้องภพแค้นใจในตัวภาคินมากยิ่งขึ้น

พิมเริ่มมีอำนาจเหนือปานดาว บังคับปานดาวให้ทำทุกอย่างตามที่ตนต้องการ ปานดาวเครียดจัด ยิ่งรู้ว่าภูวดลมีเมียน้อยก็เกิดปากเสียงกันขึ้น ปานดาวลุแก่โทสะฆ่าภูวดลตาย ถูกจับติดคุก พิมหนีไป โดยลักพาตัวธัญวิทย์ไปด้วย ภาคินกับตุลย์และปานฟ้าออกติดตามคนร้าย ซึ่งรู้ในเวลาต่อมาว่าคือก้านสามีของพิมนั่นเอง

ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมก้านตาย พิมแค้นเคืองมากจึงยิงปานฟ้า แต่ภาคินช่วยไว้ได้ และทั้งหมดช่วยเหลือธัญวิทย์กับบุญทิ้งมาได้ บุญทิ้งมาทันดูใจเติมบุญ ตุลย์กับเฟื่องแก้วนำพ่วงมาดูตัวพิม พ่วงยืนยันว่าพิมคือผู้หญิงที่นำเด็กชายบุญทิ้งมาขายให้ตนในราคาถูกๆ เพื่อให้บุญทิ้งเป็นเครื่องมือหากินของตน ทุกคนจึงรู้ว่าบุญทิ้งคือทายาทที่แท้จริง

ความสุขสงบกลับคืนมาอีกครั้ง ปานดาวซึ่งติดคุกอยู่ขอร้องให้ปานฟ้าอย่าบอกความจริงว่าธัญวิทย์ไม่ใช่ลูกของเธอ ปานฟ้ารับปากและสัญญาว่าจะรักธัญวิทย์เหมือนเคย แม้ว่าธัญวิทย์จะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลก็ตาม บุญทิ้งกลับมาเป็น “ทินภัทร” ปานฟ้าแต่งงานกับภาคิน ส่วนตุลย์แต่งงานกับเฟื่องแก้ว โดยพิธีแต่งงานเป็นไปอย่างเรียบง่ายมีการเลี้ยงอาหารแก่เด็กเร่ร่อนที่มูลนิธิ ก้องภพยอมรับความพ่ายแพ้และมุ่งมั่นจะบริหารงานของครอบครัวต่อไป บุษบามาเป็นแม่บ้านให้แก่มูลนิธิ ภาคินดีใจที่ได้แม่ของตนกลับคืนมา หลังจากที่ตามหามาเป็นเวลานาน

ทินภัทรหรือบุญทิ้ง เด็กชายผู้มีชาติตระกูลสูงส่งต้องระเหเร่ร่อนอย่างยากลำบาก ไม่ต่างจากดาวที่เคยพราวพร่างอยู่กลางฟ้าต้องตกลงมาบนดิน แต่แสงแห่งดาวก็ยังเจิดจ้าดั่งดาวดินที่ไม่มีวันสิ้นแสง ดุจเดียวกับภาคินและปานฟ้า ซึ่งเกิดมาสูงส่งแต่ก็ได้ใช้แสงแห่งดาวให้ความสว่างไสวแก่ผู้ยากไร้ให้ดินได้มีแสงสว่างเช่นเดียวกับดาวบนฟ้านั่นเอง
ญใจมหาชน
Read more »

ปางเสน่หา


ร.ต.อ.เตชิต (ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ร.ต.อ.เตชิต (ธนพล นิ่มทัยสุข) นายตำรวจหนุ่มหล่อ ฝีมือดี ขับรถเร็วอย่างน่ากลัวตามแรงอารมณ์ ซึ่งกำลังโกรธและแค้นใจที่สุด เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นายเจียง (นวพล ภูวดล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายใหญ่จึงถูกปล่อยตัว ของกลางที่ได้มากลับหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ คดีนี้เตชิตตั้งใจและทุ่มเททำงานอย่างหนักมานานกว่าสองปี วางแผนล่อซื้อจนจับกุมตัววายร้ายได้แล้ว ทว่าทุกอย่างกลับล้มเหลวเพียงข้ามคืน ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้กำกับเสนา (สุรวุฑ ไหมกัน) ผู้บังคับบัญชาของเขาสั่งให้เขาถอนตัวจากคดีนี้โดยเด็ดขาด และให้หลบไปซ่อนตัวสักระยะหนึ่ง ทั้งผู้กำกับเสนาและเตชิตรู้ดีว่า การที่เจียงถูกปล่อยตัว พวกมันต้องตามล่าเขาแน่ ชายหนุ่มอยากจะอยู่ลุยกับพวกมันตามประสาคนเลือดร้อน แต่ผู้กำกับเตือนสติให้เขาใจเย็นๆ รอโอกาสในวันข้างหน้าจะดีกว่า เตชิตจึงต้องเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าขับรถเร็วราวกับจะบินได้ไปหาที่ซ่อนตัวตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ บ่ายมากแล้วเมื่อเขามาถึงไร่สุขศรีตรัง รีสอร์ตเล็กๆ ของเพื่อนสาว เตชิตกับ ศรีตรัง (ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์) เจ้าของไร่และรีสอร์ตคนสวยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนฝันอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน เมื่อเตชิตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ ศรีตรังมุ่งมั่นเรียนกฎหมายจนจบปริญญาตรี เธอสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจจนได้ ทว่าทำงานที่รักได้ไม่นานเธอก็ต้องลาออกเมื่อบิดาและมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุพร้อมกัน ทิ้งไร่ข้าวโพดหลายสิบไร่และรีสอร์ตสวยให้เธอดูแลต่อไป ศรีตรังจึงต้องเปลี่ยนจากการไล่จับผู้ร้ายมาเป็นเจ้าของไร่และรีสอร์ตแทน โดยที่ยังมีสัญชาติญาณของการเป็นตำรวจเต็มตัว หญิงสาวต้อนรับเตชิตอย่างเต็มใจ ศรีตรังสบตาเพื่อนนิดเดียวก็รู้ว่าเขากำลังมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเพื่อนต้องช่วยเพื่อนเสมอ เธอให้เขาพักอยู่ที่บ้านหลังสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ศรีตรังให้ ป้าจุรี (ดารณีนุช โพธิปิติ) แม่บ้านของรีสอร์ตนำกุญแจไปเปิดบ้านให้ เตชิตจึงเดินไปพร้อมกับนาง บ้านหลังนี้ปลูกอยู่บนเนินจึงเห็นวิวสวยได้ไกลสุดสายตา เขาชอบที่นี่มาก มันสวยและสงบเหมาะกับการพักผ่อนและการหลบซ่อนที่สุด ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านอย่างคุ้นเคย ส่วนจุรีรีบขอตัวกลับทันที ท่าทางนางหวาดกลัวอะไรสักอย่างแต่เขาไม่สนใจมากนัก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เตชิตต้องชะงักนิดหนึ่งเขารู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สัญชาติญาณตำรวจทำให้เขาเดินตรวจดูรอบบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ยิ่งสถานการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาซ่อนตัวอย่างนี้ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มถอนใจยาวเมื่อไม่พบใครหรืออะไรที่ผิดสังเกต เตชิตเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก “คุณ” เขาเดินออกมาดูหน้าบ้านแต่ก็ไม่พบใคร เตชิตขำตัวเองที่ระวังระแวงจนหูแว่ว เขาหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาผลัดเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ขณะที่เขากำลังถอดเสื้อผ้า เสียงใสๆ ร้อง “ว้าย” ขึ้นมาทันที คราวนี้ชัดเจนจนเตชิตมั่นใจว่าเขาหูไม่ฝาดแน่นอน เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากบ้านพักตั้งใจจะจับ “สาวถ้ำมอง”ให้ได้ เธอท้าทายตำรวจอย่างเขามากเกินไปแล้ว เตชิตลืมตัววิ่งออกมาทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินดูรอบบ้านไม่พบใครย้อนกลับมาอีกครั้งจึงพบ ลุงสม (นึกคิด บุญทอง) คนสวนของรีสอร์ตที่คุ้นเคยกันดี แกมองเขาแปลกๆ เตชิตจึงเล่าให้แกฟังขำๆ ว่ามีผู้หญิงมาแอบดูเขา และต้องการจับตัวเธอให้ได้ ชายหนุ่มถามลุงสมว่าเห็นใครวิ่งหนีออกไปจากแถวนี้หรือเปล่า แต่ลุงสมยืนยันว่าไม่เห็นใคร เตชิตจึงย้อนกลับเข้าบ้านอย่างหงุดหงิด ผู้หญิงคนนี้น่าสงสัยมาก หนีได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้

เกือบค่ำแล้วเมื่อเตชิตเดินไปที่อาคารรับรองอีกครั้ง เนื่องจากว่าในรีสอร์ตนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวที่อาคารรับรอง แขกทุกคนจึงต้องมารับประทานอาหารที่ห้องอาหารนี้ ศรีตรังจัดโต๊ะไว้แล้วในส่วนที่ห่างจากคนอื่น ด้วยรู้ดีว่าทั้งเธอและเตชิตมีเรื่องต้องคุยกันจนดึก ดื่มกันจนใครสักคนไม่ไหวจึงจะได้กลับไปนอน นั่งดื่มกันไม่นานศรีตรังล้อเขาเรื่องวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาตามหาสาว เธอขู่เพื่อนว่าที่นี่ไม่มีหรอกจะมีก็แต่ผีแม่ม่ายให้เตชิตระวังตัวให้ดี ชายหนุ่มหัวเราะลั่นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่เชื่อเรื่องวิญญาณ ผีสางใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาชีพแล้วเป็นตำรวจด้วยจะกลัวอะไรง่ายๆ ไม่ได้อยู่แล้ว เตชิตจึงพูดขำๆ ว่ามาจริงก็ดีเขาจะได้มีเพื่อนนอนคุยแก้เหงา เวลาผ่านไปจนค่อนคืน ศรีตรังเดินเซขึ้นห้องพักไปนานแล้ว ชายหนุ่มดื่มต่ออีกพักใหญ่จึงลุกขึ้นเดินโซเซถีบจักรยานกลับที่พัก ลุงสมมองตามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าชายหนุ่มจะมึนจนตกข้างทางเสียก่อนถึงบ้านพัก เตชิตถีบรถถึงบ้านจนได้ เขายังประคองสติไปได้จนถึงเตียงนอนก่อนจะล้มตัวลงและหลับไปในทันที เขารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหวานใสเรียก”คุณ” เป็นความรู้สึกเคลิ้มๆ กึ่งฝัน เตชิตปรือตามองตามเสียงเรียก แล้วยิ้มเมื่อเห็นสาวน้อย หน้าใส ตาแป๋ว นั่งอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของเพื่อนสาวที่บอกให้ระวังผีแม่ม่าย ชายหนุ่มคว้าแขนนุ่มนิ่มแล้วรั้งตัวเธอมากอดไว้แน่นแต่คว้าได้แต่ลม พลางพึมพำว่าผีแม่ม่ายก่อนหลับไปอีกครั้งอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นกว่าเตชิตจะตื่นก็สายมากแล้ว เขาพบป้าจุรีซึ่งมาตามพอดีนางบอกว่าศรีตรังรออยู่แล้วรีบกลับไป ชายหนุ่มจึงรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เขาออกจากห้องน้ำมาพบว่าใครคนหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ที่กระเป๋าเสื้อผ้าของเขา เตชิตตวาดเสียงดัง สาวน้อยหน้าใส ตากลมโต หันมาตามเสียงเรียก ท่าทางเธอดีใจมาก เสียงหวานๆ ถามว่าเขาเห็นเธอด้วยหรือ ชายหนุ่มทำหน้าดุถามว่าเธอมาขโมยอะไรในกระเป๋าเขา เตชิตนึกเสียดายที่เด็กสาวหน้าตาดีคนนี้ริเป็นโจร เธอปฏิเสธเสียงดังว่าไม่ได้ขโมย เธอแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้น เตชิตจึงถามย้ำอีกครั้งว่าเธอเป็นใคร คำตอบของเธอทำให้เขาโกรธเพราะมีแต่คำว่า ไม่ทราบ ไม่รู้และจำไม่ได้ ท่าทางใส ซื่อของเธอทำให้เขายอมเชื่อว่าเธอพูดจริง เตชิตตัดสินใจว่าต้องพาไปพบศรีตรัง เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เขาเรียกให้เธอตามเขามาแต่สาวน้อยทำท่าลังเล ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือจะคว้ามือเธอ เตชิตอึ้งเมื่อเห็นว่ามือของเขาผ่านทะลุมือเธอไปเฉยๆ ชายหนุ่มยื่นมืออีกครั้งไปจับที่ไหล่ เขาพูดไม่ออกเมื่อเห็นมือตัวเองผ่านทะลุตัวเธอราวกับเป็นอากาศธาตุ เตชิตร้องลั่นว่า ผี เขาวิ่งหนีเธอไปอยู่ที่มุมห้อง ทำอะไรไม่ถูกเกิดมาไม่เคยเห็นผี และไม่เชื่อด้วย แต่เธอคนนี้ไม่มีตัวตน ไม่ใช่คน เขาสรุปว่าเป็นผี ขาดคำของเตชิต เธอก็วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ เขา พลางร้องลั่นว่าเธอกลัวผี ชายหนุ่มวิ่งวนหนีไปรอบห้อง สาวลึกลับก็วิ่งตามเขาแจ เธอพยายามเข้ามาแอบอยู่ข้างหลังเขา เสียงใสร้องกรี๊ดๆ ว่าเธอกลัวผี วิ่งวนอยู่พักใหญ่จนเตชิตเหนื่อย อยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก ผีอะไรกลัวผีตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่าง จะมาคอยวิ่งหนีกันทั้งวันคงไม่ได้ ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าข้าวของเกลื่อนกระจายรอบห้องไปหมด เตชิตสั่งให้ผีสาวหน้าใสรอเขาที่บ้านก่อนจะรีบไปพบ ศรีตรัง ระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปอาคารรับรองชายหนุ่มคิดสงสัยว่า เธอเป็นใคร และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ตายเอง หรือถูกฆาตกรรม แล้วถ้าถูกฆาตกรรมเขาจะทำคดีนี้อย่างไร

เตชิตรอจนศรีตรังว่าง จึงค่อยๆ ถามข้อมูลของสาวลึกลับจากเธอ โดยไม่บอกว่าเขาพบอะไรมา แต่อดีตตำรวจสาวคนเก่งอย่างศรีตรังก็สงสัยจนได้ว่าเรื่องนี้มีพิรุธ เธอโวยวายไม่เชื่อเมื่อเตชิตบอกว่าเขาพบผี ท่าทางเขาจริงจังจนศรีตรังต้องยอมทำใจเชื่อ เธอก็ไม่ชอบเรื่องผีๆ นี่เช่นกัน หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกเตชิตว่าบางที ป้าจุรีจะรู้เรื่องนี้บ้าง เวลาผ่านไปจนเกือบค่ำกว่าทั้งสองคนจะได้คุยกับจุรี ทั้งเตชิตและศรีตรังคิดเหมือนกันว่า เรื่องผีจะทำให้แขกที่มาพักตกใจกลัวรวมทั้งคนงานในไร่และรีสอร์ตนี้ด้วย ป้าจุรีอึกอักก่อนจะยอมรับว่านางเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่มาทำงานที่นี่เมื่อสองปีก่อน แรกๆก็กลัวแต่เมื่อเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าเธอจะทำร้ายใคร ความกลัวก็ลดน้อยลงแต่ก็ยังมีหวาดๆอยู่บ้าง จุรีบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะอยู่แต่ที่บ้านบนเนินไม่ไปไหน ชอบยืนอยู่ที่หน้าต่างหน้าบ้านเหมือนรอใครสักคน นางผ่านบ้านนั้นเมื่อไหร่ก็จะเห็นว่าเธออยู่อย่างนั้นทุกวัน จุรีบอกว่านางได้แต่แอบมองเพราะกลัว ระหว่างที่คุยกันนั้น อ้อยใจ (อินทิรา เกตุวรสุนทร) ลูกสาวบุญธรรมของจุรีมาแอบฟังอย่างสนใจเป็นพิเศษ

จุรีรับอ้อยใจมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก รักและเลี้ยงอย่างดีราวกับเป็นลูกสาวตัวเอง อ้อยใจเป็นสาวเร็วกว่าอายุ มีแฟนตั้งแต่ปีแรกที่เป็นนางสาว มาทำงานที่ไร่นี้ก็ควงหนุ่มในไร่ไม่ซ้ำหน้า จุรีอ่อนใจกับความประพฤติของลูกสาวเต็มทีแต่ก็ห้ามไม่ได้ มีเพียงไม่กี่เดือนนี้ที่อ้อยใจคบกับ ศักดิ์สิทธิ์ (นนทพันธ์ ใจกันทา) ลูกชายของ พงษ์เทพ (สมชาย ศักดิ์กุล) ผู้จัดการไร่โดยที่ยังไม่เปลี่ยนใจ คืนนั้นอ้อยใจถามจุรีเรื่องผีสาวจนรู้เรื่องจนได้ เธอรีบบอกแฟนหนุ่มทันทีที่พบกัน ศักดิ์สิทธิ์สั่งห้ามเธอทำเรื่องยุ่งเด็ดขาด แต่อ้อยใจไม่เชื่อเขา เธอจะไปหาเตชิต เพื่อนของศรีตรังเพื่อถามเรื่องนี้ให้ได้ เธอจะไม่ปล่อยให้ผีสาวตนนี้ตามหลอกหลอน รังควานเธอได้แน่นอน

คืนนั้นหลังจากที่รู้เรื่องจากจุรี เตชิตตัดสินใจนอนค้างที่อาคารรับรอง เขาบอกศรีตรังว่าไม่กลัวผีสักหน่อย แค่ขอเวลาคิดสักคืนเท่านั้น วันรุ่งขึ้น ศรีตรังขับรถพาเตชิตและจุรี ไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม พระภิกษุที่วัดซึ่งไม่ห่างจากรีสอร์ตนัก ทั้งสามเข้าไปกราบท่านที่โบสถ์ ท่านทักราวกับรออยู่ก่อนแล้ว เตชิต จึงเรียนให้ท่านทราบอย่างสะดวกใจ หลวงพ่อบอกว่าเขาและเธอจะต้องช่วยเหลือกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมผู้หญิงคนนี้ก็จะไปเอง ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันเอง สายตาของหลวงพ่อที่มองไปที่ประตูโบสถ์ทำให้เตชิตมองตาม เขาขนลุกเกรียวเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าใสตัวปัญหา ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ เตชิตตกใจมากเมื่อเห็นเธอก้าวช้าๆ เข้าโบสถ์มา ย่อตัวลงคลานอย่างเรียบร้อยเข้ามาหมอบกราบหลวงพ่ออยู่ข้างๆ เขานั่นเอง ใครว่าผีกลัวพระไม่กล้าเข้าวัดแล้วทำไม ผีสาวตนนี้จึงกล้าถึงขนาดเข้ามากราบพระถึงในโบสถ์ กลางวันแสกๆ อีกต่างหาก หรือว่าเธอจะเฮี้ยนมาก เตชิตตกใจถามเสียงใสเบาๆ ว่ามาได้ยังไงก็เป็นผีๆ เข้าวัดไม่ได้ พอได้ยินคำว่าผีเสียงใสรีบขยับตัวเข้าหาเตชิตทันที เตชิตเหลียวมองหาเพื่อน ปรากฏว่า สองสาวต่างวัยแต่ใจตรงกันหนีออกไปยืนตัวสั่นกอดกันอยู่ที่หน้าประตูโบสถ์เสียแล้ว ไม่ใช่เพราะเห็นเสียงใสแต่ไม่รู้เตชิตคุยกับใคร

ระหว่างทางที่ขับรถกลับรีสอร์ต เตชิตคิดถึงเรื่องผีสาวหน้าใสตลอดทาง เขาตัดสินใจว่าจะต้องกลับไปที่บ้านพักและคุยกับเธอให้รู้เรื่องให้ได้ เขาอยากช่วยเธอซึ่งจะเป็นการช่วยให้ศรีตรังได้ทำรีสอร์ต
ต่อไปได้ด้วย เตชิตหาข้อมูลจากลุงสม พร้อมธูปกำใหญ่เพื่อเชิญวิญญาณของผีตนนี้ ทว่าเพียงเขาก้าวเข้าบ้านพักก็พบว่าเธอยืนรออยู่แล้ว แสงสีเรื่อเรืองรอบตัวเธอดูหม่นเศร้า เตชิตฉุกใจคิดได้ว่า ตั้งแต่ได้พบเธอ ผู้หญิงคนนี้จะมีแสงสีแปลกๆ รอบตัวเธอ บางครั้งเหลืองสดใส ส้มสว่างน่ามอง หรือหม่นเศร้าอย่างนี้ เขาเข้าใจทันทีว่านี่คงเป็นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกของเธอนั่นเอง เขาถามเธอเรื่องข้อมูลส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมสักนิด แถมไม่ยอมเชื่อว่าเธอตายแล้วเสียอีกแต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไร และขอร้องให้เขาช่วยพาเธอกลับบ้านอย่างน่าสงสาร เตชิตยอมรับปากทั้งที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เขาตั้งชื่อให้เธอว่าเสียงใส (พีชญา วัฒนามนตรี) เพราะเสียงของเธอที่เขาได้ยินนั้นหวานใสฟังเพลินจริงๆ

ศรีตรังหวาดกลัวเสียงใสแต่ก็ยอมช่วยเตชิตสืบหาความเป็นมาของตัวเธอ โดยไม่รู้ว่า สาวเสียงใสตามเตชิตไปด้วยทุกแห่ง เจ้าตัวเองก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้เธอไม่สามารถออกไปไหนได้ ติดอยู่ที่บ้านนั้นราวกับถูกพันธนาการไว้ แต่เมื่อพบเตชิต นอกจากการที่เขาเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นเธอ พูดคุยกันได้แล้ว เพียงคิดว่าจะไปกับเขา เธอก็สามารถออกจากบ้านนั้นและตามเขาไปได้ทุกแห่ง เสียงใสดีใจที่เธอไม่ต้องเหงาอีกต่อไป ศรีตรังกับเตชิตไปที่สถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่นั้น ดูแฟ้มคดีคนหายในห้วงเวลาสองปี ที่มีบุคลิกลักษณะใกล้เคียงกับเสียงใส คนที่น่าสนใจคือ เกษรา (ธัญสินี พรหมสุทธิ์) หลานสาวคนสวยของ ยายภา คนงานในไร่ ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ชาวบ้านนินทาว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายไป แต่ยายภาไม่เชื่อ นางรู้จักหลานสาวของเธอดี ว่าเป็นคนเรียบร้อย ไม่ใช่สาวประเภท”ไวไฟ” เหมือนวัยรุ่นทั่วไป

ศรีตรังรู้จักเกษรา เธอเล่าให้เตชิตฟังว่า เกษรา เป็นแฟนกับ ตรีทศ (นันทศัย พิศลยบุตร) ผู้จัดการโรงงานแปรรูปข้าวโพด ทั้งสองคนรักกันมาก เมื่อเกษราหายไป ตรีทศเองก็เสียใจ ที่ร้ายกว่านั้นคือเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ ตำรวจสอบปากคำเขาหลายครั้งกว่าจะเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ศรีตรังพาเตชิตไปคุยกับตรีทศ เสียงใสที่ตามไปด้วยมองตรีทศเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว ตรีทศยังยืนคิดถึงเกษราอย่างเศร้ารันทดอีกนาน

ข่าวการตามหาตัวเกษราของเตชิตทำให้อ้อยใจร้อนใจจนทนไม่ไหว เธอกับศักดิ์สิทธิ์รู้ดีว่าเกษราอยู่ที่ไหน แต่มันต้องเป็นความลับตลอดไป เมื่อศักดิ์สิทธิ์ใจเย็น อ้อยใจตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เธอมาแอบดูอยู่หน้าบ้านตรีทศเมื่อเห็นว่า ศรีตรังกับเตชิตกลับไปแล้ว อ้อยใจรอจนค่ำจึงเข้าไปพบตรีทศ เธอทำหน้าเศร้า ร้องไห้แล้วบอกเขาว่า เธอฝันถึงเกษราว่ามาขอร้องให้ช่วย ในฝันนั้นเกษราน่าสงสารมาก หญิงสาวบอกว่าถูกทำร้ายแล้วโดนฝังอยู่ท้ายไร่ ตรีทศใจหาย ความรักความผูกพันที่มีต่อกันทำให้เขาสั่งอ้อยใจให้พาเขาไปที่นั่นพร้อมกับนำพลั่วไปด้วย ถึงไม่ค่อยเชื่ออ้อยใจนักแต่การไปพิสูจน์ดูก็ไม่เสียหายแล้วอาจจะทำให้เขาช่วยเกษราด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันที่บ้านพักบนเนิน จู่ๆ เสียงใสก็ขอร้องให้เตชิตไปที่ท้ายไร่กับเธอ ชายหนุ่มยอมทำตาม เมื่อเดินไปได้สักระยะหนึ่งเตชิตสังเกตเห็นอ้อยใจกับตรีทศกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน พลั่วในมือเขาทำให้เตชิตสงสัยมาก เขาปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านไปก่อน จึงตามไปดู อ้อยใจแกล้งชี้ให้ตรีทศขุดตรงนั้นตรงนี้ ก่อนจะชี้ให้เขาขุดอีกครั้งที่ข้างโรงบำบัดน้ำเสีย เตชิตโทรศัพท์บอกศรีตรังให้ตามมาและพาคนงานมาด้วย ตรีทศขุดไปสักพักก็หยุด เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า โครงกระดูกมนุษย์ขาวโพลนอยู่ก้นหลุม ศรีตรังมาทันเวลา เธอกับเตชิตจึงช่วยกันคุมตัว ตรีทศกับอ้อยใจส่งตำรวจ เสียงใสตามดูอย่างสนใจ ถ้าเตชิตคิดถูกว่าเธอคือเกษราแล้วทำไมเธอจึงจำใครไม่ได้สักคน เวลาผ่านไปโครงกระดูกนั้นถูกขุดขึ้นมาตรวจพิสูจน์ว่าผู้ตายคือ เกษราจริงๆ อ้อยใจถูกสอบเค้นจนยอมสารภาพว่าเธอกับศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจที่ตรีทศรักกับเกษรา ทั้งที่จริงแล้วเกษราเคยคบกับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ส่วนอ้อยใจก็เคยคบอยู่กับตรีทศ แล้วต่างก็เลิกรากันไป ตรีทศมีโอกาสได้พูดคุยกับเกษราบ่อยครั้ง จนในที่สุดก็รักกัน ขณะที่อ้อยใจเองก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับศักดิ์สิทธิ์ ตรีทศกับเกษราเป็นคู่รักที่น่ารักเหมาะสมกันมากจนศักดิ์สิทธิ์และอ้อยใจหมั่นไส้ เกลียดชัง ทั้งที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันแล้ว ทั้งสองคนวางแผนหลอกจับตัวเกษราไปที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์จะข่มขืนเธอแล้วอ้อยใจจะถ่ายคลิปส่งไปเยาะเย้ยตรีทศ ว่าผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัวอย่างเกษรา ก็เป็น”เมีย”ของศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ทว่าเกษราไม่ยอมง่ายๆ เธอสู้เพื่อป้องกันตัวจนสุดกำลัง จนทำให้ศักดิ์สิทธิ์กับอ้อยใจเจ็บตัวทั้งคู่ ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนลืมตัวเขาทำร้ายเกษราแล้วบีบคอตายคามือ กลางดึกคืนนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันนำร่างของเกษราไปฝังไว้ข้างๆ โรงบำบัดน้ำเสียของโรงงานแปรรูปข้าวโพด กลิ่นเหม็นบริเวณโรงบำบัดกลบกลิ่นเน่าของศพจนไม่มีใครสงสัย เมื่อตำรวจตามไปจับตัวศักดิ์สิทธิ์มา ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าแหวนทองคำวงเล็กที่พบอยู่ก้นหลุมกลับเป็นหลักฐานมัดตัวเขา เมื่อพงษ์เทพพ่อของศักดิ์สิทธิ์เห็นแหวนก็บอกตำรวจว่าแหวนวงนั้นเป็นของภรรยาเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่จริงแหวนนั้นมีเป็นคู่เพราะเป็นแหวนแต่งงานอีกวงหนึ่งสวมติดนิ้วเขาอยู่ ส่วนของภรรยาเมื่อเธอเสียชีวิตแล้ว ลูกชายมาขอไปสวมเป็นแหวนก้อย แล้ววันหนึ่งก็มาบอกว่าหาย ศักดิ์สิทธิ์คอตกพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าแหวนวงนั้นจะหลุดตกลงไปในหลุมศพเกษราจนกลายมาเป็นหลักฐานมัดตัวเขาได้

ยายภานำโครงกระดูกเกษราไปบำเพ็ญกุศล ก่อนจะเผาตามประเพณี ในวันที่เผาศพเกษรานั้น เตชิตไม่ไปร่วมงานเขาอยากจะรอ”ส่ง”เสียงใส ให้เรียบร้อย เมื่อร่างถูกเผาวิญญาณก็ควรจะ”ไป” เช่นกัน บรรยากาศน่าจะดีเมื่อเรื่องเข้าที่เข้าทาง แต่เตชิตกับเสียงใสกลับไม่มีความสุข เขาและเธอคุ้นชินที่จะมีกันและกันเสียแล้ว งานศพเสร็จไปหลายวันแล้วแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่เตชิตคิดผีสาวเสียงใสยังคงอยู่กับเขาเหมือนเดิม ชายหนุ่มไปพบยายภาที่บ้านเขาอยากรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน เสียงใสตามไปด้วย เมื่อเตชิตเห็นรูปเกษราเขาก็ได้คำตอบ เพราะไม่เหมือนกันเลยสักนิด เสียงใสไม่ใช่เกษรา ชายหนุ่มปรายตามองเสียงใสดุๆ เมื่อเธอพูดอย่างดีใจว่า เธอจำได้แล้ว ในวันที่เกิดเรื่อง เกษรานี่เองที่มาบอกให้เธอพาเตชิตไปที่ท้ายไร่ ออกจากบ้านยายภาแล้วชายหนุ่มจึงมีโอกาสถามเสียงใสว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่วันนั้นว่ามีคนมาตามให้ไปที่นั่น เสียงใสตอบเสียงเบาว่าเธอไม่รู้ว่าเกษราตายแล้ว เข้าใจว่าเป็นสาวคนงาน ถ้ารู้ว่าเป็นผีเธอไม่ยอมพูดด้วยแน่นอน เพราะเธอกลัวผีมาก เตชิตอดหัวเราะไม่ได้ ผีกลัวผีก็มีด้วย

เวลาผ่านไป เตชิตต้องคิดหาทางช่วยเสียงใสต่อไปเขาปล่อยให้ศรีตรังเข้าใจว่า เสียงใสไปแล้วเมื่อจบเรื่องเกษรา ทั้งที่ผีสาวเสียงใสก็ยังอยู่ใกล้ๆ เขานั่นเอง วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวของนักแสดงสาวสวยชื่อเจนจิราถูกตำรวจจับเพราะขับรถเร็ว เสียงใสชะโงกหน้ามาดูรูปจากหนังสือพิมพ์ในมือเตชิต แล้วพูดอย่างดีใจว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้เพราะเป็นเพื่อนเธอ แต่ชื่อชลธิดาไม่ใช่เจนจิรา ชายหนุ่มดีใจที่มีช่องทางให้สืบหาตัวตนของเสียงใสอีกครั้ง เขาตัดสินใจกลับกรุงเทพทันที ขับรถออกจากรีสอร์ตได้ไม่ไกลนัก เสียงใสก็บอกให้เขาจอดรถ เธอลงจากรถเดินเร็วๆ ลงไปข้างทางซึ่งเป็นที่ดินกว้างค่อนข้างรก เมื่อเตชิตตามลงไปเธอก็บอกให้เขาช่วยเธอหาของสำคัญชิ้นหนึ่งที่เป็นของเธอ ช่วยกันหาอยู่นานกว่าเสียงใสจะชี้ให้เขาขุดพื้นดินตรงหน้า ชายหนุ่มใจหายเมื่อคิดว่าอาจจะเป็นเหมือนกับเกษรา ที่ตามคนมาขุดกระดูกของตัวเอง ขุดลงไปไม่ลึกนักก็พบพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อัดกรอบพลาสติกสำหรับร้อยสร้อยห้อยคอองค์หนึ่ง เสียงใสดีใจมากบอกว่าพระองค์นั้นเป็นของเธอ และจำได้ว่าเธอเคยสวมสร้อยพร้อมพระองค์นี้ติดตัวเสมอ เตชิตนิ่งฟังอย่างสนใจว่าเธอจะจำอะไรได้อีกบ้างทว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้

ค่ำแล้วเมื่อเตชิตกลับถึงบ้าน เสียงใสรู้สึกเขินอายที่จะต้องมาอยู่บ้านเดียวกับเขา ชายหนุ่มมองแสงสีชมพูอ่อนที่ฟุ้งรอบตัวเธอ เดาได้ว่าเธอคงอายจึงแกล้งถามว่าเธออายอะไร เสียงใสปฏิเสธแต่แสงสีชมพูนั้นกลับมีสีเข้มมากขึ้นจนเตชิตอดหัวเราะไม่ได้ เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเห็นแสงสีพวกนั้นและรู้ด้วยว่ามันหมายถึงอะไร เตชิตให้เสียงใสรอข้างล่างขณะที่เขาขอตัวไปอาบน้ำข้างบน หญิงสาวเดินวนดูรอบห้องก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ เด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ ๑๐ ขวบ เดินลงมาจากข้างบน เดินเข้ามาหาและลงนั่งคุยด้วย เสียงใสแปลกใจที่แกมองเห็นเธอด้วย แกบอกว่าพ่อแกชื่อเตชิต ส่วนแม่นั้นตายไปนานแล้ว เด็กชายพูดต่ออย่างน่าสงสารว่าพ่อเตชิตมักจะลืมแกทิ้งไว้บ้านเสมอ แกบอกเสียงใสว่าแกอยากมีแม่ คุยกันอีกสองสามคำเด็กน้อยเดินกลับไปข้างบนบ้าน ไม่นานนักเตชิตก็กลับลงมา เสียงใสถามถึงเด็กชายว่าทำไมไม่ลงมาด้วยกัน ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงใคร ในเมื่อทั้งบ้านนี้มีเขาอยู่คนเดียว เสียงใสจึงบอกว่าเธอพบกับลูกชายของเขาแล้ว แกเพิ่งกลับไปข้างบนเมื่อครู่นี้เอง เตชิตเอนตัวพิงเบาะเก้าอี้อย่างหมดแรง สีหน้าเครียดเข้มอย่างน่ากลัว เสียงใสใจไม่ดีเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ชายหนุ่มนิ่งอย่างนั้นครู่ใหญ่ก่อนจะเล่าว่า เขาแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ภรรยาของเขาชื่อ พิมพ์ลดา และเป็นเพื่อนกับศรีตรัง แต่งงานกันได้ไม่กี่ปี เธอก็ถูกคนร้ายเมายาบ้าฆ่าตายพร้อมลูกในท้อง โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแกเลยด้วยซ้ำ เสียงใสสงสารและเห็นใจเขามาก เธอพยายามปลอบเขาทั้งที่ตัวเองกำลังร้องไห้อย่างน่าขำ

วันรุ่งขึ้นเตชิตถูกตามตัวให้เข้าที่ทำงาน ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อผู้กำกับเสนาสั่งให้เขาวางมือจากคดีเสี่ยสงครามและให้ส่งมอบข้อมูลให้ ร.ต.อ.พอล (กันต์ กันตถาวร) ซึ่งจะมาทำงานแทนเขา เตชิตรู้สึกคุ้นหน้าเหมือนเคยรู้จักมาก่อน แต่สายตาของตำรวจหนุ่มหล่อมาดเข้มชื่อ พอล ที่มองเขามันเหมือนเป็นคู่อริกันมากกว่าจะเคยเป็นเพื่อนกัน เตชิตไปพบนายตำรวจรุ่นพี่อีกคนเพื่อให้ช่วยเสก็ตช์ภาพของเสียงใส โดยที่เขาเป็นคนอธิบายลักษณะหน้าตาของนางแบบจำเป็นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่นานนักก็ได้ภาพของเธอ คืนนี้เขาจะไปพบเจนจิราที่ผับแห่งหนึ่งตามที่ได้ข้อมูลจาก ธนากรณ์ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเตือนเขาว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะมีข่าวว่าเจนจิราเป็น”ผู้หญิง” คนใหม่ของเสี่ยสงคราม

เสี่ยสงคราม หรือ เดนิส หยาง (อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร) พ่อค้ายาเสพติดชาวจีนรายใหญ่ที่มีอิทธิพลมาก เขาเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเพื่อหาทางฟอกเงินที่ได้จากการค้ายา เดนิส หยางต้องการได้สัญชาติไทยจึงจ้าง ปรกเดือน (ปุณยาพร พูลพิพัฒน์) พนักงานสาวสวยในบริษัทให้แต่งงานกับเขา ปรกเดือนยอมตกลง เงินค่าจ้างนั้นมากพอที่จะส่งให้ ปรายดาว (พีชญา วัฒนามนตรี) น้องสาวคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศได้อย่างที่ต้องการ พ่อแม่ของทั้งคู่เพิ่งตายไป ปรกเดือนจึงต้องดูแลน้องสาวแทน ซึ่งเธอก็เต็มใจ พี่น้องสองคนนี้รักกันมาก เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เธอแต่งงานกับเดนิส คือ เธอรักเขา ปรกเดือนรักเดนิสตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเขา ทั้งที่ในตอนนั้นเดนิสจะยังไม่รู้จักเธอเสียด้วยซ้ำ เมื่อเดนิสต้องการแต่งงานกับผู้หญิงไทยเขาเลือกคนที่เหมาะสมอยู่นานจนกระทั่งพบปรกเดือน เขาจึงตัดสินใจแต่งงานกับเธอ ปรกเดือนสวยและแสนดีจนทำให้เดนิสรักเธอได้ไม่ยากนัก แม้เขาจะมีผู้หญิงหลายคนแต่ก็รู้กันว่าปรกเดือนคือคนที่เดนิสรักที่สุด เวลาผ่านไปเมื่อปรายดาวเรียนจบเธอเดินทางกลับประเทศไทย เธอสวยน่ารักจนไปสะดุดตาหุ้นส่วนคนหนึ่งของเดนิส เขามาเจรจาขอ”ซื้อ” ปรายดาวกับเดนิส เมื่อเดนิสบอกปรกเดือนให้ไปคุยกับน้องสาว เธอโกรธมากและพยายามหาทางช่วยปรายดาวให้หนีไป แล้ววันนั้นปรายดาวก็ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เธอไม่รู้สึกตัวอีกเลย หลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา ปรกเดือนเสียใจมากโทษว่าเป็นความผิดของ เดนิส เธอหมางเมินเขาและหันไปทุ่มเทดูแลน้องสาวคนเดียวอย่างดีที่สุด สองปีผ่านไป ปรกเดือนไม่เหนื่อยหรือท้อใจ เธอมั่นใจว่าวันหนึ่งปรายดาวจะตื่นขึ้นมาและหายเป็นปกติ

การสืบหาตัวตนของเสียงใสทำให้เตชิตต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเสี่ยสงครามอีกจนได้ เมื่อเขาตามเจนจิราไปที่ผับ หาโอกาสตีสนิท จนเธอยอมให้เขาไปส่งเธอที่อพาร์ตเมนท์ ก่อนที่เธอจะลงจากรถ เตชิตหยิบภาพเสก็ตช์ของเสียงใสมาขอลายเซ็นจาก เจนจิรา (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) โดยบอกว่าเป็นดาราคนโปรด เจนจิราตกใจมากเมื่อเห็นรูป ราวกับกลัวอะไรสักอย่าง เธอรีบเซ็นต์ให้อย่างขอไปที ลงจากรถได้ก็แทบจะวิ่งเข้าไปในอพาร์ตเมนท์ หญิงสาวรีบโทรศัพท์บอกเดนิส ว่ามีผู้ชายนำรูปปรายดาวมาถามกับเธอ

วันต่อมาเตชิตหงุดหงิดเมื่อสังเกตได้ว่า มีชายฉกรรจ์ สามสี่คนกำลังสะกดรอยเขา เขาคิดว่าคงเป็นผลจากการที่เขาไปพบเจนจิรา ชายหนุ่มจึงขับรถไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หน้าอพาร์ตเมนท์ที่เธอพัก พวกนั้นตามมาจริงๆ เตชิตจึงให้เสียงใสไปแอบฟังว่าพวกมันจะทำอะไร เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงเสียงใส สายลับล่องหนของเขา ทว่าครู่เดียวเตชิตก็ต้องอารมณ์เสียเมื่อเห็น พอล กำลังเดินมาที่รถ เขาก้มตัวลงพูดกับเตชิตเสียงเข้มดุให้รีบไปจากที่นี่ และเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ได้แล้ว ก่อนที่เขาจะรายงานให้ผู้กำกับเสนารู้ พอลก้าวยาวๆ กลับไปแล้ว เตชิตสตาร์ทรถแล้วขับออกมาทันทีด้วยอาการกระแทกกระทั้น เขากำลังโมโหมาก นึกอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพอลเป็นใคร ทำไมจึงตามวุ่นวายกับเขานัก เตชิตโกรธจนลืมเสียงใส จนกระทั่งได้ยินเธอถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ตอบแต่กลับให้เธอเล่าว่ารู้อะไรมาบ้าง คำตอบคือไม่รู้ว่าพวกนั้นคุยอะไรกันและหมายถึงอะไร จู่ๆ รถของเขาก็ถูกชน คู่กรณีเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พูดจายั่วโมโหท้าทายเตชิตจนเขาทนไม่ไหว ชกต่อยกับพวกมันจนได้ เสียงใสโกรธที่ช่วยเขาไม่ได้ มือเธอที่พยายามจับตัวพวกนั้นทะลุผ่านตัวมันไปหมด เธอหยิบจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย ชกต่อยชุลมุนครู่ใหญ่ พวกมันเริ่มล่าถอยแต่แล้วจู่ๆ เตชิตก็ถูกใครคนหนึ่งใช้ไม้ฟาดที่ศีรษะอย่างแรงจนสลบ เขาถูกกลุ่มคนร้ายลากตัวขึ้นรถออกไปจากที่นั่นทันที เสียงใสแทรกตัวเข้าไปกอดประคองเตชิตพยายามเช็ดเลือดให้เขาแต่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เตชิตถูกนำตัวไปที่โรงสีร้างแห่งหนึ่ง มีคนร้ายอีกกลุ่มรออยู่แล้ว เตชิตถูกลากตัวไปมัดไว้แน่น พวกมันรอเวลาที่เขาฟื้นเพื่อจะได้รุมทำร้ายให้สนุกมือ เสียงใสคิดหาทางช่วยเตชิต เธอจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ หญิงสาวหลับตาคิดถึง ศรีตรัง ลืมตาอีกครั้งเธอมาอยู่ที่ห้องอาหารในอาคารรับรองของไร่สุขศรีตรัง เสียงร้องอย่างตกใจของจุรีทำให้เสียงใสรู้ว่านางมองเห็นเธอ เสียงใส ดีใจที่ศรีตรังกับตรีทศอยู่ที่นั่นด้วย เธอทั้งปลอบทั้งขู่จุรีอยู่นานกว่านางจะยอมเป็น “ล่าม” พูดตามเธอบอกให้ศรีตรังรู้ว่าเตชิตกำลังอยู่ในอันตราย หญิงสาวไม่ลังเลที่จะรีบไปช่วยเพื่อนสักนิดเดียว ศรีตรังคว้าปืนคู่ใจ แล้วจึงหยิบอีกกระบอกส่งให้ตรีทศ เธอสั่งให้จุรีไปด้วยเพราะต้องคอยเป็นล่ามพูดแทนเสียงใส เพื่อบอกทางนั่นเองและด้วยความช่วยเหลือของธนากรณ์ ศรีตรังจึงหาโรงสีร้างนั่นพบ ส่วนเตชิตถูกพวกมันใช้น้ำสาดหน้าจนต้องฟื้น คนแรกที่เขาเห็นหน้าคือนายเจียง พ่อค้ายาตัวร้ายคู่อริของเขานั่นเอง เตชิตเจ็บระบมไปทั้งตัวแต่น้อยกว่าเจ็บใจที่พลาดท่าถูกศัตรูจับมาได้ เจียงสั่งให้ลูกน้องซ้อมเขาอย่างสะใจ แผนล่อซื้อยาของเตชิตทำให้เจียงเสียเครดิต เสียชื่อในวงการค้ายา ทันทีที่ถูกปล่อยตัวเขาก็วางแผนล้างแค้นทันที จนกระทั่งได้ตัวเตชิตมาในวันนี้

ศรีตรัง กับ ตรีทศ ลอบเข้าไปในโรงสี ภาพที่เพื่อนโดนรุมซ้อมทำให้ศรีตรังทนไม่ไหว เธอกับตรีทศบุกลุยเข้าไปช่วยเตชิตโดยไม่รอธนากรณ์ที่กำลังตามมาพร้อมตำรวจอีกหลายนาย ศรีตรัง ตรีทศ เตชิต โชคดีที่ตำรวจมาทันเวลา พวกนายเจียงเผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เตชิตถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ในช่วงเวลาวิกฤตและวุ่นวายนั้น ปรายดาวที่หลับนิ่งไม่รู้ตัวมานาน เกิดอาการชักเกร็งเป็นระยะๆ และรุนแรงขึ้นอย่างน่ากลัว จนปรกเดือนต้องรีบนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล

ธนากรณ์ มองตามปรกเดือนที่เดินเกือบเป็นวิ่งตามเตียงผู้ป่วยไปที่ลิฟต์ เขาจำได้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงคือผู้หญิงในภาพเสก็ตช์ที่เตชิตเคยนำมาให้ดู เขาหาทางหาข้อมูลเพิ่มเติมทันที ในช่วงเวลาเดียวกัน เสียงใสที่อยู่เฝ้าเตชิตในห้องพิเศษรู้สึกแปลกๆ เหมือนเมื่อครั้งที่เธอพบพระพุทธรูปองค์นั้น เธอเดินออกไปจากห้อง และเห็นปรกเดือนเดินเข้าประตูห้องที่ไม่ห่างจากห้องนี้นัก เสียงใสจำได้ว่าเป็นพี่สาวของเธอนั่นเอง จึงเดินไปที่ห้องนั้น ชื่อ ปรายดาวที่ติดไว้หน้าห้องทำให้เสียงใสรู้สึกคุ้นเคย เธอเดินผ่านประตูเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้แล้วนิ่งไป ปรายดาวเหมือนกับเธอเหลือเกิน

วันรุ่งขึ้นพอลมาพบเตชิตเพื่อสอบปากคำ เขาต้องรับผิดชอบคดีนี้ด้วย พอลหนักใจเมื่อเตชิตไม่ยอมให้ความร่วมมือ นอกจากไม่ให้รายละเอียดแล้วยังกวนประสาทอีกต่างหาก พอลกำลังจะกลับเมื่อศรีตรังเข้ามาในห้อง ทั้งคู่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นหน้าและสบตากันชัดๆ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายได้สติก่อนพอลจึงรีบออกจากห้อง ขณะที่ศรีตรังผลุนผลันตามเขาออกมาเช่นกัน เธอวิ่งมาขวางหน้าเขา ท่าทางเธอดีใจมากที่พบเขา ศรีตรังเรียกเขาอย่างมั่นใจว่า “พี่เพชร” แต่พอลปฏิเสธอย่างสุภาพ ห่างเหิน ก่อนจะรีบเดินจากไป เธอมองตามเขาจนลับตาก่อนจะกลับเข้าไปที่ห้องเตชิต เขาถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ศรีตรังตอบเพียงว่า พี่เพชร เตชิต จำได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าพอลนัก

ศรีตรังหลบออกมานั่งคิดคนเดียว ถึงจะผ่านไปนานเป็นสิบปี เธอก็จำพี่เพชรได้ เขาเป็นรักครั้งแรกของเธอ พบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเป็นรุ่นพี่ที่ น่ารัก ใจดีกับน้องๆไม่โหดเหมือนคนอื่นๆ มาดนิ่งๆ พูดน้อยค่อนข้างขรึมกลับทำให้น้องๆ เกรงใจ ศรีตรังอมยิ้มเมื่อคิดถึงวันแรกที่เพชรกล้าเข้ามาพูดคุยด้วยหลังจากที่แอบมองมาหลายวัน เพชรพยายามเป็นพี่ที่ดีแม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงหรือหวง “น้องศรีตรัง”มากไปหน่อย เพชรกับเตชิตไม่ถูกกันเลย เขาไม่ชอบที่เธอสนิทสนมกับเตชิตมากจนเหมือนจะรู้จักรู้ใจกันไปทุกเรื่อง ส่วนเตชิตไม่พอใจที่เพชรเข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนสาวเกินกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องคนอื่นๆ ความสนิทสนมระหว่างเตชิตกับศรีตรังทำให้เพชรระแวง วันหนึ่งเขา จึงสารภาพกับ “น้องศรีตรัง”ว่าเขารู้สึกกับเธอมากกว่าการเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ศรีตรังเองก็เต็มใจที่จะเป็นมากกว่า”รุ่นน้อง”สำหรับเขาเช่นกัน เพชรกับเธอคุยกันรู้เรื่องเข้าใจกันทุกอย่างยกเว้นเรื่องเดียวคือ เตชิต เขาไม่ยอมรับว่า เตชิตเป็น”เพื่อนตาย”ของเธอ เมื่อเพชรเรียนจบ พ่อกับแม่ให้เขาไปเรียนต่อต่างประเทศ ก่อนเดินทางเพชรพาศรีตรังไปเที่ยวด้วยกันจนค่ำ เตชิตไม่ไว้ใจเพชรอยู่แล้วจึงแอบตามดูไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นเพชรเดินประคองศรีตรังที่เดินเซเหมือนคนเมาออกมาจากผับแห่งหนึ่ง เตชิตหมดความอดทนเขาเข้าใจว่าเพชรมอมเหล้าเพื่อนสาวเพื่อหวังรวบรัดเธอให้เป็นของเขาก่อนที่จะไปเมืองนอก เตชิตดึงศรีตรังออกจากอ้อมกอดเพชรแล้วจึงชกต่อยเขาแรงจนแทบสลบโดยไม่ฟังเสียงห้ามของศรีตรังเลย เรื่องวันนั้นเป็นการเข้าใจผิดแท้ๆ เพชรบอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อศรีตรังไปเยี่ยมเขายื่นคำขาดให้เธอเลือกระหว่างเขากับเตชิต เธอปฏิเสธแล้วรีบกลับ และจากวันนั้นศรีตรังไม่มีโอกาสได้พบเพชรอีกเลย เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหายเงียบไป ศรีตรังข่มใจใช้ชีวิตตามปกติ มุมานะทำงานเพื่อให้ลืมเขา ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าเธอทำไม่ได้ เธอยังรักเพชรและรอเขากลับมาเสมอ เมื่อพบพอล เธอมั่นใจว่าเขาคือพี่เพชร แต่เขากลับปฏิเสธ ศรีตรังได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวอยู่เฝ้าเตชิตมีความหวังลึกๆ ว่าอาจจะมีโอกาสได้พบพอลอีกแต่เขาก็ไม่กลับมาอีกเลย

ตลอดเวลาที่นอนป่วยอยู่หลายวันเตชิตแปลกใจว่าเสียงใสหายไปไหน เขาอยากขอบใจเธอที่อุตส่าห์ไปตามศรีตรังมาช่วยเขาจนได้ ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงคำพูดเพื่อนสาวที่เล่าวีรกรรมของเสียงใสอย่างตื่นเต้น เตชิตอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ เสียงใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา ท่าทางเธอหม่นเศร้า เสียงใสขอให้เขาเก็บพระในกรอบพลาสติกของเธอไว้เป็นที่ระลึกเพราะเธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอต่อไป เสียงใสพาเขาไปที่ห้องปรายดาว เตชิตเข้าใจทันทีเมื่อเห็นเธอ เสียงใสบอกว่าเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะกลับเข้าร่างแต่ไม่สำเร็จ เสียงใสเดินไปล้มตัวลงนอนทาบกับร่างปรายดาว เห็นเป็นภาพเหลื่อมซ้อนกันอยู่อย่างน่าแปลกใจ เสียงใสพูดเศร้าๆ ว่าเธอคงล่องลอยอยู่อย่างนี้ตลอดไป เตชิตคิดถึงสิ่งที่จะเชื่อมวิญญาณกับร่างกายเข้าด้วยกัน ชายหนุ่มถอดสร้อยที่คล้องพระของเสียงใสออกแล้วสวมให้กับปรายดาวทันที เขาแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อภาพเสียงใสที่ซ้อนอยู่กับปรายดาวหายไป เตชิตจับมือเธอมากุมไว้ พลางมองหน้าเธอแทบไม่กระพริบตา เขาอยากเห็นเวลาเธอลืมตาตื่นขึ้นมาและอยากให้เธอเห็นเขาเป็นคนแรก ทว่ารออยู่นานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหญิงนิทราไม่ตื่นเสียที เตชิตโน้มตัวลงจูบเธอหวังให้รู้สึกตัว เขาถอนใจเมื่อปรายดาวยังคงไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตัดสินใจกลับไปที่ห้องก่อนที่จะมีใครมาพบเขาที่นี่

เตชิตบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจที่ไม่พบเสียงใสอีกเลยจนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาล ศรีตรังพยายามติดต่อขอพบกับพอล เพื่อจัดการปัญหาที่ค้างคาใจแต่กลับกลายเป็นว่าต้องผิดใจกันมากขึ้น ธนากรณ์และจ่าธงลูกน้องคนสนิท หาข้อมูลประวัติของ ปรายดาว ตามที่เตชิตต้องการ ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวพันถึงพอล ปรกเดือน และเดนิส อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมื่อเตชิตได้ข่าวว่าเดนิสกำลังจะส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากให้กับลูกค้าที่สวนผลไม้แห่งหนึ่ง เขากับธนากรณ์และจ่าธงจึงตามไปซุ่มดู เตชิตดีใจมากที่เห็นพอลอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ธนากรณ์ถ่ายภาพไว้ได้ชัดเจน ไม่นานนักเดนิสก็มาถึง การซื้อขายเริ่มต้นขึ้น แต่ยังไม่เรียบร้อยพวกนั้นก็ต้องหนีกันวุ่นวาย เมื่อตำรวจหลายสิบนายเข้ามาล้อมจับ เตชิตรีบตามเดนิสที่หิ้วกระเป๋าเงินหนีไปทันที เดนิสรีบเดินเพื่อหนีออกทางประตูหลังสวน แต่ปรกเดือนเข้ามาขวางไว้ เธอขอร้องให้เขาหนีไปกับเธอและลูก ปรกเดือนเพิ่งจะบอกกับเขาก่อนเดินทางมาที่นี่ว่าเธอท้อง เดนิสจำได้ว่าสั่งให้เธอเอาเด็กออก เขาไม่คิดว่าเธอจะดื้อรั้นอย่างนี้ สถานการณ์คับขันจน เดนิสไม่มีเวลาทะเลาะด้วย เขาคว้าแขนเธอให้หนีไปด้วยกัน แต่ปรกเดือนขืนตัวไว้ เดนิสชะงักเมื่อหันมาเห็นปืนในมือเธอ ปรกเดือนพูดเสียงเย็นว่าเขาต้องตายพร้อมเธอกับลูก เพื่อจะได้หนีไปมีชีวิตใหม่ด้วยกัน เธอยิงเดนิสทันที เตชิตกับศรีตรังรีบเข้ามาแย่งปืนก่อนที่ปรกเดือนจะฆ่าตัวตาย เดนิสบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตระหว่างส่งโรงพยาบาล ศรีตรังเสียใจมากเมื่อเห็นว่าพอลถูกตำรวจจับ เวลาสิบปีเปลี่ยนให้พี่เพชรคนดีของเธอเป็นคนเลวไปแล้ว

เตชิตถูกผู้กำกับเสนา เรียกพบด่วน เขาโดนท่านตำหนิที่ไม่ยอมวางมือจากคดีเสี่ยสงคราม แต่เขาก็มีส่วนช่วยให้คดีนี้จบลง เตชิตแปลกใจจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นพอลเดินเข้ามาในห้องนั้นด้วย พอลควรจะอยู่ในห้องขังไม่ใช่ที่นี่ ผู้กำกับเสนาจึงอธิบายยิ้มๆ ว่า พอลทำงานให้ตำรวจสากล เขาแฝงตัวอยู่กับกลุ่มของเดนิสมาหลายปี และที่ต้องปลอมเป็นตำรวจไทยก็เพื่อให้เดนิสไว้ใจนั่นเอง

เรื่องชุลมุนวุ่นวายเมื่อเตชิตมาเยี่ยมปรายดาว หญิงสาวยังหลับตาพริ้มบนเตียงแต่สีหน้าสดใสขึ้น ชายหนุ่มโน้มตัวลงกำลังจะขโมยจูบแก้มเจ้าหญิงนิทรา เขาผงะออกเมื่อปรายดาวลืมตาขึ้น เตชิตดีใจมากแต่เธอกลับร้องให้คนช่วย เขาพยายามเรียกเธอว่าเสียงใสเพื่อเตือนความจำ ปรายดาวมองเขาอย่างหวาดกลัว เตชิตอยากจะบ้าเมื่อจู่ๆ พอลก็เปิดประตูเข้ามา เขาตรงเข้าไปกอดปรายดาว อย่างปลอบใจ เธอกอดเขาแน่นอย่างกลัวจริงๆ เตชิตจึงเดินออกจากห้องอย่างโกรธๆ เสียงใส ฟื้นขึ้นมาในร่างปรายดาวแต่จำเขาไม่ได้ ที่ร้ายกว่านั้นพอลเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีกจนได้ ชายหนุ่มแค้นใจพูดไม่ออกเมื่อพอลตามมาบอกว่าปรายดาวเป็นคู่รักของเขา พอลขอให้เขาเลิกวุ่นวายกับเธอได้แล้ว

เตชิตขับรถออกจากโรงพยาบาลอย่างโกรธจัด แต่แล้วก็ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอีกจนได้เมื่อรถของเขาโดนรถบรรทุกขนาดใหญ่ชนอย่างแรง ศรีตรังตามมาเยี่ยมเพื่อนเธอบ่นพึมเรื่องที่เขาโชคร้าย เจ็บตัวบ่อยเหลือเกิน แต่เมื่อเตชิตเล่าเรื่องพอลและการทำงานของเขาให้ฟัง ศรีตรังดีใจที่พี่เพชรเป็นคนดี ความดีใจหายไปทันทีเมื่อเตชิตพูดต่อว่า พอลเป็นคู่รักของปรายดาว ชายหนุ่มสรุปให้เพื่อนสาวฟังสั้นๆ ว่า เสียงใสก็คือวิญญาณของปรายดาว เขารักเสียงใสหรือปรายดาวคนนี้ พอลหรือพี่เพชรไม่ควรจะมายุ่ง เพราะฉะนั้นศรีตรังต้องช่วยเขาวางแผน”ฟื้นความจำ”คนคู่นี้ให้ได้ พี่เพชรจะได้กลับมาหาน้องศรีตรังและ ปรายดาวก็ควรจะอยู่กับเตชิต

ปรายดาวต้องทำกายภาพบำบัดอยู่หลายเดือนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ เธอเสียใจเมื่อรู้เรื่องปรกเดือน ปรายดาวไปเยี่ยมพี่สาวบ่อยๆ เพื่อให้กำลังใจ ปรกเดือนใกล้คลอดเต็มทีแต่เธอก็มีความสุขที่จะมีลูก ซึ่งจะเป็นตัวแทนของ เดนิส ปรายดาวชวนพอลไปเที่ยวที่ไร่สุขศรีตรัง ชายหนุ่มเข้าใจว่าเธอจำทุกอย่างได้แล้ว แต่ไม่ใช่ ปรายดาวได้แผ่นพับประชาสัมพันธ์ของไร่นี้ส่งมาที่บ้านจนอยากจะไปเที่ยว ส่วนพอลแม้จะปฏิเสธกับศรีตรังว่าเขาไม่ใช่พี่เพชร แต่เขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร การเดินทางไปไร่สุขศรีตรังครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบ”น้องศรีตรัง”ก็ได้ เมื่อทั้งสองคนเดินทางมาถึงไร่ แผนการ”ฟื้นความจำ”ของเตชิตและศรีตรังก็เริ่มขึ้น ศรีตรังต้อนรับพอลเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ เธอทำเหมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกค่อนข้างไว้ตัวและหมางเมินจนพอลหงุดหงิดใจ ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน ศรีตรังทำให้พอลยอมรับว่าเขาคือพี่เพชรและกลับมาหาเธอจนได้ สิบปีไม่ทำให้เขาลืม”น้องศรีตรัง”คนนี้เลยเขายังรักเธอ ส่วนเตชิตก็ทำให้ปรายดาวจำเสียงใสและเรื่องราวระหว่างเขากับเธอได้เช่นกัน แผนการของเตชิตและศรีตรังเพื่อนสนิทคู่นี้สำเร็จลงด้วยดี

………………………… อวสาน …………………………
Read more »

ค่าย Summit ปล่อยภาพใหม่ หนัง Step Up 4


ค่าย Summit Entertainment ได้ปล่อยภาพใหม่จากหนัง Step Up 4 ซึ่งมีคิวเข้าฉายใน 27 July 2012 คราวนี้จะรวมเหล่าสาวๆ หนุ่มๆ ขาแดนซ์ทั้งหลายมารวมตัว โดยมีนักแสดงสาว (Kathryn McCormick) เป็นหัวโจก ยกกองไปแดนซ์ที่ ไมอามี่ ซึ่งเป็นฉากที่เต้นสั่นทั้งเมือง มันแน่ๆ

ภาพยนตร์ Step Up 4 เข้าฉาย July 27th, 2012 โดยมีนักแสดงคือ Kathryn McCormick, Ryan Guzman, Chadd Smith, Stephen Boss, Megan Boone, Jessica Guadix, Cleopatra Coleman, Tommy Dewey. The film is directed by Scott Speer


รักเว้ยเฮ้ย Rak-Wai-Hei



เรื่องย่อ

วัยรุ่นคนนึงชื่อ ไอ้ลวก ไปจีบหญิงแล้วไม่ติด เพราะมันจีบแบบลวกๆ คนทั่วไปสมัยนี้จีบสาวแบบลวกๆ ไปเสิร์ทเอาคารมมา แล้วก็ไปจีบแบบลวกๆ ลอกคนอื่นมาก็แบบลวกๆ สุดท้ายก็อกหักแบบลวกๆ มันก็มาเมาต่อหน้าน้าหมา และน้าหมาก็เลยสอนแนวทางการจีบหญิงแบบหมาๆ ไป จัดให้ไปได้วิชาแบบรักเว้ยเฮ้ยไป สุดท้ายผู้หญิงดันชอบ แสดงว่าผู้หญิงก็ไม่ธรรมดานะ (555) แต่มันก็มีเรื่องราวใหญ่โตตามมาอีก แล้วความรักของไอ้ลวก กับโต๊ะอี้จะราบรื่นหรือไม่ ต้องไปดูกันฮะ…รักเว้ยเฮ้ยของไอ้ลวกจะสำเร็จไหมเว้ยเฮ้ย ???
Read more »

วีรบุรุษ หุ่นยนต์ Transformers ภาค 4 มีแน่


Paramount Pictures ออกมาประกาศเกี่ยวกับ Michael Bay ได้ตกลงทำสัญญากับสตูดิโอแล้วถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือ Pain and Gain ซึ่งจะเริ่มถ่ายทำในฤดูใบไม้ผลินี้และภาพยนตร์แฟรนไชส์อีกเรื่องที่เดินทางมาถึง 3 ภาคแล้วกับ Transformers ตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีภาค 4 แล้วแน่นอน

Pain and Gain สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มนักเพาะกายที่มีส่วนร่วมในการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่อง การลักพาตัว การกรรโชก และการฆาตกรรมในฟลอริดา Pain and Gain กำกับโดย Bay ซึ่งชื่อนักแสดงในตอนนี้มี Mark Wahlberg และ Dwayne Johnson หรือที่เรารู้จักกันในนาม The Rock จะเริ่มถ่ายทำกันได้ในฤดูใบไม้ผลินี้ รายชื่อทีมโปรดิวซ์ได้แก่ Bay, Donald De Line และ Ian Bryce

หลังจากที่ภาค 3 Transformers: Dark of the Moon ทำรายได้ทั่วโลกอันดับ 4 สูงสุดตลอดกาลถึง 1.124 ล้านเหรียญสหรัฐ แน่นอนว่าประสบความสำเร็จขนาดนี้ ในภาคถัดไปจึงจัดทีมงานโปรดิวซ์ชุดเดิมมาร่วมทำงานด้วยกันอีกครั้ง Lorenzo di Bonaventura, Don Murphy, Tom DeSanto, Ian Bryce, Steven Spielberg, Bay, Brian Goldner และ Mark Vahradian

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Pain and Gain กำลังอยู่ในช่วงหาตัวนักแสดงที่เหมาะสมซึ่งในตอนนี้ ได้มาสองรายชื่อแล้วนั่นคือ Dwayne Johnson, Mark Wahlberg ส่วนภาพยนตร์ Transformers มีแพลนเข้าฉายในวันที่ 29 มิถุนายน 2014
Read more »

 
Powered by MBA