วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

นางแบบโคกกระโดน


วันออกอากาศ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ 7
เริ่มออกอากาศ 2 พฤษภาคม 2555
เวลาออกอากาศ 18:30 - 19:30 น.

กำกับโดย ประทุม มิตรภักดี
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ อาณาจินต์, บทโทรทัศน์ นันทนา วีระชน
นำแสดงโดย
พาทิศ พิสิฐกุล ... อินทร์
ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์ ... ลอร่า
กฤษฎา สุภาพพร้อม ... เคน
กวินตรา โพธิจักร ... ปอย
รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง ... ปลัดดอน
ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ ... ประภา
สิทธิพันธ์ กลมเกลี้ยง ... เจมส์
ฐรินดา กรรณสูต ... เจ๊มล
ธงชัย ประสงค์สันติ ... พุด
ศิรินทรา นิยากร ... ชื่น
อาริษา วิลล์ ... ลิซซี่
มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ... ผู้ใหญ่บุญโฮม
ต๋อง ชวนชื่น ... บักหล่อ


ในวงการแคทวอล์กของไทยยุคเมืองแห่งแฟชั่นนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ลอร่า (ปัณฑิตา ภูวิจารย์ เคาวเวลล์) นางแบบสาวลูกครึ่งที่ร้อนแรงที่สุด เธอเป็นนางแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่พยายามผลักดันตัวเองให้ก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ แต่ด้วยความเรื่องมากของเธอจึงได้สมญาว่านางแบบจอมเวอร์ ปากจัด ชอบพูดจาดูถูกคนอื่น ทั้งเย่อหยิ่งและจู้จี้จุกจิกจนคนทำงานด้วยต้องเอือมระอา ด้วยสโลแกนประจำตัวเธอว่า “ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็ค” เธอเกลียดความเป็นไทยอย่างเข้าไส้เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของความเชย โดยเฉพาะหมอลำที่เธอหาว่าเสี่ยว ถ้าได้ยินคนใกล้ชิดเปิดให้ได้ยินเป็นต้องกรี๊ดไปแปดตลบด้วยความรังเกียจ เธอคลั่งไคล้วัฒนธรรมตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกันถึงขั้นบูชา ถึงขนาดว่าถ้ามีการตกแต่งยีนให้เป็นฝรั่งผิวขาวได้ก็คงทำไปแล้ว แม้แต่คนใช้ก็ยังต้องเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่งให้หมด เช่น แจ๋วเปลี่ยนเป็นเจเน็ต

เธอบอกทุกคนว่าพ่อเป็นนักธุรกิจชื่อดังอยู่ที่อเมริกา ส่วนแม่เป็นคนไทยที่สืบเชื้อสายผู้ดีเก่ามาเจ็ดชั่วโคตร ตัวเธอเองก็จบไฮสคูลจากอเมริกา จากการพูดภาษาไทยด้วยเสียงขึ้นจมูกปนสำเนียงฝรั่งของเธอก็ทำให้ทุกคนเชื่อสนิทว่าเธอเป็นนักเรียนนอกที่ฉลาดล้ำเลิศจนได้สมญานามว่า “เจ้าหญิงแห่งวงการนางแบบ” แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นภาพที่ เจ๊มล (ฐรินดา กรรณสูต) แมวมอง ซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลอร่าสร้างให้เป็นตัวตนใหม่ของเธอ เพื่อจะผลักดันให้เธอโกอินเตอร์ แม้ลึกๆ แล้วลอร่าจะยังชอบกินส้มตำปลาร้าอยู่ก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่ชอบ บางครั้งเธอแอบไปจกส้มตำปลาร้านั่งเมาท์กับกับช่างแต่งหน้าบ้างจนเกือบจะหลุดภาษาบ้านเกิด แต่ถูก เจ๊มลห้ามไว้และเรียกไปอบรมยืดยาวเป็นชั่วโมง ลอร่ามีแอ๋วช่างแต่งหน้าประจำตัวเป็นเพื่อนสนิท แอ๋วมักจะชวนลอร่าไปทำอะไรที่เจ๊มลห้าม เพราะรู้ว่าลอร่าชอบแต่ต้องถูกกดดันจากเจ๊มล เช่น พาลอร่าปลอมตัวเป็นสาวโรงงานไปจกส้มตำอยู่ข้างโรงงาน แต่ทั้งสองก็มักจะหลุดเปิ่นๆ โก๊ะๆ ให้คนอื่นจับได้จนนักข่าวเอาไปลงหนังสือพิมพ์ให้เจ๊มลตามล้างตามเช็ดอยู่เสมอ

เจ๊มลยังจับคู่ให้ลอร่า กับ เจมส์ (สิทธิพันธ์ กลมเกลี้ยง) หนุ่มไฮโซลูกครึ่งเป็นแฟนกัน เขาคือลูกชายเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์เจ้าประจำอยู่ ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก เพราะฝ่ายชายทั้งหล่อเนี้ยบและร่ำรวยมหาศาล แถมเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลอย่างที่หญิงสาวทั้งประเทศใฝ่ฝัน ความโรแมนติกของเขาที่มีต่อแฟนสาวก็เป็นที่ร่ำลือไปทั่ว จนใครๆ คิดว่าเป็นคู่ในอุดมคติแห่งยุค ทั้งสองวางแผนไว้ว่าจะ แต่งงานกันในเร็ววันนี้ ลอร่าได้แต่วาดฝันถึงชีวิตอันเลิศหรูสวยงามในแวดวงสังคมมีระดับ และก้าวไปสู่การเป็นนางแบบระดับอินเตอร์ตามที่ฝันไว้ เธอเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันนั้น

แต่แล้วในวันแถลงข่าวการจัดงานแฟชั่นไทยสู่อินเตอร์ที่เธอคิดว่าความฝันนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อมทุกอย่างก็กลับพังทลาย ลอร่าบังเอิญเห็นแฟนหนุ่มจูบกับ ลิซซี่ (อาริษา วิลล์) เพื่อนนางแบบของเธอคนหนึ่ง ที่เธอเป็นคนแนะนำให้เขารู้จักเอง ภาพนั้นทำให้เธอกรี๊ดไม่ออกแต่กลับช็อคจนถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล กำหนดการหมั้นและแต่งงานถูกเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด มีข่าวลือต่างๆ นานา ตั้งแต่ว่าลอร่าท้องก่อนแต่งจึงหลบไปคลอดลูก แต่ที่เสียดแทงใจเธอมากที่สุดคือเธออกหักเพราะเจมส์ทิ้งเธอ ไปมีคนใหม่ ลอร่าออกจากโรงพยาบาลด้วยสภาพจิตใจบอบช้ำ เจมส์ตามง้อเธอแต่เธอไม่ยอมพบเขาเลย ลอร่าย้ายไปอยู่กับแอ๋วชั่วคราวเพื่อไม่ให้ใครตามตัวเจอ เธอไม่เป็นอันทำงานปล่อยเนื้อปล่อยตัวเละเทะผิดนัดจนทุกคนเลิกจ้าง แอ๋วคอยปลอบใจลอร่า

ลอร่าตัดสินใจเล่าความจริงให้ฟังว่าที่แท้เธอเป็นใคร แอ๋วขอให้ลอร่าเปิดเผยตัวตน แต่เจ๊มลไม่ยอมสั่งลอร่าหลบนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ นักข่าวเริ่มมีการขุดคุ้ยอดีตของเธอบอกว่านามสกุลที่เธอใช้อยู่เป็นของปลอมที่แอบขโมยมาจากตระกูลดังแต่เปลี่ยนตัวสะกดนิดหน่อย เพราะเชื่อว่าภาพลักษณ์และประวัติที่สวยหรูจะช่วยกรุยทางไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น แต่นามสกุลจริงของเธอคือ “โคกกระโดน” เจ๊มลถึงกับอยู่นิ่งไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะเป็นอุปสรรคในการโกอินเตอร์ของลอร่าอย่างไม่ต้องสงสัย เจ๊มลจึงวางแผนให้ลอร่ากลับไปกาฬสินธุ์บ้านเกิดของเธอ เพื่อลบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวที่แท้จริงให้หมด และเก็บหลักฐานที่จะนำไปสู่ที่มาของตัวเธอไม่ให้เหลือซากเพราะกลัวนักข่าวจะตามกลิ่นไปจนเจอ

เจ๊มลเป็นคนชักชวนลอร่าหนีออกจากบ้านมาเป็นนางแบบตั้งแต่เธอเพิ่งจบมัธยมปลาย โดยเจ๊มลช่วยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่หมด แถมแต่งประวัติใหม่ให้อย่างสวยหรู พาไปสมัครเรียนเอยูเอและด้วยพื้นฐานภาษาอังกฤษที่เธอสนใจอยู่แล้วก็ทำให้ลอร่ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เธอสาบานกับตัวเองไว้ว่าถ้ายังไม่ถึงจุดสูงสุดของความฝันก็จะไม่กลับบ้าน ในที่สุดเธอประสบความสำเร็จแต่ก็ยังไม่เคยกลับบ้านอีกเลย เพียงสิ่งเดียวที่ยังทำให้เธอติดต่อทางบ้านก็คือส่งเงินให้ ตาพุด (ธงชัย ประสงค์สันติ) กับ นางชื่น (ศิรินทรา นิยากร) ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเธอ เพื่อให้ทั้งสองอยู่อย่างสุขสบายลึกๆ แล้วเธอคิดถึงทั้งสองมากและเคยชวนท่านมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้ดูแลใกล้ชิด แต่พ่อแม่เคยมาอยู่เพียงสามสี่วันก็บ่นคิดถึงควายที่บ้าน แถมเก็บเงินที่เธอส่งมาเข้าธนาคารหมดโดยไม่ยอมใช้สักบาท โดยอ้างว่าเงินที่ได้จากการทำไร่ทำนาก็พอเพียงอยู่แล้ว เจ๊มลคาดว่าลอร่าจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ในการกลับไปจัดการกับทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อจะตั้งต้นชีวิตใหม่อีกครั้งเป็นนิวลอร่าตามที่เจ๊มลเตรียมการเปิดตัวให้

เมื่อลอร่ากลับบ้านเกิดเธอแต่งหน้าจัดตามความเคยชินทุกครั้งที่ออกนอกบ้านจึงไม่มีใครจำเธอได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้จักเธอในฐานะนางแบบ เธอพยายามถามทางกลับบ้านเพราะถนนหนทางเปลี่ยนไปมาก แต่ก็สื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เพราะชาวบ้านไม่คุ้นภาษาไทยสำเนียงฝรั่งของเธอ จนกระทั่งเจอกับ ปอย (กวินตรา โพธิจักร) เพื่อนสมัยเรียนที่จำลอร่าได้ ปอยทักเธอว่าคำหล้าซึ่งเป็นชื่อจริงของเธอสมัยเด็ก ทำให้ลอร่าต้องรีบหลบเพราะทุกคนจำได้และเข้ามามุงเธอ ทั้งสองเคยเป็นคู่แข่งกันมาก่อน ปอยเรียนเก่งกว่าแต่ลอร่าเป็นคนสวยและทะเยอทะยาน ลอร่าไม่เข้าใจว่าทำไมปอยจบมหาวิทยาลัยแต่กลับมาเป็นครูสอนเด็กบ้านนอก ในขณะที่ลอร่าจบแค่มัธยมหกแต่ประสบความสำเร็จเป็นนางแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทย แม้ว่าที่จริงแล้วปอยมีความสุขและพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ แถมลอร่ายังเข้าใจว่าปอยเป็นแฟนกับ อินทร์ (พาทิศ พิสิฐกุล) แฟนเก่าสมัยมัธยมของเธอทำให้ลอร่าแอบอิจฉาอยู่ลึกๆ แต่เธอก็พยายามปฏิเสธใจตัวเองเรื่อยมาว่าเธอประสบความสำเร็จมีเงินทองมากมายกว่า และสวยกว่า ค่าเครื่องสำอางของเธอแต่ละเดือนแพงกว่ารายได้ทั้งปีของปอยเสียอีก

เมื่อปอยนำทางลอร่าไปถึงบ้านพ่อแม่ ลอร่าก็ถูกควายไล่ขวิดจนล้มลุกคลุกโคลนหมดสวยเพราะสีสันจัดจ้านของ เสื้อผ้าเธอที่ไปสะดุดตามัน จนกระทั่งอินทร์เข้ามาช่วยไว้เพราะบังเอิญเขามาเยี่ยมพ่อแม่เธอที่นั่น อินทร์ได้ทุนไปเรียนเกษตรที่นิวซีแลนด์ เขากลับมาทำไร่ของตัวเองและเป็นครูอาสาสมัครสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนของหมู่บ้าน แทนที่ลอร่าจะขอบคุณเธอกลับกรี๊ดใส่เขาที่มาเจอเธอในสภาพนี้ด้วยความเจ็บใจที่เมื่อสิบปีก่อนเขาทิ้งเธอไปสนิทกับปอย แต่ที่จริงเป็นเพราะตอนนั้นลอร่าเริ่มลืมตัวและไม่สนใจเขาเอง เธอทำทุกอย่างเพื่อจะก้าวไปสู่วงการนางแบบด้วยการประกวดประชันบนเวทีต่างๆ ทำให้อินทร์กลุ้มใจกลัวลอร่าเสียการเรียน จึงปรึกษาปอยซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของลอร่า จนเกิดความสนิทสนมกันลอร่าจึงเข้าใจผิดมาตลอดว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แม้ลอร่ากลับมา อินทร์ก็ยังมาดูแลพ่อแม่ของเธออย่างสม่ำเสมอ จนถูกลอร่าแดกดันหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเขาก็ตอบโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

ในขณะที่พ่อแม่เธอเอาแต่ชมเขาว่าช่วยมาดูแลยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ยิ่งทำให้ลอร่ารู้สึกเสียดแทงใจมาก ปอยบอกลอร่าว่ากำลังจะแต่งงาน ลอร่าก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าคนที่ปอยจะแต่งงานด้วยคืออินทร์ เธอรู้สึกหึงขึ้นมาเพราะอินทร์คือรักครั้งแรกของเธอ คืนแรกลอร่านอนไม่หลับเพราะรอบตัวไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสักอย่าง ที่บ้านไม่มีเครื่องปรับอากาศมีแต่พัดลมเครื่องเก่าๆ ที่พ่อแม่แอบสละให้ลอร่าใช้โดยไม่บอกว่าที่บ้านมีพัดลมเครื่องเดียว น้ำประปาก็ไม่มีต้องไปตักน้ำบาดาลมาให้ จะไม่อาบน้ำก็ไม่ได้เพราะตัวเลอะโคลนเต็มไปหมด ลอร่าอยากกรี๊ดไป สิบแปดตลบ พอโทรไปบ่นกับเจ๊มลก็ต้องเดินหาสัญญาณมือถือไปอยู่กลางเล้าหมูแต่คำตอบที่ได้รับจากเจ๊มลก็คือให้อดทนไว้ก่อน

วันรุ่งขึ้นข่าวการกลับมาของลอร่าเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน หลายคนเข้ามาแวะเวียนเพื่อจะดูหน้าเธอ ทุกคนในหมู่บ้านจะพูดภาษาอีสานใส่ลอร่า แต่เธอแกล้งทำเป็นฟังไม่ออกจนชาวบ้านแกล้งนินทาเป็นภาษาอีสาน บักหล่อ (ต๋อง ชวนชื่น) ซึ่งเป็นลูกน้องของอินทร์ตั้งสมญาให้ลอร่าว่า “บักสีดา” เพราะลอร่าชอบทำตัวเป็นฝรั่ง ที่จริงลอร่าฟังรู้เรื่อง แต่ทำเป็นเก๊กสวยแม้จะหลุดความเปิ่นตามนิสัยเดิมออกไปบ้าง จนเป็นที่ตลกขบขันของคนในหมู่บ้าน ถ้าลอร่าไม่พูดภาษาอีสานชาวบ้านก็จะไม่ยอมขายของให้ เธอจึงแกล้งใช้ปอยเป็นล่ามให้ทุกครั้ง ซึ่งปอยก็แสนดีคอยช่วยเหลือทุกอย่างด้วยความเห็นใจเพื่อน ในขณะที่ลอร่าจะแอบเจ็บใจที่ปอยเฝ้าพร่ำพูดถึงแต่แฟนตัวเองที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษและงานแต่งงานที่จะมีขึ้นอย่างตื่นเต้น จึงมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหันทุกครั้งที่ปอยเริ่มพูด ลอร่าตอบแทนปอยโดยแต่งหน้าให้ปอยแบบเว่อร์ๆ เหมือนตัวเอง จนปอยไม่มั่นใจและต้องแอบไปลบทิ้ง

ลอร่าจะหาเรื่องคอยแกล้งอินทร์อยู่เสมอ พออินทร์มาช่วยพ่อแม่ของเธอทำส้มตำปลาร้าของที่เธอเคยชอบให้ เธอก็แผลงฤทธิ์ใส่เขาโดยการเททิ้งไม่ยอมกินแกล้งว่าสกปรก อินทร์แก้เผ็ดด้วยการใส่ปลาร้าลงในกับข้าวทุกอย่างจนลอร่ากินไม่ได้ แต่ตกดึกเธอหิวมากจึงแอบมาจกปลาร้าที่เหลือไปคลุกข้าวด้วยความหิวโหยอินทร์มาแอบดูและขำอยู่คนเดียว ปอยพาลอร่าไปเยี่ยมโรงเรียนที่สอนอยู่และชวนลอร่ามาสอนภาษาอังกฤษบ้าง แต่พอลอร่าเจออินทร์ที่มาช่วยสอนภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกันเธอก็ปฏิเสธทันที แถมเธอยังเจอฤทธิ์เดชของไอ้ต่อย หรือที่อินทร์เรียกว่า “บักหำต่อย” ซึ่งเป็นนักเรียนหัวโจกของโรงเรียนแกล้ง หลอกให้เธอกินกิ้งก่าปิ้งโดยตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่ให้ลอร่ารู้ว่าเป็นอะไร ตอนแรกลอร่ากินอย่างเอร็ดอร่อยเพราะตอนเด็กๆ เธอก็เคยกิน แต่พออินทร์มาเฉลยว่าเป็นอะไรลอร่าก็รีบไปอาเจียนแทบไม่ทัน

ปอยพาลอร่าไปที่อำเภอเพื่อเปลี่ยนหลักฐานเดิมเกี่ยวกับตัวลอร่า ทำให้ได้พบกับ ปลัดดอน (รังสิโรจน์ พันธุ์เพ็ง) ซึ่งปลื้มลอร่าในฐานะนางแบบในดวงใจมาก่อน เขาจึงช่วยประสานงานให้เธออย่างเต็มที่และชวนเธอไปเดินตลาดด้วยกัน ลอร่าไม่อยากไปแต่พอเห็นอินทร์ที่มาติดต่องานในอำเภอก็แกล้งประชดรับปากไปหวังจะให้อินทร์หึง คนทั้งหมู่บ้านจึงเมาท์กันปากต่อปากว่าปลัดดอนกำลังจะโกอินเตอร์กับบักสีดาด้วย อินทร์ได้ยินเข้าก็กลับหัวเราะว่าลอร่าหลอกปลัดมากกว่า ลอร่าทำธุระเสร็จเร็วกว่าที่คิดและโล่งใจที่เธอจะได้กลับกรุงเทพก่อนงานแต่งงานของปอยและอินทร์ เธอทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นภาพบาดตานั้น แต่เจ๊มลผู้จัดการส่วนตัวโทรมาบอกว่าเธอยังกลับไม่ได้ต้องเก็บตัวอีกระยะหนึ่ง เพราะนักข่าวรออยู่ที่อพาร์ตเมนท์เพื่อจะเปิดโปงเธอ ลอร่าจำใจต้องอยู่ ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ในที่สุดเธอตัดสินใจว่าในเมื่อจะต้องอยู่ต่อ เธอก็จะเปลี่ยนหมู่บ้านเชยๆ นี้ให้กิ๊บเก๋มีสไตล์มากขึ้นด้วยการเป็นผู้นำความทันสมัยเข้ามาไม่อย่างนั้นเธอก็ทนอยู่ต่อไปไม่ได้ และยังสั่งให้เจ๊มลส่งชุดราตรีสุดหรูสำหรับงานแต่งงานมาให้ด้วย

ลอร่าเริ่มจากการตกแต่งบ้านของเธอใหม่ให้เป็นแบบอเมริกันสมัยใหม่ และสั่งเครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เช่น แอร์ เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ ฯลฯ มาใช้ในบ้าน โดยความช่วยเหลือของปลัดดอนปรากฏว่าคืนแรกที่ ลอร่าโหมกระหน่ำใช้สารพัดสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไฟตกทั้งหมู่บ้านไฟดับหมดจนผู้ใหญ่บุญโฮม (มนต์สิทธิ์ คำสร้อย) ต้องมาขอร้องให้เพลาการใช้ไฟลงบ้าง แต่ลอร่าไม่ยอมโวยวายว่าเป็นสิทธิ์ของเธอ ผู้ใหญ่บ้านต้องทำให้หมู่บ้านเจริญขึ้นโดยขอไฟเพิ่มไม่ใช่มาขอให้เธอลดการใช้ไฟเพราะเธอมีเงินจ่าย ผู้ใหญ่บุญโฮมเป็นผู้ที่บวชเรียนมาหลายพรรษาจึงพูดคำคมฝากเป็นข้อคิดให้ลอร่าว่า “ติแต่แมงวันฮ้ายตอมโตอยู่โผ้โผ่โตหากเหม็นอู่อู้สิติได้ฮ่อมใด” (ว่าแต่แมลงวันมาบินตอมรบกวนตน ตัวเองมีกลิ่นเหม็น จะไปว่าแมลงวันได้อย่างไร) ลอร่าแกล้งทำเฉยฟังไม่รู้เรื่องแต่ที่แท้เข้าใจลึกซึ้ง


วันรุ่งขึ้นลอร่าสั่งติดตั้งมิเตอร์ใหม่ที่ทำให้บ้านของเธอใช้ไฟได้เต็มที่ ยิ่งทำให้ไฟบ้านอื่นติดๆ ดับๆ นอกจากนี้ลอร่ายังสั่งให้คนขุดสระว่ายน้ำส่วนตัวหน้าบ้าน โดยอ้างว่าเธอต้องออกกำลังเพื่อรักษาหุ่น ปลัดดอนช่วยดึงน้ำที่ชาวบ้านเก็บไว้ใช้ในการเกษตรมาเติมน้ำให้ แม้อินทร์จะพยายามเตือนว่าการอยู่ในหมู่บ้านที่ยังขาดแคลนอยู่ต้องมีการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน แต่ปลัดดอนก็ไม่ฟังเถียงว่าลอร่ามีสิทธิ์จะทำอะไรที่ไม่ผิดกฎหมายและยังช่วยให้คนในหมู่บ้านศิวิไลซ์ขึ้น ปรากฏว่าไอ้ทุยได้ลงไปใช้น้ำในสระ เป็นตัวแรก ลอร่าตื่นขึ้นมาเห็นมันแช่น้ำในสระอย่างสบายอารมณ์ก็สั่งเปลี่ยนน้ำใหม่ทันที

ลอร่าเอาแต่แต่งหน้าจัดเดินเฉิดฉายกรีดกรายในหมู่บ้านเหมือนเดินอยู่บนแคทวอล์กและแต่งตัวตามความเคยชิน จนผู้คนในหมู่บ้านหมั่นไส้ เด็กๆ หัวเราะเธอเหมือนเห็นตัวประหลาด สาวๆ จะแอบค้อน ส่วนหนุ่มๆ มองเธอด้วยสายตาโลมเลีย แต่ลอร่าไม่สนใจ เธอคิดว่าความสวยมั่นใจจะเอาชนะทุกสิ่งได้ ประภา (ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์) ลูกสาวเถ้าแก่ย้งขายข้าวสารในตลาดซึ่งเมื่อก่อนเป็นดาวในหมู่บ้าน ยังต้องตกอันดับไป ประภาจึงมักจะแกล้งลอร่าทุกครั้งที่มีโอกาส อินทร์เตือนลอร่าด้วยความหวังดีว่าตอนนี้ชาวบ้านมองเธออย่างไร แต่เธอกลับคิดว่าเขาหาเรื่องแถมชวนทะเลาะจนเดินตกสระน้ำของตัวเอง อินทร์ต้องลงไปช่วยขึ้นมาแต่ลอร่ากลับโมโหใส่เขาหาว่าเขาไม่เตือนเธอ

เมื่อถึงวันแต่งงานของปอยซึ่งลอร่าแต่งชุดราตรีเซ็กซี่มากกะว่างานนี้เธอต้องสวยที่สุดในงาน ส่วนปอยและ อินทร์ออกไปเตรียมงานแต่เช้า พอขบวนขันหมากมาถึงลอร่ารีบเข้าไปหาอินทร์เพื่อกั้นประตู แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจที่เจ้าบ่าวไม่ใช่อินทร์ แต่เป็น เคน (กฤษฎา สุภาพพร้อม) ครูหนุ่มที่สอนภาษาอังกฤษอยู่ต่างโรงเรียน อินทร์เป็นแค่เพื่อนเจ้าบ่าว ลอร่าถึงกับหน้าแตกยับเยินเธอต่อว่าอินทร์ที่ปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่นาน อินทร์บอกว่าพอจะบอกทีไรเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องทุกที เมื่อพิธีกรประกาศขอให้คนขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ลอร่าอาสาขึ้นไปร้องเพลงของบริทนีย์จึงถูกคนโห่ไล่ ลอร่ารีบลงจากเวทีทั้งที่ยังไม่จบเพลงด้วยความรู้สึกอับอายเป็นครั้งแรก ในขณะที่ปอยขึ้นไปร้องหมอลำกลับได้รับเสียงตบมือและชื่นชม เหมือนกับว่าอดีตที่เธอต้องพ่ายแพ้ปอยนั้นกลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้ง ลอร่าจึงหนีกลับบ้านก่อนด้วยความเจ็บช้ำใจ แม้อินทร์จะเตือนลอร่าว่าไม่ควรกลับคนเดียว แต่ เธอก็ดื้อดึงด้วยความน้อยใจระหว่างทางกลับบ้าน ลอร่าถูกแก๊งไอ้เจิดอันธพาล ประจำหมู่บ้านโรยตะปูเจาะยางและฉุดเข้าป่าเพราะหมั่นไส้มานานแล้ว อินทร์ขับรถตามมาช่วยจนได้รับบาดเจ็บ แต่พวกไอ้เจิดจำอินทร์ได้จึงไม่กล้าทำอะไรมาก

ลอร่ารีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาลนั่งเฝ้าเขาทั้งคืนด้วยความเป็นห่วงและช่วยดูแลเขา โดยอ้างว่าตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยเธอไว้ ปลัดดอนช่วยลอร่าสืบหาตัวคนที่จะฉุดเธอและคอยตามรับตามส่งเธอทุกวัน ทำให้อินทร์เริ่มหึงขึ้นมาเหมือนกัน จึงอยากให้ลอร่าอยู่ห่างจากปลัดดอนบ้าง โดยขอให้เธอไปช่วยสอนภาษาอังกฤษเด็กแทนเขา ในขณะที่เขารักษาตัวอยู่ลอร่ารับปากเพราะนึกถึงความสุขที่ได้เรียนวิชาภาษาอังกฤษในตอนเด็ก แต่ชั่วโมงแรกที่เธอไปสอนเด็กก็ถูกเด็กโห่ไล่ด้วยความรังเกียจ เพราะทุกคนรู้กิตติศัพท์ของเธอ แถมบักต่อยก็ยังชวนเพื่อนหนีไปจับกิ้งก่า ลอร่าไม่ยอมแพ้วิ่งตามไปจับบักต่อยกลับมาเรียน แต่หกล้มจนส้นสูงหักขาแพลง ลอร่าถึงกับหมดกำลังใจ ปอยปลอบใจให้ลอร่าเข้มแข็งและเข้าไปคอยคุมให้นักเรียนอยู่ในความสงบ ปอยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาอินทร์ วันต่อมาเขาจึงฝากจดหมายให้ปอยอ่านต่อหน้าเด็กๆ ว่าลอร่าจะมาเป็นครูแทนเขาเป็นการช่วยเหลือเขาและนักเรียนขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนและขอร้องให้บักหำต่อยช่วยนำเพื่อนๆ กลับเข้าห้อง เด็กๆ จึงเริ่มยอมเรียนกับลอร่า

ลอร่าแปลกใจที่อินทร์มีอิทธิพลต่อเด็กถึงเพียงนี้ อินทร์คอยแนะนำลอร่าว่าควรสอนอะไรเด็กๆ บ้าง ตอนแรกเด็กๆ เรียนอย่างจำใจ แต่ด้วยลูกล่อลูกชนของลอร่าที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องและความช่างพูดช่างสรรหาเรื่องมาเล่าทำให้เด็กๆ เริ่มประทับใจในตัวครูคนใหม่ขึ้นมาทีละน้อย เธอจะไปที่โรงพยาบาลเยี่ยมอินทร์และเล่าเรื่องการสอนของเธอให้เขาฟังทุกวัน บางครั้งเขาก็จะแนะนำเธอมาบ้างเมื่อเธอมีปัญหาทำให้การสอนของเธอมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความดีของลอร่าเริ่มแพร่สะพัดไปถึงหูพ่อแม่ของเด็กในหมู่บ้าน ลอร่าให้เด็กแต่ละคนแต่งเรียงความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาขึ้นมาจึงรู้ว่าหลายคนเดือดร้อนจากการกระทำของเธอมาก เช่น หมู่บ้านกันดารและแห้งแล้ง น้ำไม่พอใช้ตอนกลางคืนไฟติดๆ ดับๆ ทำให้เด็กไม่ได้อ่านหนังสือหรือทำการบ้าน และสิ่งที่ทำให้ลอร่าแปลกใจคือเด็กๆ หลายคนยังไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ

บักต่อยกับเด็กนักเรียนมักจะจับเขียดจับกิ้งก่าตามท้องนามาปิ้งกิน และชวนลอร่ากินด้วย ลอร่าทำเป็นไม่ยอมกินแต่ลับหลังแอบกินเขียดย่างอย่างเอร็ดอร่อยจนบักต่อยมาเห็นเข้า ลอร่าจึงให้เงินจ้างบักต่อยว่าอย่าบอกใคร บักต่อยรับปาก แต่ก็แอบไปเล่าเป็นนัยๆ ให้ครูอินทร์ฟังเวลาไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล จนอินทร์แอบขำเวลาเห็นหน้าลอร่า ทำให้ลอร่าเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจคิดว่าหน้าตัวเองมีรอยเลอะเปื้อนอะไร ในวันที่อินทร์ออกจากโรงพยาบาล ลอร่าไปรับเขา ระหว่างที่นั่งรถกลับเธอเล่าเรื่องความน่ารักของเด็กๆ ที่โรงเรียนให้ฟัง จนคุยถึงเรื่องสมัยเรียนของตัวเอง ตอนที่ลอร่ายังเป็นเด็กนักเรียนตัวดำร้องไห้ขี้มูกโป่งและเจ้าแง่แสนงอนเป็นที่สุด แต่เธอก็มีพรสวรรค์ในการแสดงออกและเก่งภาษาอังกฤษ ทั้งสองคุยกันจนกระทั่งรถแล่นผ่านป่าริมน้ำในหมู่บ้าน ลอร่าชวนอินทร์แวะลงที่นั่น ทั้งสองเดินไปที่ลานกลางป่าด้วยกัน ซึ่งอินทร์เคยแอบเอาเสื้อสวยๆ ของแม่มาให้ลอร่าใส่เดินแบบให้เขาดู นั่นเป็นการเดินแบบครั้งแรกในชีวิตของเธอ การที่เธอกับเขาแข่งกันวิ่งข้ามเขาไปโรงเรียนทุกวัน และครูสอนภาษาอังกฤษที่ทุ่มเทจนทำให้เธอรักวิชานี้ อินทร์และลอร่ารำลึกความหลังกันอย่างสนุกสนานประทับใจและเริ่มตระหนักว่ารักครั้งแรกยังไม่หายไปไหน แต่มันถูกซ่อนอยู่ในซอกหลืบของความทรงจำที่เขาและเธอไม่เคยลืม

คราวนี้ลอร่าเผลอพูดภาษาอีสานออกมาอย่างชัดเจน หลังจากจู่ๆ ก็เลิกพูดไปเมื่อตอนอายุสิบสี่และหลีกเลี่ยงไม่ยอมพูดอีกเลยเพราะถูกเจ๊มลห้ามไว้ ลอร่าได้คิดว่าทุกสิ่งในหมู่บ้านนี้เองที่หล่อหลอมตัวตนของเธอขึ้นมา แต่เธอกลับวิ่งหนีตัวเองตามคำสั่งของคนอื่นซึ่งไม่มีวันที่จะหนีพ้น อินทร์กลับมาสอนเด็กๆ ตามเดิมแต่เด็กๆ ก็เรียกร้องครูลอร่า เขาจึงให้เธอสลับมาสอนกับเขา บักต่อยดูออกว่าครูอินทร์กับครูลอร่ามีใจให้กันจึงมักจะเป็นพ่อสื่อให้ทั้งสองอยู่เสมอ ลอร่ามีความสุขและรู้สึกว่าได้ทำตัวเป็นประโยชน์มากกว่าที่ผ่านมา เธอเข้าใจถึงความขาดแคลนของเด็กจึงเลิกใช้เครื่องสำอางและของมียี่ห้อ แล้วเอาเงินพวกนี้มาซื้ออุปกรณ์การเรียนให้พวกเด็กๆ บริจาคเงินปรับปรุงโรงเรียนและซื้อคอมพิวเตอร์มาให้ เด็กนักเรียนตื่นเต้นกันมากและลอร่ายังสอนให้เด็กๆ ทำของที่ระลึก จากวัสดุการเกษตรที่เหลือใช้ออกขายหารายได้ โดยใช้ความรู้ด้านแฟชั่นที่เธอมีอยู่ซึ่งขายดีมาก ข่าวคราวไปถึงหูชาวบ้าน จึงมีคนมาเรียนการประดิษฐ์ของที่ระลึกจากเธอมากมายจนกลายเป็นสินค้าโอท็อป ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชาวบ้านดีขึ้น

และความรักของเธอกับอินทร์ก็เริ่มงอกงามขึ้นอีกครั้งเช่นกัน การที่ลอร่าทุ่มเทให้กับโรงเรียนทำให้เธอมักจะอยู่จนถึงดึกทางกลับบ้านค่อนข้างอันตรายและเปลี่ยว อินทร์จึงอาสาขับรถพาเธอไปส่งที่บ้านหลังเลิกเรียน โดยแอบพาลอร่าหนีปลัดดอนที่มาดักรอหน้าโรงเรียนทุกวัน ซึ่งหลายครั้งก็มีบักต่อยช่วยกันปลัดดอนให้ด้วย วันหนึ่งเมื่ออินทร์พาลอร่ากลับบ้านก็พบว่านักข่าวมารอทำข่าวเธออยู่ ลอร่าสงสัยนักข่าวรู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่นี่ เธอพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากเจ๊มลแต่ติดต่อไม่ได้จึงรู้จากแอ๋วว่าที่แท้เจ๊มลทรยศเธอขายข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ชื่อดัง และเตรียมปั้นนางแบบหน้าใหม่ขึ้นมาแทนที่เธอเพราะแค้นลอร่ามานานแล้วที่ดังแล้วลืมตัวแต่แล้วลอร่าก็สืบรู้ว่าเจ๊มลแอบโกงเงินเธอโดยชักเปอร์เซ็นต์ค่าตัวมากเกินกว่าที่ตกลงกันไว้จึงหาเรื่องจะทิ้งลอร่า และคิดว่าลอร่าคงกลับมาดังไม่ได้แล้ว ลอร่าเสียใจมาก

นักข่าวตามไปถ่ายรูปบ้านและพ่อแม่ที่แท้จริงของลอร่า อินทร์ช่วยพาเธอหนีนักข่าว ลอร่าขอร้องให้อินทร์ช่วยเธอโกหกว่าเธอแค่มาเที่ยว แต่เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง แต่ลอร่าไม่ยอมเพราะประวัติอันสวยหรูและชื่อเสียงที่เธอสร้างมาทั้งหมดจะพังทลาย จนเป็นอุปสรรคในการโกอินเตอร์ของเธอ ลอร่าจึงต้องหลบนักข่าวไปพักที่ไร่ของอินทร์ชั่วคราว อินทร์พาลอร่าชมไร่ของเขา เธอจำได้ว่าเขาเคยฝันอยากมีไร่เป็นของตัวเองและเขาก็ทำได้ ลอร่ารู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาบ้านเกิด เธอมีความสุขและประทับใจกับชีวิตเรียบง่ายในไร่อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเสียงเพลงหมอลำที่คนงานในไร่เปิดคลอไปด้วยขณะทำงานนั้นช่างเข้ากับบรรยากาศเหลือเกินจนต้องแอบร้องคลอไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว

พออินทร์ถามเธอว่าอยากกินอะไร เธอก็นึกถึงอาหารอีสานขึ้นมาทันที จึงช่วยอินทร์ทำกับข้าวอีสานกินกันอย่างสนุกสนาน แต่ลอร่าก็ไม่วายลืมตัวร้องหาเครื่องปั่นพริกแทนที่จะตำน้ำพริกอย่างชาวบ้าน อินทร์จึงต้องไปเอาบักหล่อกับลำไยแฟนสาวของบักหล่อมาเป็นลูกมือเพราะกลัวจะไม่ได้กิน คืนนั้นลอร่าเผลอหลับไปและตื่นขึ้นมาโดยไม่ได้แต่งหน้าเป็นครั้งแรกเพราะไม่ได้เตรียมเครื่องสำอางมาด้วย เธออายมากเมื่ออินทร์เข้ามาเห็นเธอในห้อง แต่เขากลับชมเธอว่าเหมือนเธอกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เธอจึงคิดทบทวนถึงความสุขในวัยเด็กที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ลำบากไปกว่าเด็กคนอื่นในหมู่บ้านตอนนั้น หลายคนในหมู่บ้านก็ดีกับครอบครัวเธอ แต่เพราะความทะเยอทะยานทำให้เธอคิดว่าตัวเองลำบากที่สุด ในขณะที่ชีวิตเรียบง่ายอย่างปอยกับอินทร์ทำให้เธอแอบอิจฉามาตลอด ยิ่งตอนนี้ปอยเริ่มท้องแล้ว เคนเอาใจปอยมากเป็นภาพครอบครัวอบอุ่นที่ลอร่าประทับใจมาก ซึ่งเธอยังนึกไม่ออกว่าเจมส์จะเป็นแบบเคนได้อย่างไร

บักหล่อเอาเรื่องของลอร่ากับอินทร์ไปกระจายทั่วหมู่บ้าน ปลัดดอนซึ่งคิดว่าลอร่ากลับกรุงเทพฯ ไปแล้วก็รีบมาตามเธอด้วยความคิดถึงและต่อว่าอินทร์ที่หลอกลอร่ามา ลอร่าต้องอธิบายว่าเธอยินยอมมาเอง ปลัดดอนถึงกับอกหักคิดว่าอินทร์กับลอร่าผิดผีกันแล้วเจมส์อ่านข่าวพบเรื่องของลอร่า เขาจึงเดินทางมาที่กาฬสินธุ์เข้ามาช่วยจัดการเอาเงินปิดปากนักข่าวและมาหาลอร่า เพื่อบอกข่าวดีและขอคืนดีกับเธอ เขาบอกว่าตามหาเธอมานาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นเป็นเพราะลิซซี่มาแสดงความยินดีกับเขาตามธรรมเนียมฝรั่งโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว เขาเสนอลอร่าว่าควรรีบกลับกรุงเทพฯ เพื่อถ่ายแบบเครื่องสำอางที่จะออกวางตลาดรับฤดูกาลใหม่ เขาจะส่งเสริมให้เธอก้าวสู่ระดับอินเตอร์อย่างที่เธอใฝ่ฝันไว้ พร้อมกับนำเครื่องสำอางของเขาไปสู่ตลาดโลกด้วย เพราะเธอคือนางแบบที่มีศักยภาพที่สุดในการพาเครื่องสำอางของเขาก้าวไปสู่ระดับอินเตอร์ ภาพความฝันของลอร่ากลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง

ลอร่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องเจมส์และคิดไม่ตกเกี่ยวกับอนาคตทำให้เธอขาดสอนไปหลายวัน ปอยมาตามเธอกลับไป แต่พอลอร่าไปถึงโรงเรียนก็เห็นอินทร์สนิทสนมกับประภาอย่างออกนอกหน้า ขณะที่เขาสอนงานให้โดยไม่สนใจเธอ ลอร่ารู้สึกหึงและน้อยใจจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ พร้อมเจมส์ แต่ที่จริงอินทร์กำลังยุ่งมากจากการที่โรงเรียนอาจจะถูกปิด เพราะมีครูไม่พอโดยจะเอานักเรียนไปรวมกับอีกหมู่บ้านหนึ่ง เขาจึงต้องใช้เงินตัวเองจ้างประภามาเป็นครูพิเศษ เพราะประภาจบปริญญาตรีครุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง

ขณะที่ลอร่ากำลังจะขึ้นรถเจมส์กลับกรุงเทพนั้น อินทร์กับปอยตามมาทัน ปอยต่อว่าลอร่าที่จะทิ้งพวกเขาไป อินทร์ทวงสัญญาที่ลอร่าจะร่วมกันทำโรงเรียนในหมู่บ้านให้ทันสมัย ลอร่าบอกว่าเธอจะส่งเงินมาให้แต่ตัวเธอต้องทำตามความฝันต่อไป อินทร์ย้อนถามว่านั่นคือฝันที่แท้จริงหรือลอร่าอึ้งไป เธอชวนอินทร์ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะเธอรู้จักบริษัทหลายแห่งที่รับเขาเข้าทำงานได้ ซึ่งความรู้อย่างเขาต้องได้เงินเดือนที่สูงลิ่ว แต่อินทร์ปฏิเสธ เขาบอกว่าความฝันของเขาอยู่ที่นี่ แต่ของเธอนั้นยังหาไม่พบเพราะสิ่งที่เธอทำมาตลอดเวลานั้นคือการวิ่งหนีตัวเอง เพื่อทำตามค่านิยมของสังคม โดยไม่เคยหันกลับมามองว่าที่แท้ตัวเองต้องการอะไร ลอร่ากลับกรุงเทพฯ แต่รู้สึกคิดถึงกาฬสินธุ์ขึ้นมาจับใจ แสงสีที่สวยงามกลับทำให้เธอรู้สึกต่างไปจากเดิม เธอเหงาและโดดเดี่ยวเหมือนขาดอะไรไปทั้งที่ได้ทุกอย่างกลับคืนมาและกำลังจะก้าวไปสู่ความฝันอันสูงสุดของตัวเองแล้ว

เจมส์ขอหมั้นลอร่าและประกาศจัดงานหมั้นใหญ่โตลงหนังสือพิมพ์ แถมจ้างพ่อแม่กำมะลอมาแทนพ่อแม่ที่แท้จริงของลอร่า อินทร์และพ่อแม่ของลอร่าอ่านข่าวอย่างชอกช้ำใจ ลอร่าเห็นข่าวก็ต่อว่าเจมส์ที่ไม่ปรึกษาเธอเสียก่อน ทั้งสองทะเลาะกัน ลอร่าจึงรู้ว่าที่เจมส์ต้องการแต่งกับเธอก็เพราะทุกคนเชียร์ถึงความเหมาะสม แต่เขาไม่เคยเข้าถึงจิตใจและตัวตนที่แท้จริงของเธอแม้แต่น้อยเขา พยายามสร้างภาพของเธอให้เป็นไปตามแบบที่เขาต้องการเหมือนที่เจ๊มลเคยทำกับเธอ ทุกครั้งที่คุยกันเขาก็จะพูดถึงแต่ธุรกิจที่จะร่วมกันผลักดันไปสู่ความสำเร็จแต่ไม่เคยพูดถึงครอบครัวที่จะร่วมกันสร้างขึ้นมา ในขณะเดียวกันเด็กนักเรียนก็ถามอินทร์ถึงครูลอร่า อยากให้กลับมาสอนอีกเพราะครูลอร่าสอนสนุก อินทร์จึงบอกให้พวกเขาเขียนจดหมายไปหาเธอ ลอร่าได้รับจดหมาย จากเด็กนักเรียนที่เธอเคยไปสอนภาษาอังกฤษ บอกว่าคิดถึงครูลอร่ามากเธอถึงกับน้ำตาซึมและคิดถึงบ้านขึ้นมาจับใจจึงส่งจดหมายเชิญพวกเด็กๆ มาเที่ยวกรุงเทพฯโดยเธอออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

ในวันแถลงข่าวใหญ่ของการนำเครื่องสำอางออกวางตลาดโลก ลอร่าเดินแฟชั่นโชว์ที่เลิศหรูอลังการที่สุดในชีวิต นักข่าวจากต่างประเทศนับร้อยมาทำข่าว อินทร์และปอยพาเด็กนักเรียนมาฟังด้วยเมื่อมีการเปิดโอกาสให้นักข่าวซักถาม บักต่อยยกมือถามลอร่าว่าครูจะกลับไปกินเขียดย่างกับเขาอีกเมื่อไร เมื่อนั้นลอร่าจึงรู้หัวใจตัวเองว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ตลอดเวลา เธอสารภาพเป็นภาษาอีสานต่อหน้านักข่าวว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใคร ตอนแรกนักข่าวตกตะลึงทุกคนตกอยู่ในบรรยากาศตึงเครียด แต่แล้วปอยร้องหมอลำขึ้นมาเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศให้สนุกสนาน ปรากฏว่านักข่าวชอบใจมาก เจมส์โมโหที่คอนเซ็ปต์งานเขาพังหมดจึงประกาศเปลี่ยนตัวนางแบบกะทันหัน แต่ลอร่าก็ไม่แคร์ เธอคิดว่าความสำเร็จสูงสุดเกิดจากการรู้จักรากเหง้าที่แท้จริงของตัวเอง ลอร่ายังคงเดินแบบเพราะมันเป็นอาชีพที่เธอรักและทำได้อีกไม่นาน แต่ก็จะหาเวลากลับไปสอนเด็กอยู่เสมอ เธอสัญญากับอินทร์ว่าอีกไม่กี่ปีจะเลิกเดินบนแคทวอล์กและกลับไปเดินอยู่บนผืนดินของเขาและเธอ ช่วยกันทำไร่และร่วมกันสร้างผลผลิตต่อไป
Read more »

Jejungwon : เจจุวอน ตํานานแพทย์แห่งโชซอน


วันออกอากาศ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ 3
เริ่มออกอากาศ 20 พฤษภาคม 2555
เวลาออกอากาศ 17:45 - 19:30 น.

กำกับโดย ฮงชางอุค
ประพันธ์โดย

อีคีวอน
นำแสดงโดย
ปาร์กยองอู ... ฮวางจอง
ฮันฮเยจิน ... ยูซอกรัน
ยอนจุงฮุน ... เบคโดยัง
ชอร์น ริชาร์ด ... อัลเลน

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยุคที่การแพทย์แผนตะวันตกได้เข้ามาในช่วงยุคท้ายของโชซอน โดยมีการสร้างโรงพยาบาลตะวันตกแห่งแรกขึ้น ฮวางจอง (ปาร์กยองอู) เป็นลูกคนฆ่าสัตว์ ซึ่งถือว่าเป็นชนชั้นต่ำที่ต่ำกว่าสามัญชน ได้ดิ้นรนจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักเรียนแพทย์ของโรงเรียนแพทย์เจจุงวอนที่ตั้งขึ้นภายในการผลักดันของพระราชาโกจง
Read more »

มาหยารัศมี


หม่อมราชวงศ์ธิติรัตน์ กมเลศ ณ อยุธยา หนุ่มหล่อวัยยี่สิบสองกำลังจะกลับวังหลังไปงานแต่งพี่สาวเพื่อน
แต่เขาพบเด็กหญิงวัยสิบเอ็ดแอบอยู่ในรถด้วยอาการไข้ขึ้นสูง และเพ้อว่า แรม กลัวความมืด พอแม่เสีย พ่อก็ไม่รักแรม คุณชายพาเด็กหญิงไปบ้านธิดา ญาติสาวที่เพิ่งแต่งงานกับนายแพทย์เกรียง สรไกร เมื่อปีที่แล้ว เกรียงเริ่มรักษาแรมที่เป็นไข้หวัดใหญ่ ขณะที่ธิดากับคุณชายฟังคำเพ้อของแรมด้วยความสงสาร ธิดายินดีดูแลแรมจนกว่าแรมจะหายโดยจะยังไม่แจ้งตำรวจ

รุ่งเช้า คุณชายธิติรัตน์คุยกับหม่อมรัตนา ผู้เป็นมารดาเรื่องจะขอหมั้นดุจแข ลูกสาว นายเขต พงษ์ภักดิ์ วัยสิบแปด ก่อนตนไปเรียนที่อังกฤษห้าปี แต่หม่อมแม่ไม่อนุญาตอ้างเรื่องพิสูจน์ความรักที่มั่นคงของทั้งคู่ นางขอคำมั่นลูกชายให้รักษาเกียรติของแม่รวมถึง หม่อมเจ้าธีรธำรง บิดาที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว คุณชายรับปาก ดุจแขรู้เรื่องก็ผิดหวัง ขณะที่เขตมองหาผู้ชายที่เพียบพร้อมให้ดุจแขแทนคุณชาย หนึ่งในนั้นมีแม้นเทพ ชำนาญยุทธ์ ลูกชายเพื่อนรัก แต่ดุจแขไม่สนใจ

คุณชายแวะมาเยี่ยมแรมที่อาการดีขึ้น เธอชื่อ เดือนแรม แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นลูกใคร แรมขอร้องไม่ให้คุณชายส่งเธอให้ตำรวจ เธอยอมอยู่ช่วยงานธิดาทุกอย่าง เพราะที่บ้าน แรมถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า ถูกบังคับให้ลาออกจากโรงเรียน และถูกจับขังในห้องมืด มีเพียง ป้าพิม ที่เลี้ยงดูแรมตั้งแต่เด็ก คุณป้ามะลิ พี่สาวพ่อ และแม้นเทพ หรือพี่ต้อม ลูกชายคุณมะลิที่มองเธอเป็นเด็กปกติ คุณชาย ธิดา และเกรียงสงสารแรมจึงยอมให้แรมอยู่ต่อ

ด้านแม้นเทพกับคุณมะลิเป็นห่วงแรมมาก ผิดกับเมิน มณีกุล บิดาของแรมที่ทำนิ่งเฉย และเชื่อที่จันทรา ภรรยาอีกคนของเมินเป่าหูว่าแรมเป็นบ้า เพ็ญประกาย ลูกสาววัยสิบสามของจันทราสงสารน้องต่างมารดา แต่เธอถูกจันทราสั่งห้ามยุ่งกับแรม จันทราเป็นเมียเก็บเมิน จนกระทั่ง ราศรี เมียแต่งของเมินและแม่ของแรมเสีย เมินจึงรับจันทรากับลูกมาอยู่ด้วย ส่วนที่เมินไม่สนใจแรม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า แรมเป็นเพียงเด็กที่ถูกซื้อมาหลอกว่าเป็นลูกราศรีเท่านั้น เพราะลูกราศรีตายตั้งแต่คลอด โดยมี สุดใจ นางพยาบาลทำคลอดเป็นพยาน จันทรารู้ความลับนี้ แต่ก็อดเกลียดแรมไม่ได้ เพราะรู้สึกว่า แรมเป็นตัวแทนราศรี หนามทิ่มแทงใจตน

ญาติของจันทราป่วยและเสียชีวิตลง เมินช่วยจัดการจนละเลยการแจ้งความคนหาย จันทรารับชุติมา หวังโชค เด็กสาววัยสิบห้าที่เธออ้างว่าเป็นหลานมาอยู่ด้วย ทั้งที่ชุติมาคือ ลูกของจันทราซึ่งเกิดจากคนรักคนแรก แต่เพราะคนรักยักยอกเงินบริษัทมาแต่งงาน ทำให้ถูกจับและตายด้วยไข้มาลาเรียในคุก จันทราก็ไม่สนใจ ดูแลลูก และมองหาผู้ชายรวยๆหลายคน จนมาถึงเมิน ชุติมามาอยู่ในบ้านอย่างผู้อาศัย ไม่มีใครเคารพก็แค้นใจ อิจฉาริษยาทั้งเพ็ญประกาย และแรม

แรมมีความสุขที่อยู่บ้านธิดา จนกระทั่งเมินลงประกาศหนังสือพิมพ์หาแรม หาว่าแรมเป็นเด็กสติไม่ดี ธิดาจำใจส่งแรมคืน พิมปลอบใจไม่ให้แรมคิดมากว่าพ่อเกลียดตน แรมฝากธิดาลาคุณชาย ด้านจันทราไม่พอใจที่คุณมะลิคอยให้ท้ายแรม แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเมินเกรงใจพี่สาวคนนี้มาก

พินิจ คดีธรรม ทนายประจำตระกูลกมเลศคุยกับเมินเรื่องสัญญาของท่านชายธีรธำรง เมินเคยช่วยท่านไม่ให้ถูกเสือกัด สมัยที่เมินเป็นนายอำเภออยู่กาญจนบุรี ท่านชายจึงสัญญาว่าหากลูกเมินกับราศรีเป็นผู้หญิง จะให้ชื่อ มาหยารัศมี และเป็นคู่หมั้นคุณชายธิติรัตน์ จันทราส่งเพ็ญประกายมาต้อนรับหม่อมรัตนา เพราะหม่อมไม่รู้ว่าเมินมีภรรยาสองคน เมินอึดอัดใจที่ผิดสัญญา หม่อมรัตนาเอ็นดูเพ็ญประกายที่เรียบร้อย ขณะที่พินิจฯได้คุยกับแรม และสงสัยว่าใครคือมาหยารัศมีตัวจริง

หม่อมรัตนามอบกำไลฝังเพชรสลักอักษรมาหยารัศมีให้คุณชาย โดยไม่บอกอะไร แต่คุณชายไม่สนใจ เขาเดินทางไปอังกฤษด้วยความหวังที่จะกลับมาแต่งงานกับดุจแข คุณมะลิรู้เรื่องเมินส่งเพ็ญประกายไปแทนแรม คู่หมั้นที่แท้จริงของคุณชายก็ไม่พอใจและต่อว่าเมินว่า รักแต่ลูกตัว

เวลาผ่านไป แรมย่างเข้าสู่วัยสิบเจ็ดเป็นสาวสวย แต่ถูกจันทราบังคับให้แต่งตัวเหมือนคนใช้และทำงานอย่างหนัก แม้เพ็ญประกายจะให้เสื้อผ้าใหม่ จันทราก็ห้ามแรมใส่ แถมยังให้ท้ายชุติมากลั่นแกล้งแรม เพ็ญประกายสงสารแรมจึงต่อว่าชุติมา ทำให้ชุติมาแค้นมาก ยิ่งแม้นเทพที่เพิ่งได้ตำแหน่งร้อยโท ให้ความสำคัญกับแรม ชุติมาก็ยิ่งริษยา เพราะเธอหลงรักแม้นเทพอยู่

คุณชายธิติรัตน์กลายเป็นขี้เมา มั่วผู้หญิง เรียนไม่จบ เพราะดุจแขไปแต่งงานกับ นายสงคราม พิชิตชัย นักธุรกิจ หลังเขาไปเรียนต่อไม่กี่เดือน คุณชายกลับมาขอโทษหม่อมแม่ที่ทำตัวเหลวแหลกกว่าห้าปีเขายังเข็ดขยาด กับความรักและผู้หญิง หม่อมรัตนาไม่โกรธ และให้คุณชายช่วยงานบริษัทที่ครอบครัวมีหุ้น คุณชายสัญญาจะทำตามที่หม่อมรัตนาต้องการทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดที่ผ่านมา

ดุจแข พิชิตชัย ได้พบจารุณี เพื่อนเก่า จึงรู้เรื่องคุณชายทำตัวสำมะเลเทเมา ดุจแขรักคุณชายอยู่ แต่เธอหลงไปกับเงินทองที่สงครามปรนเปรอ ตอนนี้ เธอมีอิสระแล้ว เพราะสงครามเสียไปเมื่อสองปีก่อน ดุจแขหวังจะคืนดีกับคุณชาย จารุณียอมช่วยดุจแข โดยไม่รู้ว่า ช่วงที่ดุจแขเป็นภรรยาสงคราม เธอแอบเล่นชู้กับสรรชัย หลานชายของสงคราม และยังลอบคบกันอยู่ในปัจจุบัน

แรมถูกจันทราหาว่าขโมยเสื้อเพ็ญประกาย ทั้งที่เพ็ญประกายให้แรม แรมจึงเถียงและเดินเข้าหา จันทราแสร้งร้องว่าแรมจะทำร้ายตน แม้นเทพเห็นเหตุการณ์ก็สงสารแรม ขออนุญาตเมินพาแรมไปเปิดหูเปิดตา ด้านคุณมะลิมาพูดเรื่องมาหยารัศมีตัวจริง เมินย้ำว่าแรมไม่ใช่ลูกราศรีก็เป็นการโกหกเช่นกัน แม้นเทพรู้เรื่องแรมก็เห็นใจและรู้ใจตัวเองว่ารักแรมมากกว่าน้องสาว คุณมะลิไม่ขวางแต่ไม่มั่นใจว่าแรมจะรักแม้นเทพเกินกว่าพี่ชาย คุณชายรู้เรื่องคู่หมั้นที่ชื่อ มาหยารัศมีก็ตกลงจะแต่งงานตามประสงค์ของบิดา หม่อมรัตนาจึงพาคุณชายไปบ้านมณีกุล คุณชายชอบเพ็ญประกายที่อ่อนหวาน แต่ยังไม่คิดรัก แรมถูกห้ามขึ้นตึก แต่เธอก็ได้พบคุณชาย ทั้งคู่ยังไม่ทันพูดกัน ชุติมาก็มาขวาง ชุติมานั้นคิดจะแย่งคุณชายมาจากเพ็ญประกาย ผิดกับแรมที่ยินดีหากเพ็ญประกายกับคุณชายจะแต่งงานกัน

จารุณีพยายามนัดพบคุณชายให้ดุจแข คุณชายบ่ายเบี่ยงและบอกผ่านจารุณีว่าเขามีคู่หมั้นแล้ว แต่จารุณีก็นัดคุณชายมาพบดุจแขจนได้ ดุจแขใช้มารยาหญิงขอโทษคุณชาย และอธิบายว่า เธอแต่งงานเพื่อช่วยเหลือเรื่องการงานของพ่อ ซึ่งเป็นความจริงเพียงส่วนเดียว คุณชายอภัยให้ แต่รีบลาดุจแขกลับเพราะไม่อยากทำให้ แม่ผิดหวัง ดุจแขมั่นใจว่าจะดึงคุณชายกลับมาเป็นของตนได้

นายเจิม พี่ชายจันทราที่เพิ่งเลิกกับเมีย เพราะความเจ้าชู้ มาขออยู่กับจันทราชั่วคราว เขามองแรมอย่างเสือหิวและหวังจะได้แรมมาเป็นของตน คุณชายนำเรื่องที่พบแรมไปบอกธิดา ทำให้ธิดาดีใจมาก แต่คุณชายผิดหวังที่เมินกับจันทราไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิด เพราะจำเรื่องที่แรมเคยเล่าได้ คุณชายหาโอกาสพบแรมอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จันทราให้เมินกีดกันแรมให้อยู่ห่างจากคุณชาย เมินสงสารแรมเป็นครั้งแรกแต่ก็ขอให้แรมไปอยู่บ้านคุณมะลิเพื่อตัดปัญหา อ้างว่าแม้นเทพไปราชการ แรมควรไปอยู่เป็นเพื่อนป้า เขามอบเงินให้แรมติดตัว ทำให้แรมดีใจมาก จันทราแกล้งเอารถไปใช้วันที่แรมเดินทาง เพื่อบีบให้แรมกับพิมขึ้นแท็กซี่ แต่กลับเป็นโชคดีเมื่อคุณชายมาบ้านเมิน และอาสาไปส่ง เขาสัญญาจะพาแรมไปหาธิดา พิมกับคุณมะลิไม่ขัดขวาง เพราะรู้ว่าแท้จริงแล้ว แรมเป็นคู่หมั้นของคุณชาย

แรมมีความสุขมากเมื่อมาอยู่บ้านคุณมะลิ และคุณชายก็มารับเธอไปพบธิดาบ่อยๆ แรมจำอาหารทุกอย่างที่คุณชายชอบและพยายามทำให้เขาทาน คุณชายแวะมาหาแรมมากกว่าเพ็ญประกาย เขารู้ว่าเพ็ญประกายรักเขา แต่เขาก็มีความสุขมากกว่าเมื่ออยู่ใกล้แรม ด้านแม้นเทพกลับจากราชการรู้ว่าคุณชายสนิทกับแรมก็หึง ทั้งที่แรมแสดงออกชัดว่ายังไม่คิดเรื่องความรัก

วันหนึ่ง หม่อมรัตนาไปเจอกระดาษที่ท่านชายธีรธำรงเขียนว่า พ่อชื่อเมิน แม่ชื่อราศรี ลูกสาวก็ต้องชื่อมาหยารัศมี มาหยารัศมี มณีกุล ท่านจึงไปบอกคุณชาย คุณชายมั่นใจว่าคู่หมั้นที่แท้จริงของเขาคือ แรม เขาอยากช่วยแรมให้พ้นจากบ้านมณีกุล โดยไม่รู้ตัวว่าเริ่มรักแรมแล้ว แต่คุณชายยังไม่อยากให้เพ็ญประกายเสียใจจึงขอให้หม่อมแม่ชะลอการคุยกับบ้านมณีกุลก่อน หม่อมรัตนาดูออกว่าคุณชายชอบแรมก็ไม่ขัดขวาง และเห็นใจแรมตั้งแต่ยังไม่พบหน้า

แม้นเทพยอมรับกับแม่ว่ารักแรม แต่หากแรมรักคนอื่น เขาก็ยินดี ครั้งหนึ่งคุณชายขอให้แรมไว้ผมยาว และเรียกเธอว่ามาหยารัศมีของฉัน แรมรับปากและรู้สึกหวั่นไหวเป็นครั้งแรก แม้นเทพกับพิมรู้เรื่องนี้ก็รู้ว่า แรมกับคุณชายมีใจให้กัน แต่แม้นเทพกังวล เพราะกลัวคุณชายจะกลับไปหาดุจแขอีก เขายิ่งไม่พอใจเมื่อรู้ว่า คุณชายไปมาหาสู่ทั้งแรมและเพ็ญประกายเหมือนหว่านเสน่ห์ แต่คุณชายก็แสดงออกว่าแรมสำคัญที่สุด เขาจึงเบาใจ ส่วนพิมมั่นใจว่าคุณชายรู้เรื่องคู่หมั้นแล้วจึงไปบอกคุณมะลิ ทำให้คุณมะลิดีใจมาก คุณมะลิช่วยพูดให้แรมอยู่บ้านตนต่อ ทำให้คุณชายมีโอกาสพบแรมบ่อยขึ้น

ดุจแขพยายามติดต่อคุณชาย แต่คุณชายบ่ายเบี่ยง เพราะกลัวเผลอใจไปกับเสน่ห์ของ ดุจแข เขาย้ำกับตัวเองว่า แรมจะทำให้เขาลืมดุจแขได้ ธิดารู้เรื่องดุจแขกับคุณชายก็ไม่สบายใจไปบอกหม่อมรัตนา และเสนอให้เร่งงานแต่งขึ้นมา คุณชายรับรู้และตกลงแต่งงานโดยดี ดุจแขตัดสินใจมาหาคุณชายและใช้เล่ห์มายาจนคุณชายยอมไปส่งบ้าน แต่คุณชายยังไม่ยอมสนิทสนมกับเธอเหมือนเก่า

ด้านแรมกลับไปอยู่บ้านมณีกุลด้วยเครื่องแต่งกายใหม่ ทำให้จันทราหมั่นไส้ ใช้แรมทำงานหนักกว่าเดิม และสั่งห้ามแรมขึ้นมาบนตึก คุณชายมาหาแรมแต่ถูกกีดกัน จึงแอบมารอหลังบ้าน ชุติมาเห็นเลยไปฟ้องจันทรา จึงได้ยินที่หม่อมรัตนาคุยกับจันทราและเมินเรื่องแรมเป็นคู่หมั้นตัวจริงของคุณชาย ชุติมาไปบอกเพ็ญประกายให้ช้ำใจ เพ็ญประกายเสียใจมาก แต่ก็ยอมรับความจริง ด้านจันทราขู่เมินว่าหากคุณชายหมั้นกับแรม เธอจะพูดเรื่องแรมไม่ใช่ลูกของเมินกับราศรี

พินิจ คดีธรรมมากำหนดวันหมั้นและแต่งระหว่างคุณชายกับแรม จันทราโกรธมากวางแผนส่งแรมไปให้เจิม แต่ราศรีมาเข้าฝันเมิน จนเมินขัดขวางแผนการนี้ได้ เมินเห็นใจแรมมากขึ้น และผิดหวังในตัวจันทรา ด้านแม้นเทพรู้ว่าคุณชายจะแต่งงานกับแรมก็เสียใจมาก แต่พยายามทำใจ เมินบอกแรมเรื่องคุณชายคือคู่หมั้นของแรม และต้องการแต่งงานด้วย แรมดีใจมาก แต่ไม่กล้าแสดงออก

ขณะที่ คุณชายไปงานวันเกิดจารุณีและถูกเพื่อนมอมเหล้า จึงเผลอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ดุจแข แต่คุณชายกลับเรียกชื่อแรมตลอดเวลา ทำให้ดุจแขเสียใจมาก เธอแสร้งร้องไห้ ขอเป็นทาสรักคุณชาย โดยไม่เรียกร้อง คุณชายเห็นใจจึงยังคบดุจแข และบอกว่าแต่งงานกับแรมเพื่อพ่อกับแม่เท่านั้น

คุณชายไปพบเมินเพื่อคุยเรื่องแรมด้วยตัวเอง จันทราจึงเปิดเผยความจริงว่า แรมไม่ใช่ลูกของเมินกับราศรี ทำให้แรมที่อยู่ด้วยเสียใจมาก คุณชายสงสารจึงพาแรมไปพักกับธิดา และยืนยันจะแต่งงานกับแรม จันทราผิดหวังอย่างรุนแรงที่ทุกอย่างไม่เป็นตามแผน นางมีอาการทางจิตหนักถึงขั้นฟั่นเฟือน ขณะที่เพ็ญประกายพยายามแสดงออกปกติ แต่ในใจช้ำหนัก เมินกับพิมไปหาแรมที่บ้านธิดา เมินยืนยันว่ามองแรมเป็นลูกเสมอ ทำให้แรมซึ้งใจมาก หม่อมรัตนารู้เรื่องแรม แต่ไม่รังเกียจ ยิ่งมั่นใจว่าลูกชายรักแรมก็ยิ่งสบายใจ เพราะนางไม่อยากได้ดุจแข ซึ่งมีข่าวเป็นชู้กับหลานสามีมาเป็นภรรยา

ดุจแขขัดใจเมื่อคุณชายหายไป และห้ามไม่ให้เธอยุ่งกับแรม สรรชัยตัดพ้อดุจแขที่ไม่ยอมให้เขาใกล้ชิด และย้ำว่า สักวันดุจแขจะกลับมาหาเขาเหมือนที่เคยเข้าหาเมื่อครั้งยังเป็นภรรยาของสงคราม ด้านคุณชายไม่ไว้ใจความสัมพันธ์ระหว่างแม้นเทพกับแรม เพราะดูออกว่าแม้นเทพรักแรม ธิดาเชื่อว่าคุณชายหึงแรม แต่ปากแข็ง จึงเตือนให้เขาเชื่อใจแรม หลังงานหมั้นของแรม แม้นเทพเห็นคุณชายไปกับดุจแขก็ไม่พอใจ จึงมาพูดกับคุณชาย และพอใจที่คุณชายยืนยันว่าแรมสำคัญที่สุด

จันทราประสาทหลอนโวยวายว่าราศรีจะมาเอาเพ็ญประกายไปอยู่ด้วย เพื่อแก้แค้นที่ตนฆ่าลูกราศรี เมินได้ยินก็โกรธมากที่จันทราเป็นสาเหตุให้ลูกของราศรีตาย ชุติมาเห็นอาการแม่ที่ฟั่นเฟือนก็เริ่มสำนึกผิด กลับตัวเป็นคนดี เมินไม่รังเกียจชุติมา เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกอีกคนของจันทรา ขณะที่ เพ็ญประกายทำใจไปงานแต่งคุณชายไม่ได้ จึงตัดสินใจไปเที่ยวกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด

วันแต่งงานของคุณชายกับแรมจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่ทุกคนกลับได้รับข่าวร้ายว่า เพ็ญประกายประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ขณะที่จันทราเอาแต่คลั่ง แรมใจเสียเรื่องเพ็ญประกาย แถมยังได้ยินดุจแขพูดว่าตนกับคุณชายรักกัน และคุณชายแต่งงานเพื่อพ่อแม่เท่านั้น ทำให้แรมยิ่งเสียใจ คุณชายคิดว่าแรมไม่สบายใจเรื่องเพ็ญประกาย เลยให้พิมมานอนเป็นเพื่อน

รุ่งเช้า แรมรู้ว่าเพ็ญประกายเสียชีวิตแล้วก็เสียใจมาก เธอไปช่วยพ่อจัดงานศพและอยู่เป็นเพื่อนท่าน จันทราถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้า ชุติมาขอโทษแรมในเรื่องที่ผ่านมา และซึ้งใจที่แรมไม่โกรธเธอ แรมขอมาค้างคืนที่บ้านพ่อ คุณชายจึงไปหาความสุขกับดุจแข เพราะเหงาที่ไม่มีแรมอยู่ด้วย ดุจแขได้โอกาสมาโกหกแรมว่าท้องกับคุณชาย แรมจึงจะขอหย่า แม้นเทพรู้เรื่องดุจแขจากชุติมาก็ไปต่อว่าคุณชาย คุณชายมั่นใจว่าดุจแขไม่ได้ท้อง เพราะเธอเป็นหมัน เขาตามง้อแรม แต่ถูกแม้นเทพกีดกัน ทำให้คุณชายเข้าใจว่าแรมจะหย่าเพราะ ต้องการแต่งงานกับแม้นเทพ

ธิดา เกรียง และหม่อมรัตนารู้ว่าแรมกับคุณชายมีปัญหากันก็เข้าข้างแรม คุณชายสัญญาจะไม่ไปยุ่งกับดุจแขอีก หม่อมแม่จึงเปิดทางให้คุณชายง้อแรม คุณชายตัดสินใจไปตัดสัมพันธ์กับดุจแข จึงได้รู้ความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างดุจแขกับสรรชัย เขาเขียนจดหมายลาดุจแข ดุจแขยอมรับว่าตนไม่มีทางได้คุณชายกลับคืน จึงยอมจดทะเบียนสมรสกับสรรชัย ทำให้สรรชัยดีใจมาก

หม่อมเจ้าหญิงธาราพิไล หม่อมอาของคุณชาย เชิญคุณชายกับแรมมาร่วมสังสรรค์ที่วัง แรมได้รับการต้อนรับจากญาติของคุณชายอย่างดี โดยเฉพาะหม่อมอาที่มอบชุดมรกตใหญ่ให้แรมเป็นของขวัญ คืนนั้น แรมจำใจไปค้างที่วังกมเลศ คุณชายยอมรับว่าเผลอไผลไปกับดุจแข แต่เขารักแรม แรมไม่เชื่อ และประชดว่าจะแต่งงานกับแม้นเทพ คุณชายโมโหหึงจึงใช้กำลังข่มเหงแรม แรมคิดว่าคุณชายแค่ใช้สิทธิ์ความเป็นสามีจึงเสียใจมาก ตัดสินใจกลับบ้าน แต่เกิดอุบัติเหตุถูกรถชนเสียก่อน

แรมฟื้นขึ้นมาในบ้านสุดใจ ซึ่งขับรถชนเธอ สุดใจรู้ว่าแรมคือลูกราศรีกับเมินก็จำได้ เพราะเธอคือนางพยาบาลทำคลอดราศรี สุดใจนัดเมินมารับแรม พร้อมสารภาพความผิดที่จันทราจ้างเธอฆ่าลูกของราศรี ช่วงนั้น เธอขัดสนเงินจึงรับปาก แต่พอเห็นหน้าเด็กก็ฆ่าไม่ลง ซึ่งเด็กที่สุดใจบอกว่า มีคนนำมาทิ้งไว้แล้วขายต่อให้เมินนั้น แท้จริงก็คือ ลูกของเมินกับราศรีนั่นเอง เมินดีใจมากที่รู้ว่าแรม คือ ลูกของตนจริงๆ ไม่ใช่มาหยารัศมีจอมปลอม แรมขอบคุณสุดใจ ที่ทำให้เธอรู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง

คุณชายกระวนกระวายมากที่แรมหายไป จึงไปตามหาทุกที่ เมื่อรู้จากเมินว่าแรมอยู่ไหน เขาก็ ตามไปง้อและดูแลเธอ พร้อมกับบอกเรื่องดุจแขแต่งงานแล้ว และเขารักแรมเพียงคนเดียว แรมยอมให้อภัยคุณชาย เพราะเธอก็รักเขาเช่นกัน

ครึ่งปีต่อมา จันทรายังคงชดใช้กรรมที่ก่อไว้อยู่ในโรงพยาบาลบ้า ขณะที่ทุกคนพยายามเป็นแม่สื่อให้แม้นเทพกับชุติมารักกัน ส่วนแรมท้องลูกคนแรก ทำให้ทุกคนดีใจมาก โดยเฉพาะคุณชายธิติรัตน์ และนางมาหยารัศมี กมเลศ ผู้ครอบครองหัวใจเขาเพียงคนเดียว

ออกอากาศ : ละครหลังข่าว ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ 20.25 น. ทางช่อง 7 สี
บทประพันธ์ : บุษยมาส
บทโทรทัศน์ : ดารารุ่ง
กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร / กฤษฎากร มะลิวัลย์
ผู้ผลิต : ดารา วีดีโอ จำกัด
นำแสดงโดย :

ดาวิกา โฮร์เน่ >>> มาหยารัศมี /เดือนแรม
วงศกร ปรมัตถากร >>> มรว. ธิติรัตน์/คุณชาย
โตนนท์ วงบุญ >>> ร.ท.แม้นเทพ/พี่ต้อม
ป่านทอง บุญทอง >>> ชุติมา
กัญญา รัตนเพชร์ >>> ดุจแข
นัทธนันท์ กุมชพร >>> เพ็ญประกาย
ศุภมร โคร์นิน >>> สรรชัย
ปราณวรินทร์ ปามี >>> จารุณี
วสุ แสงสิงแก้ว >>> เมิน
มัณฑนา หิมะทองคำ >>> จันทรา
กชกร นิมากรณ์ >>> หม่อมรัตนา
สุดารัตน์ เดชากุล >>> ป้ามะลิ
พงษ์ประยูร ราชอาภัย >>> พินิจ คดีธรรม
พรรัมภา สุขได้พึ่ง >>> ธิดา
นพพล พิทักษ์โล่พานิช >>> นพ.เกรียง สรไกร
ปัทมา ปานทอง >>> ป้าพิม
อรุโณทัย จิตตรีขันธ์ >>> สุดใจ
ตระการ พันธุมเลิศรุจี >>> เจิม
สิรคุปต์ เมทะนี >>> สงคราม พิชิตชัย
พิพัฒน์พล โกมารทัต >>> เขต พงษ์ภักดิ์
จุฑาทิพย์ ครุธามาศ >>> ราศรี
ศุกล ศศิจุลกะ >>> หม่อมเจ้าธีรธำรง
เวนช์ ฟอลโคเนอร์ >>> ชำนิ
อิทธิกร สาธุธรรม >>> ศรัญย์
สิทธิพันธ์ กลมเกลี้ยง >>> วีระ
พรอนันต์ ศรีจันทร์ >>> ละเอียด
อนุทิน ปิ่นแก้ว >>> นายกล่ำ
สิริยา นฤนาท >>> นางจวน
ชนิตา สุภาพันธุ์ >>> แป้น
Read more »

ขุนศึก


ปฐมบทสงครามและความรัก ของนักรบชายชาญผู้หาญกล้า จารึกไว้ทั่วหล้าด้วยสรรพวิชาพิชัยยุทธ ณ ปี พ.ศ. ๒๑๒๗ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (ธนากร โปษยานนท์) ซึ่งในตอนนั้นยังดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราชวังหน้า ยังไม่ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ได้หลั่งอุทกธาราประกาศเอกราชให้ชาติไทยไม่ขึ้นต่อกรุงหงสาวดีอีกต่อไป ท่ามกลางเสียงโห่ร้องกึกก้องของกองทัพไทย และความดีใจของคนไทยที่ไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นอีกต่อไป เสมา (อธิชาติ ชุมนานนท์) ลูกชาย มั่น (สุเชาว์ พงษ์วิไล) ช่างตีเหล็ก ซึ่งปรารถนาจะใช้วิชาความรู้ในเชิงรบที่ได้ร่ำเรียนมารักษาแผ่นดินเกิดไว้มั่นเห็นลูกชายมีความตั้งใจจริง และฝีมือในเชิงรบโดยเฉพาะดาบสองมือก็ไม่เป็นสองรองใคร มั่นจึงพาเสมาไปฝากตัวเป็นลูกบุญธรรมของ พันอินทราช (สรพงศ์ ชาตรี) เพื่อนสนิทของมั่น

พันอินเห็นเสมามีหน่วยก้านดี และเป็นศิษย์เอกของ พระครูขุน (อิทธิฤทธิ์ สิงหรัตน์) ภิกษุแห่งวัดพุทไธสวรรย์ ซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพกองอาทมาตที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เลยพาเสมาไปฝากกับ ขุนรามเดชะ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เพื่อนและเจ้านายของพันอิน ซึ่งมีหน้าที่รับและฝึกสอนทหารใหม่ ขุนรามต้องการทดสอบฝีมือเสมา เลยให้ประลองดาบสองมือกับ ขัน (วรฤทธิ์ เฟื่องอารมณ์) หัวหน้าที่ฝีมือดีที่สุดแต่ขันประมาทเลยแพ้จึงทำให้ขันเจ็บใจว่าตนสู้เสมาไม่ได้ ขันเลยอิจฉาเสมา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เอง ทำให้เสมาได้เจอกับ เรไร (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) ลูกสาวคนสวยของขุนราม

ซึ่งเป็นนางข้าหลวงอยู่ในวังแต่กลับมาเยี่ยม ลำภู (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) มารดาที่ไม่สบายพอดี เสมาหลงรักเรไรตั้งแต่แรกพบ เช่นเดียวกับที่เรไรก็แอบชอบเสมาเช่นกันจนวันที่เสมาได้รับเครื่องแบบทหาร ทั้งคู่จึงได้เจอกันอีกครั้ง ในขณะที่เรไรกำลังเก็บดอกจำปีอยู่เสมาเก็บได้ เสมาขอดอกจำปีดอกนั้นเอาไว้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของตนซึ่งขันได้เข้ามาเห็นพอดี เลยรู้ว่าเรไรผู้หญิงที่ตนแอบชอบอยู่มีใจให้เสมา ทำให้ยิ่งริษยาเสมาหนักขึ้นแต่ สมบุญ (เกียรติกมล ล่าทา) ทาสของขุนรามซึ่งนับถือเสมาตั้งแต่วันที่ทดสอบดาบกับขัน ได้เอาแผนการของขันมาบอกเสมา เสมาโมโหเลยไปท้าดวลดาบกับขัน

ขุนรามกลับมาเห็นเข้าเลยไม่พอใจ เพราะการกระทำของเสมาเหมือนกับการกระด้างกระเดื่องกับผู้บังคับบัญชาขุนรามเลยสั่งจำคุกเสมาเอาไว้เพื่อเป็นการสั่งสอน เรไรสงสารเสมาเลยแอบมาเยี่ยม เสมาดีใจที่เรไรมีใจให้ตน เรไรบอกเสมาให้ขยันหมั่นเพียรสร้างเนื้อสร้างตัว ภายภาคหน้าจะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ไม่น้อยหน้าคนอื่น เสมารับปากและมีเรไรเป็นกำลังใจตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พอครบกำหนดโทษออกมา ก็เกิดศึกพระเจ้าเชียงใหม่ทัพมา ทำให้เสมาได้เข้าสู่สมรภูมิการรบเป็นครั้งแรก พอถึงเวลาไปศึก เรไรเป็นห่วงเสมากลัวจะเป็นอันตราย เลยถอดแหวนทองของตนมอบให้เสมาเพื่อเป็นกำลังใจ เสมาดีใจมากและสัญญาว่าจะเอาแหวนวงนี้กลับมา คืนให้เรไรให้ได้

ขุนศึก ศึกที่ 1 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ได้ให้ พระเจ้าเชียงใหม่ กับ พระยาพสิม ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวร กับ สมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ยกกองทัพเข้าต่อสู้ โดยเสมา ขัน สมบุญ ขุนราม อยู่ในกองทัพของ พระราชมนู แม่ทัพของสมเด็จพระนเรศวร เสมากับขันได้ท้าทายกัน ว่าใครจะตัดหัวขุนศึกฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่ากัน ขันแกล้งไม่ยกทัพเข้าช่วยเสมา ทำให้เสมาต้องถูกคู่ต่อสู้รุมตี แต่เสมาก็เอาตัวรอดพาทหารหักฝ่ามาได้ ในขณะที่ขันไปเจอกองทัพใหญ่ของคู่ต่อสู้ เลยถูกตีจนเกือบตาย เสมาพาทหารบุกเข้าไปช่วยขันกับลูกน้องออกมาได้ แถมยังตัดหัวขุนพลของข้าศึกได้อีกต่างหาก แต่เสมาไม่รู้ว่า ที่ต้องเอาผ้าโพกหัวของข้าศึกไปเป็นหลักฐานยืนยันความดีความชอบ ขันเลยเอาผ้าโพกหัวของขุนพลพม่ากลับไปรับความดีความชอบแทน

เสร็จศึก พระเจ้าเชียงใหม่พ่ายแพ้กลับไป เสมาได้กลับมาและเอาแหวนทองของเรไรมาคืน และตนจะพยายามก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโตให้ได้ เพื่อที่เรไรจะได้ไม่น้อยหน้าใคร เรไรปลื้มใจที่เสมารักตน โดยหลังจากศึกครั้งนี้เสมาขึ้นเป็นหัวหมู่โดยมีสมบุญเป็นศิษย์เอกคอยฝึกหัดทหาร แต่ขันได้ตำแหน่งเป็น พันฤทธิ์รณรบ และได้ย้ายสังกัดไปอยู่ที่ดีขึ้น แต่ขันก็ยังริษยาเสมาอยู่ตลอด เลยวางแผนจีบ จำเรียง น้องสาวของเสมา จำเรียงหลงขันมากและยิ่ง บุญเรือน แม่ของตนเห็นดีเห็นงามด้วย ขันก็ยิ่งได้ใจ กลั่นแกล้งเสมาตลอดแถมยังเอาเรื่องที่เสมาจีบเรไรไปนินทา จนเสมาเป็นตัวตลกเหมือนหมาวัดที่คิดหมายปองดอกฟ้า

ขุนศึก ศึกที่ 2 พระเจ้าหงสาวดีทรงกริ้วที่พระเจ้าเชียงใหม่รบแพ้ เลยให้รบแก้ตัว โดยครั้งนี้เป็นศึกใหญ่เพราะพระเจ้าเชียงใหม่ยกทัพมานับแสน สมเด็จพระนเรศวรเลยรับสั่งให้เกณฑ์คนจากหัวเมืองเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยรับศึก เสมาเลยสมัครเข้าเป็นทหารหัวเมืองช่วยรบ จนมีความดีความชอบได้อภัยโทษเก่า และได้ตำแหน่งเป็น หมื่นศึกอาสา แถมได้เจอกับ สิน ซึ่งได้กลายเป็นลูกน้องคู่ใจอีกคนเสมากลับมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็ได้รู้ว่าขันกลับไปจีบเรไรอีกครั้ง โดยทิ้งจำเรียงน้องสาวตน เพราะดูถูกที่ครอบครัวตนยากจน เสมาห่วงกลัวเรไรจะเปลี่ยนใจ เลยแอบลอบพบเรไร เสมาปลื้มใจที่รู้ว่าเรไรยังคงรักตนไม่เปลี่ยนแปลง เลยตั้งใจจะหาทางก้าวหน้าในราชการเพื่อยกฐานะให้เทียมหน้าเทียมตาเรไรให้ได้

แต่เรื่องนี้รู้เข้าถึงหูขุนราม ทำให้ขุนรามไม่พอใจแถมยังได้ลูกยุจากขัน พุฒ อีกขุนรามเลยยิ่งรังเกียจเสมาและกลัวว่าถ้าเสมาเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมาแล้วจะล้างแค้นตน เสมามีแต่ตำแหน่งอย่างเดียว และจะได้เงินก็ต่อเมื่อออกรบเท่านั้น (ประมาณทหารรับจ้าง) ขุนรามชอบขันเพราะบ้านขันร่ำรวยมาก แถมขัน พุฒ ยังช่วยกันประจบทั้งขุนราม เสมาเลยต้องไปตีเหล็กหาเงินใช้ ทำให้ได้เจอกับ เอื้อยแตงเพื่อนสมัยเด็ก ทั้งคู่สนิทกันมาก แถมเอื้อยแตง ยังแอบชอบเสมา เลยมีคนเอาไปนินทา ทำให้ เรไรเข้าใจผิดคิดว่าเสมานอกใจ จนทั้งคู่ทะเลาะกัน ในขณะที่พุฒเห็นบัวเผื่อน ก็เลยจีบเพื่อหวังจะใช้บัวเผื่อนเป็นเครื่องมือในการยุแยงเรไรให้โกรธกับเสมาเสมาตามมาง้อเรไรที่บ้าน แต่บัวเผื่อนแอบเห็นเข้าเลยฟ้องขุนราม ขุนรามโกรธมากเลยไล่เสมาออกจากบ้านแล้วจับเรไรล่ามโซ่ขังไว้เป็นการลงโทษ (สมัยก่อน ถ้าผู้หญิงผู้ชายทำผิดประเพณีถือเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ว่าจะไม่มีอะไรเสียหายก็ตาม) เสมาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก แต่เกิดศึกใหญ่เข้ามาประชิดพระนครซะก่อน เรื่องวุ่นวายทั้งหมดเลยต้องพักเอาไว้ก่อน

ขุนศึก ศึกที่ 3 พระเจ้าหงสาวดีทรงพิโรธมากที่รบแพ้ไทยถึงสองครั้ง เลยกรีธาทัพใหญ่เป็นทัพกษัตริย์ มีรี้พลถึงห้าแสนมาบุกเข้าตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรเห็นเป็นศึกใหญ่มาก สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้ส่งทัพออกตีค่ายทุกวัน โดยรบแบบกองโจร โดยออกรบปล้นค่ายด้วยพระองค์เองแม้จะถูกอาวุธบาดเจ็บหลายครั้งก็ไม่ทรงหวาดเกรง ทำให้ทัพไทยมีขวัญดีเยี่ยม เสมาเองก็เข้าตีค่ายหลายครั้งจนมีความดีความชอบมากมาย จนในที่สุดทัพหงสาวดีก็ต้องแตกพ่ายไป เสมาได้เลื่อนยศเป็น ขุนศึกอาสา แต่ยังคงไม่มีเงินเหมือนเดิม แถมยังโดนขันกลั่นแกล้ง จนครอบครัวตนต้องติดหนี้ และถูกบีบเอาจำเรียงไปเป็นทาส เสมาเจ็บใจมาก พยายามหาเงินมาใช้หนี้ก็ยังได้เงินไม่มากนัก ในขณะที่เรไรได้รับการปล่อยตัวออกมา พ่อแม่ของเรไรเลยยิ่งอยากจะยกเรไรให้ขันมากขึ้น

แต่เรไรไม่ยอมเพราะตนรักเสมา ขุนรามโกรธลูกมาก ลำภูเองก็กลุ้มใจจนไม่สบาย เรไรเลยยิ่งรู้สึกผิดเหมือนตนเป็นลูกอกกตัญญู เสมารู้ข่าว เรไรเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ขุนรามจับได้ว่าเสมาลอบมาพบเรไร เลยกะเกณฑ์คนจะทำร้ายเสมา เรไรไม่อยากให้พ่อกับชายคนรักต้องสู้กัน เลยขอร้องพ่อและรับปากว่าจะทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง เพื่อไม่ให้มีเรื่องกัน ขันฉวยโอกาสช่วงนี้จะขอหมั้นเรไรไว้ แต่พอเสมารู้ข่าวก็แอบทำลายพิธีหมั้นด้วยการเผาเรือนขุนรามจนเสียฤกษ์ แต่ขันเจ็บใจมากที่ไม่ได้หมั้นและยังโดนหักหน้า เลยวางแผนจะรวบหัวรวบหางจำเรียงเป็นเมียน้อยเพื่อแก้แค้นเสมา เสมารู้ข่าวเข้าเลยแอบขึ้นเรือนขันตอนกลางคืนเพื่อช่วยจำเรียงออกมา แต่จังหวะชุลมุน เสมาเลยหลงเข้าห้อง ดวงแข น้องสาวคนสวยของขัน เสมาเจ็บใจขันเลยแกล้งลวนลามดวงแขเพื่อแก้แค้น ทำให้ดวงแขทั้งรักทั้งเสมาตั้งแต่บัดนั้น

ขุนศึก ศึกที่ 4 พระมหาธรรมราชา พระราชบิดาของสมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคต สมเด็จพระนเรศวรเลย ขึ้นครองราชย์ โดยให้สมเด็จพระเอกาทศรถขึ้นเป็นพระมหาอุปราชวังหน้า พระเจ้าหงสาวดีเห็นไทยกำลังผลัดแผ่นดิน เลยรับสั่งให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีไทยอีกครั้ง และในการรบครั้งนี้เอง สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้หลงเข้าไปในกองทัพพม่า จนเกิดการ “ยุทธหัตถี” ขึ้น สมเด็จพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ทำให้กองทัพไทยได้รับชัยชนะอย่างงดงาม รวมทั้งเสมาที่ได้ตามช้างของสมเด็จพระนเรศรวรด้วย จนได้ความดีความชอบเป็น หลวงโจมจัตุรงค์ขุนรามกลับจากศึก โดยได้รับความช่วยเหลือจากขัน พุฒ ทำให้รอดชีวิตมาได้ เลยยิ่งไว้ใจ ขัน พุฒมากขึ้น ไม่ว่าทั้งคู่จะพูดอะไรก็เชื่อตลอด โดยขันใส่ร้ายเสมาว่าการที่พวกตนต้องโดนโทษ น่าจะเป็นเพราะเสมาไปเป่าหูขุนนางผู้ใหญ่เพื่อล้างแค้น ขุนรามเลยผูกใจเจ็บ เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ลูกเมียฟัง เรไรกำลังหึงหวงเสมาก็เลยพลอยเชื่อไปด้วย จนถึงกับยอมรับปากจะหมั้นและแต่งงานกับขันแต่โดยดี ทำให้เสมาเสียใจสุดๆ เสมาลอบมาพบเรไรและทะเลาะกันรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เสมาเสียสมาธิจนทำการรบผิดพลาดเกือบเอาชีวิตไม่รอด

ขุนศึก ศึกที่ 5 สมเด็จพระนเรศวรทรงแค้นเคืองเมืองละแวกที่ชอบทำร้ายไทยลับหลังเลยให้พระราชมนูยกทัพ ไปตีเมืองละแวก โดยมีเสมาเป็นรองแม่ทัพแต่เพราะเรื่องเรไร เสมาเลยเสียสมาธิ ไม่รอบคอบ และทำให้ทัพไทยพ่ายแพ้ สมเด็จพระนเรศวรพิโรธมาก สั่งประหารพระราชมนูและเสมา แต่สมเด็จพระเอกาทศรถทูลขอไว้พระราชมนูเลยได้ไปตีเมืองปัตบอง (พระตะบอง) และเมืองโพธิสัตว์เป็นการแก้ตัว ส่วนเสมาโดนถอดยศริบทรัพย์และส่งไปเป็น ตะพุ่นหญ้าช้าง ชีวิตตกต่ำสุดๆ แถมเรไรยังหมั้นกับขันซึ่งตอนนี้ได้ยศเป็น หมื่นชาญณรงค์ พุฒเป็น หมื่นทรงเดชะ ขุนรามเป็น หลวงรามเดชะ รุ่งเรืองขึ้นกว่าเดิมเสมามางานหมั้นด้วยใจที่เจ็บปวด และเอาพานใส่ดอกจำปีมาให้เป็นของขวัญ เรไรเห็นดอกจำปี ก็รำลึกความหลัง จนร้องไห้เสียใจ แต่ต้องหักใจ เสมากลับไปเกี่ยวหญ้าให้ช้างกินตามหน้าที่ต่อไป แต่เพราะเรื่องนี้เอง ทำให้เสมาเจอคนมากขึ้นจนเข้าใจระเบียบการรับราชการ เลยรู้ว่าที่ตน ไม่มีเงินซักทีเพราะขุนรามกลั่นแกล้งนี่เองแถมเรื่องที่เสมาเที่ยวไปเจ้าชู้ก็ยังเป็นที่โจษจันไปทั่ว เพราะขัน พุฒ เที่ยวไปใส่ไฟ จนไม่มีใครรับเสมาเข้ากรมกองจนกระทั่งเสมาได้พบกับ พันจิตรเสน่หา นายทหารรับใช้ประจำวังจันทร์เกษมของสมเด็จพระเอกกาทศรถ เสมาเลยรู้ว่าจะมีการประลองหน้าพระที่นั่งเพื่อคัดคนเข้าเป็นทหารประจำวัง เสมาเลยเข้าประลองด้วย โดยได้สู้กับ ขุนจำนงรักษา ยอดฝีมือเพลงทวนประจำวัง แต่เสมาก็ใช้เพลงทวนเอาชนะ ขุนจำนงได้ จนมีโอกาสร่วมทัพไปต่อสู้เพื่อไถ่โทษ

ขุนศึก ศึกที่ 6 หลังจากพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ หัวเมืองต่างๆที่เคยขึ้นกับหงสาวดีก็กระด้างกระเดื่องเพราะเห็นว่าหงสาวดีไม่มีน้ำยาแล้ว ไม่สามารถเอาชนะไทยได้ ทำให้พระเจ้าหงสาวดีต้องส่งทัพไปปราบปรามจนขาดแคลนคน จึงรับสั่งให้ พระเจ้าแปร ไปกะเกณฑ์ผู้คนตามหัวเมืองมาเป็นกำลัง พระเจ้าแปรไปจัดการตามรับสั่ง แต่เกิดรบกับทัพไทยที่เฝ้ารักษาชายแดนและเอาชนะได้อย่างง่ายดาย จนฮึกเหิมยกทัพบุกเข้ามามากขึ้น ทำให้สมเด็จพระนเรศวรต้องทรงออกรบในขณะที่สองทัพประจันหน้ากัน สมิงมะตะเบิด ทหารเอกพระเจ้าแปรได้ออกมาท้ารบทหารกรุงศรีฯ แต่ทัพอยุธยาไม่มีใครสามารถสู้สมิงมะตะเบิดได้ซักคน เสมาเลยออกรบ ทั้งรบบนหลังม้าด้วยเพลงทวน และลงมารบพื้นราบด้วยดาบสองมือ จนสามารถตัดคอสมิงมะตะเบิดได้สำเร็จ ทำให้กองทัพไทยมีกำลังขวัญ บุกตะลุยทัพแปรจนแตกพ่ายไป

เสมามีความดีความชอบมาก ได้พ้นโทษและได้ยศเป็น ขุนแสนศึกพ่าย รับใช้สมเด็จพระเอกาทศรถ ทำให้เสมามั่งมีร่ำรวยขึ้นมากจนใช้หนี้ขันได้หมด ในขณะที่พวกขันเริ่มแตกคอกัน เพราะพุฒซึ่งหลงรักดวงแขอยู่ แต่ดวงแขไม่เล่นด้วย ทำให้พุฒผูกใจเจ็บหาว่าขันไม่ยอมช่วยเหลือ ส่วนขันก็เร่งรัดจะแต่งงานกับเรไร แต่ก็เกิดเหตุ ขุนรามป่วยจนเลื่อนไป ทำให้ขันเริ่มระแวงว่าขุนรามเดชะจะไม่อยากได้ตนเป็นเขยเพราะเห็นเสมาร่ำรวยขึ้น จนทั้งสามคนเริ่มมึนตึงใส่กันในขณะที่เรไรรู้เรื่องจากบัวเผื่อนและพันอินว่าเข้าใจเสมาผิดไป และในการรบครั้งล่าสุด เสมายังช่วยชีวิตพ่อของตนด้วย แต่ขุนราม มีทิฐิเลยไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เรไรเลยปรับความเข้าใจกับเสมาได้สำเร็จ แต่เมื่อพ่อแม่รับปากขันแล้ว ตนก็เลยไม่สามารถถอนหมั้นขันได้ เสมาเองก็เข้าใจเลยได้แต่บอกตัวเองว่าตนกับเรไรคงสิ้นวาสนากันแต่เพียงเท่านี้ และพยายามหักใจจากเรไร

ขุนศึก ศึกที่ 7 สมเด็จพระนเรศวรต้องการแก้แค้นเมืองละแวก เลยรับสั่งให้พระราชมนูกับเสมาที่เคยพ่ายศึกเมืองละแวก ทำการยกไปตีแก้ตัว ทั้งคู่สามารถตีเมืองละแวกและจับตัวพระยาละแวกมาถวายสมเด็จพระนเรศวรได้สำเร็จ ทำให้พระราชมนูก็เป็นเจ้าพระยามหาเสนาบดี สมุหพระกลาโหมคุมอำนาจสูงสุดในหัวเมืองฝ่ายเหนือ แต่ยังไม่ทันที่จะยกทัพกลับ ก็เกิดศึกขึ้นที่เมืองตะนาวศรีตามมาทันที

ขุนศึก ศึกที่ 8 พระยาศรีไสยณรงค์ที่ถูกส่งไปปกครองเมืองตะนาวศรีเป็นกบฏขึ้น สมเด็จพระเอกาทศรถเลย ยกทัพไปปราบโดยมีเสมาเป็นทัพหน้า เสมาเลยได้เลื่อนเป็น จมื่นแสนศึกสะท้าน องครักษ์ประจำพระองค์ ทำให้ชีวิตของเสมาดีกว่าเดิมมาก แถมสังกัดสมเด็จพระเอกาทศรถโดยตรง ไม่ต้องมีมูลนายอื่นทำให้มีศักดินามากมายกว่าขุนราม ซึ่งตอนนี้เป็น พระรามเดชะ และมีเงินมากกว่าขันที่เป็น ขุนณรงค์วิชิต หรือพุฒที่เป็น ขุนวิเศษสรไกรต่อมาขันได้เลื่อนเป็น หลวงณรงค์วิชิต พุฒเป็น หลวงวิเศษสรไกร ทำให้ทั้งคู่หลงตัวเอง ไม่ยำเกรงขุนรามเหมือนแต่ก่อน ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนเลวร้ายลงไปอีก ต่างกับเสมาที่รอบคอบสุขุม ไม่บุ่มบ่ามเถียงคำไม่ตกฟากเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นอย่างดี

ขุนศึก ศึกที่ 9 สมเด็จพระนเรศวรมีพระราชดำริจะตีกรุงหงสาวดีคืนบ้าง เพราะตอนนี้กรุงหงสาวดี ไม่เป็นปึกแผ่น แตกแยกกันไปหมด เลยจะยกทัพบุกกรุงหงสาวดีเพื่อเป็นพระเกียรติยศ พระเจ้าตองอูได้ข่าว เลยแกล้งทำเป็นสวามิภักดิ์อยุธยา แล้วเข้าไปจับตัวพระเจ้า หงสาวดีมาที่ตองอูรวมทั้งขนสมบัติ ไพร่พลราษฎรมากมายมาด้วย แล้วเผาหงสาวดีจนราบเป็นหน้ากลอง กว่าสมเด็จพระนเรศวรจะเสด็จไปถึงก็ไม่เหลืออะไรแล้ว ทำให้สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธมาก เพราะตั้งใจจะทำศึกเพื่อเป็นพระเกียรติยศสืบไป แต่พระเจ้าตองอูกลับใช้อุบายหลอกพระองค์แล้วยังเผาเมืองทิ้งอีกสมเด็จพระนเรศวรเลยสั่งทัพไปบุกตองอูแทน ประกอบกับ ทัพไทยไม่ได้เตรียมเสบียงมาเผื่อตีตองอู เสบียงเลยขัดสนทำให้เสียหายหนักจนต้องยกทัพกลับ และศึกครั้งนี้เอง ที่ขัน พุฒ ทำงานผิดพลาดจนถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตรงข้ามกับเสมาที่ได้ขึ้นเป็น พระยามหาสงคราม ขันได้ก่อเรื่องอีกหลายอย่างแถมยังทำร้ายพี่ชายของขุนรามเดชะเพราะความโกรธด้วย ขุนรามเลยถอนหมั้นขันกับเรไรซะ เสมาเลยได้โอกาสทูลขอเรไรจากสมเด็จพระเอกาทศรถ ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกันสมกับที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมานาน

หลังจากแต่งงานไม่นาน พันอินทราชซึ่งตอนนี้เป็น หลวงพิมานมงคล ได้เสียชีวิตลงและฝากฝังให้เสมาดูแลศรีเมืองแทนตนด้วย เรไรเลยอนุญาตให้เสมารับศรีเมืองไว้เป็นภรรยาน้อยได้ ส่วนขันกับพุฒก็ทะเลาะกันรุนแรง เพราะพุฒใช้เส้นน้าชายไปสังกัดกรมกองใหม่โดยไม่บอกขัน แม่ของขันทนสงสารลูกไม่ได้ เลยไปขอให้เสมาช่วย เสมาลืมเรื่องเก่าๆ ทำให้ขันซึ้งใจ ยอมรับผิดและทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกันผ่านมาอีกไม่กี่ปี สมเด็จพระนเรศวรทรงเสด็จสวรรคต ทำให้สมเด็จพระเอกาทศรถขึ้นครองราชย์ เสมา ได้เลื่อนเป็น พระยารามจัตุรงค์ มีชีวิตความเป็นอยู่รุ่งเรืองสุขสบายอยู่หลายปี จนสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จสวรรคต เสมาจึงต้องออกจากราชการเพราะ เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ กษัตริย์พระองค์ใหม่ไม่ทรงโปรด แต่ถึงอย่างงั้น เสมาก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง จนซึ้งถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และรู้ว่าคนเราในขณะที่มี ชีวิตอยู่ ควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด โดยมีความกตัญญูกตเวทีเป็นที่ตั้งของชีวิต

ละครขุนศึก เรื่องย่อละครขุนศึก
บทประพันธ์ : ไม้เมืองเดิม – สุมทุม บุญเกื้อ
บทโทรทัศน์ : เอกลิขิต
กำกับการแสดง : อดุลย์ บุญบุตร
ออกอากาศ : จันทร์-อังคาร เวลา 20.30 ทาง ช่อง 3

นำแสดงโดย

อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ รับบท เสมา ในละครขุนศึก
พลอย เฌอมาลย์ รับบท ในละครขุนศึก
เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา รับบท ในละครขุนศึก
ตุ้ย เกียรติกมล ลาท่า รับบท ในละครขุนศึก
ร่วมด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง
Read more »

เกิดเป็นหงส์


หม่อมราชวงศ์มานศรีโสภาคย์ กฤตยา ผู้มีชีวิตพรั่งพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและเชื้อสายขัตติยะ ธิดาของ หม่อมเจ้า อมรเทพ กฤตยา เจ้าของวังกฤตยา ผู้ถ่ายทอดความหยิ่งทะนง รักในศักดิ์และศรีให้แก่ลูกสาว และ หม่อมสรัสวดี สาวสามัญชน ผู้ทะเยอทะยานและใฝ่สูง ซึ่งได้พยายามลบภาพความเป็นอีกาของตัวเองตั้งแต่ได้เป็นหม่อม….กำลังจะเข้าพิธีหมั้นกับ เสกสรรค์ เชาวพงศ์ เพื่อนสนิทของ ม.ร.ว.คำรณฤทธี พี่ชาย โดยมี ร.ม.ต. เสกสิทธิ์ และ คุณหญิงพันทิพา พ่อและแม่ของเสกสรรค์ร่วมพิธีด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับราชนิกูลเก่าแก่ ซึ่งถือเป็นการเสริมภาพพจน์ในวงสังคม

….แต่แล้วเหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง….หม่อมเจ้าอมรเทพ ประสบปัญหาทำธุรกิจล้มเหลว เจ้าหนี้ตามมาทวงหนี้กลางพิธี…ถึงขั้นล้มละลาย…คุณหญิงพันทิพาประกาศถอนหมั้นทันที เพราะไม่ต้องการรับผิดชอบครอบครัวผู้ดีตกยาก!!

ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง….ณ คฤหาสถ์ใหญ่ของอาณาจักร “ทิวเทพมิตร” อาณาจักรไร่อ้อยและโรงงานผลิตน้ำตาลทรายรายใหญ่ของประเทศ….ทิว บรรณา ต้องช็อก และหัวใจสลายเมื่อพบว่า ขวัญตา คนรักของตนตกเป็นเมียอีกคนหนึ่งของ เทพ…..ผู้ที่มีศักดิ์เป็นอา อดีตหุ้นส่วนของพ่อ ที่ได้ครอบครองธุรกิจเกือบทั้งหมด และคฤหาสถ์แห่งนี้ตามพินัยกรรมที่พ่อของทิวได้เขียนเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ยกเว้นหุ้นส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ที่พ่อโอนให้เป็นชื่อของทิวไว้ก่อนแล้ว….ทิวไม่เคยเชื่อข้อความในพินัยกรรม แต่ไม่อาจต่อต้านอะไรได้ เทพกลายเป็นเจ้าของเกือบทุกอย่างที่เคยเป็นของทิวและครอบครัว…..แม้แต่พี่สาวทั้งสองคนของทิว คือ พวงทอง และผ่องทิพย์ ก็ตกเป็นเมียของเทพในเวลาต่อมา…ทิวเคยเสียใจไปแล้ว ที่พี่น้องต้องมาใช้สามีคนเดียวกัน โดยไม่รู้สึกผิด

แต่ทิวไม่รู้ว่า….พวงทอง พี่สาวคนโตของทิว ไม่ได้หลงไหลได้ปลื้มไปกับเทพ แต่เธอถูกข่มขืนและไม่กล้าบอกความจริงกับใคร เพราะถูกเทพขู่เอาไว้ ผิดกับผ่องทิพย์ที่ยินยอมพร้อมใจตกเป็นของเทพ เพราะหลงใหลในรูปลักษณ์และคารมของเทพ พวงทองเก็บงำความต้องการที่แท้จริงไว้ภายใต้รอยยิ้มและใบหน้าที่เรียบเฉย ใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านคอยดูแลคฤหาสถ์ แต่เฝ้าสังเกตและแกะรอยตามหา…สิ่งที่จะมาช่วยคลี่คลายความจริง และเมื่อถึงวันนั้น ทิวจะได้เลิกโกรธและสงสัยในตัวเธอ ความเป็นพี่น้องจะกลับมาเหมือนเดิม

มาครั้งนี้ ทิวเสียใจจนแทบกระอักเป็นเลือดที่ ขวัญตา คนรักของตัวเอง หลงไหลไปกับเสน่หาของเทพอีกคน โดยที่ทิวไม่เคยระแคะระคายเลย…..เทพคือเทพบุตรในสายตาของทุกคน มีแต่ทิวเท่านั้นที่มั่นใจว่า เทพคือซาตาน…ทิวแค้นใจ รอวันฉีกหน้ากากของเทพ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ !!!!

ทิวขับรถออกไปจากไร่อ้อย ไม่มีใครรู้ว่าทิวไปไหน คิดว่า..ทิวคงขับไปด้วยอารมณ์เตลิด มีเพียง นายเข้ม ลูกน้องคนสนิทเท่านั้นที่รู้ว่า ทิวต้องการจับผิดการขนส่งน้ำตาลล็อตนี้ ว่าอาจจะมีการเปลี่ยนถ่ายหรือปลอมปน ทำให้น้ำตาลไม่ได้มาตรฐานเมื่อถึงมือลูกค้าเหมือนล็อตที่ผ่านมา ทิวอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!!!!! เทพอาจจะอยู่เบื้องหลัง…เพื่อหาทางโยนความผิดให้กับทิว เป็นการกดกันให้ทิวออกไปจากอาณาจักร เพราะการทำงานที่ผิดพลาด

หญิงมานเสียใจที่ถูกดูถูกจนเสียหน้าได้รับความอับอาย หนีไปจากสถานการณ์ตึงเครียด ไม่อยากพบหน้าผู้คน…แต่กลับต้องเจอคนแบบที่หญิงมานเรียกว่า “ซาตาน” เมื่อหญิงมานขับรถในขณะที่ร้องไห้เสียใจเสียสติไปชนเข้ากับรถของ ทิว

หญิงมาน รู้สึกว่า ทิว มีหน้าตาและท่าทางไม่เป็นมิตร จึงพูดจาดูถูกจาบจ้วง ยิ่งทำให้ทิวมองผู้หญิงสวยในแง่ร้ายมากยิ่งขึ้น ทิวผละจากหญิงมานไปด้วยความรู้สึกชิงชัง หญิงมานเองก็ชิงชังในความกักขฬะของทิวไม่น้อยไปกว่ากัน

เสกสรรค์พยายามตามง้องอนหญิงมาน บวกกับการถูกคุณหญิงพันทิพามาทวงคืนแหวนถึงในวัง เสกสรรค์ไม่กล้าขัดขืนความต้องการของแม่ ทำให้หญิงมานตัดสินใจ จะไม่ขอดองกับครอบครัวของเสกสรรค์อีกเด็ดขาด เพราะศักดิ์ศรีของความเป็นกฤตยาค้ำคอหญิงมาน ทำให้ไม่ยอมใจอ่อนต่อเสกสรรค์ ถึงแม้นจะรักมากเพียงใด…..หญิงมานเสียใจหนัก แต่ด้วยความขัตติยะมานะเมื่อเห็นบิดาและพี่ชายพยายามจะหาเงินมาพยุงธุรกิจ หญิงมานจึงตัดใจจากความเศร้า เดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป

หม่อมเจ้าอมรเทพดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อรักษาวังกฤตยา หลังจากที่รู้ว่าหม่อมสรัสวดีเอาวังไปจำนองกับ อรอนงค์และนพดล….เพื่อนของ พลเอกหม่อมเจ้าพหล และหม่อมรัชนิกร ท่านลุงท่านป้าของหญิงมาน หม่อมเจ้าอมรเทพตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่า….วันเดินทางคือวันเกิดของหญิงมาน…..ที่หม่อมสรัสวดีจงใจจัดงานเชิญแขกเหรื่อที่มีหน้าตาในวงสังคม แต่แฝงนัยยะสำคัญที่ใครๆก็รู้ว่า เป็นการเปิดตัวหญิงมานใหม่อีกครั้ง ให้กับผู้ชายที่เหมาะสม…แต่นัยยะแฝงที่ลึกกว่านั้น…หม่อมสรัสวดีต้องการให้บรรดาเศรษฐีใหม่มาชมวังกฤติยา หากใครสนใจและให้ราคาสูง ก็พร้อมขายเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้และไว้ให้ท่านชายได้เป็นทุนทำธุรกิจ…และในงานนี้เองที่ทำให้เทพได้พบกับหญิงมาน…คนที่เหมาะสมมาครองตำแหน่งภรรยาที่ถูกตามกฎหมายของเทพ ไม่ใช่พวงทอง ผ่องทิพย์ หรือขวัญตา ที่เทพจัดวางไว้แค่เพียง….เครื่องมือบำบัดอารมณ์ชั่วครั้งชั่วคราว และเพื่อบีบคั้นให้ทิวยอมขายหุ้นของตัวเองให้เทพ!!!!!!

และทิวเองก็พอจะได้กลิ่นความต้องการตัวหญิงมานของเทพ….!!!!!

การเป่าเค้กกำลังจะเริ่ม….แต่เหมือนฟ้าฟาดลงกลางใจ ของขวัญวันเกิดที่หญิงมานจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต…ไม่ใช่เครื่องเพชรอันล้ำค่า หากแต่เป็น….ข่าวการเสียชีวิตของท่านพ่อจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก!!!!!

แล้ววังกฤตยาก็เปลี่ยนถ่ายตกไปอยู่ในมือของเทพ ที่เสนอให้ราคาจำนองที่สูงลิ่วกับหม่อมสรัสวดี…แทนนพดล เพราะเทพหวังจะใช้ฐานะการเป็นลูกหนี้ของหม่อมสรัสวดีเป็นเครื่องมือบีบให้ได้ตัวของหญิงมานทางอ้อม…..เทพเสนองานให้หญิงมานไปเป็นเลขาฯตัวเองที่อาณาจักรทิวเทพมิตร อ้างว่าเป็นการยื่นมือช่วยเหลือให้หญิงมาน ได้มีเงินมาช่วยคุณชายคำรณฤทธีกอบกู้กิจการที่ท่านชายอมรเทพทิ้งภาระเอาไว้ หม่อมสรัสวดีรีบตอบตกลง เพราะเห็นทางที่จะผลักดันอนาคตนายหญิงของอาณาจักรทิวเทพมิตรให้กับหญิงมาน แต่หม่อมสรัสวดีไม่ได้บอกความตั้งใจข้อนี้ให้ใครรู้….ขัตติยะนารีอย่างหญิงมานย่อมไม่ยอมรับข้อตกลงหากรู้ความจริง หญิงมานจึงเดินทางไปทำงานที่อาณาจักรทิวเทพมิตร โดยไม่รู้ว่าเจ้าหนี้ของแม่คือเทพ แต่เข้าใจว่า เทพคือ ผู้หวังดีต่อครอบครัวที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ

หญิงมานยินยอมมาอยู่ที่คฤหาสถ์ มี พิไลพร พยาบาลสาวเพื่อนสนิทแต่วัยเด็ก ลูกสาวของแม่แล่มแม่บ้านเก่าแก่ของวังกฤตยา ตามมาช่วยดูแล ถึงแม้เทพจะแนะนำหญิงมานกับใครๆว่าเป็นเลขาฯส่วนตัว…แต่ใครๆต่างก็รู้ดีว่า…หญิงมานคือว่าที่ภรรยาหมายเลขหนึ่งของเทพ…..

คนงานต่างซุบซิบนินทา ยิ่งทำให้ทิว บรรณายิ่งเกลียดขี้หน้าหญิงมาน….ในฐานะผู้หญิงหิวเงินที่ยินยอมทำทุกอย่างเพื่อกอบกู้ฐานะของตัวเอง แม้แต่การยอมพลีร่างกายเป็นเมียอีกคนของเทพ ทำให้ทิวตั้งป้อมเป็นศัตรูกับหญิงมาน และหาทางกลั่นแกล้งสั่งสอนผู้หญิงหิวเงินคนนี้ให้รู้สำนึกถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง…ในขณะที่หญิงมานเข้าใจผิดว่าทิวเป็นคนงานไร่อ้อย หญิงมานไม่พอใจที่ทิวคอยราวีและหาทางอยู่ใกล้เธอ… ทำให้หญิงมานพาลคิดไปว่าทิวต้องการจีบเธอเพื่อหวังไต่เต้าจากชีวิตคนงานมาเป็นใหญ่….

เสกสรรค์เพียรพยายามมาง้อขอคืนดีกับหญิงมาน ถึงแม้หญิงมานจะรักเสกสรรค์มาก ก็ต้องตัดใจ ไม่อยากถูกใครดูถูก…..ยืนยันที่จะเลิกรากับเสกสรรค์…แต่ด้วยความรักที่เสกสรรค์ไม่มีให้หญิงใดได้อีกแล้ว เสกสรรค์ยังคงตามตื๊อไม่เลิก พิไลพรพยายามจะเกลี้ยกล่อมให้เสกสรรค์ตัดใจ….แต่ก็ไม่สำเร็จ เสกสรรค์ยังคงเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของหญิงมาน…นอกจากนั้นยังมี ม.ร.ว.ธีรพล เพื่อนสนิทที่มีใจภักดิ์ต่อหญิงมานมานานเข้ามาคอยดูแล….ยิ่งทำให้ทิวมองหญิงมานเป็นหญิงที่คบผู้ชายเผื่อเลือก…และไม่รู้จักพอ!!!! เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเทพที่ออกอาการหึงหวง ไม่พอใจ รอวันกำจัดศัตรูหัวใจ!!!!!

หญิงมานต้องรับมือกับความอิจฉาริษยาของผ่องทิพย์ที่คอยตามราวี โดยมี บุญปลูก คนงานจอมสอพลอของผ่องทิพย์เป็นหน่วยสนับสนุน รวมทั้งขวัญตา ที่กลัวสูญเสียความสำคัญ…..แต่หม่อมสรัสวดีก็ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายหญิงมานได้สะดวก…. แม้จะต้องแอบสำแดงสันดานกาภายใต้หน้ากากหงส์…..หม่อมสรัสวดีก็ต้องทำ พวงทองจะพยายามขัดขวางและคอยให้สติผ่องทิพย์ แต่ผ่องทิพย์ก็ไม่ฟัง เพราะผ่องทิพย์ต้องการตำแหน่งเมียหมายเลขหนึ่งของเทพ จนสามารถทำได้ทุกอย่าง และไม่สนด้วยว่าจะต้องทำร้ายใครเพื่อให้ได้มา ไม่ใช่แค่หญิงมานที่ผ่องทิพย์ติดกำจัดไปให้พ้นทาง ทั้งขวัญตาและพวงทองพี่สาวแท้ๆก็ไม่เว้น!!!!

และแล้วทิวก็ได้จังหวะแก้แค้นเทพ….ด้วยการยุงยงให้ วิวัฒน์ คนงานที่ทิวสังเกตเห็นว่ามีท่าทีพิเศษกับขวัญตา…ที่กำลังอยู่ในอารมณ์เปลี่ยวเหงา เพราะเทพเหินห่าง ทิวจึงจัดวางหมากทำให้ขวัญตาเป็นชู้กับวิวัฒน์ โดยที่เทพไม่เคยเฉลียวใจ เพราะมัวแต่เอาใจไปหาวิธีคอยจัดการเสกสรรค์และ ม.ร.ว.ธีรพล ในที่สุดเทพก็สบโอกาส สั่งการให้ นายล้วน สมุนมือขวาสนองนโยบาย กำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ….เสกสรรค์รอดตัวไปได้จากการถูกทำร้าย….แต่ม.ร.ว.ธีรพล เกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่ทิว และเข้ม เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน….ทิวประมงลเหตุการณ์ได้ว่านี่อาจจะเป็นฝีมือของเทพ…

พวงทองพยายามให้สติเทพ ยิ่งทำให้เทพอยากได้หญิงมานมากขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการทำร้ายพวงทอง…ผู้หญิงที่เทพพยายามจะเอาชนะใจ แต่ไม่เคยรู้ตัวและไม่เคยได้มา เพราะเทพไม่เคยรู้จักวิธีที่จะทำให้ได้รับความรักที่จริงใจจากใคร นอกจากการบังคับขืนใจ!!!!

เมื่อหญิงมานรู้ความจริงว่า ทิวคือหุ้นส่วนของบริษัท และรับรู้แผนการที่ทิวพยายามทำลายเทพ… ยิ่งทำให้หญิงมานมองทิวในแง่ร้าย เป็นผู้ชายที่เสพความสะใจเมื่อเห็นคนอื่นเจ็บปวดย่อยยับเป็นอาหาร ทิวไม่คิดจะแก้ตัว ปล่อยให้หญิงมานเข้าใจผิด เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนความคิดผู้หญิงหิวเงิน ครั้งใดที่ทิวมีโอกาส ก็จะใช้ความเป็นหุ้นส่วนจิกใช้งานหญิงมาน เพื่อจะไล่ไปให้พ้นจากอาณาจักรทิวเทพมิตร แต่หญิงมานก็ขัตติยะเกินกว่าจะยอมแพ้…..เพราะการทำงานที่นี่หมายถึงการได้เงินมาช่วยเหลือครอบครัว ทำให้หญิงมานลุกขึ้นสู้ แม้บางครั้งจะโกรธและเกลียดทิวจนแทบทนไม่ไหวก็ตาม

แต่ยิ่งใกล้ยิ่งเกลียด…กลับสร้างความรู้สึกผูกพันที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆระหว่างทิวและหญิงมาน หากแต่หนุ่มสาวทั้งสองกลับพยายามปฏิเสธใจของตัวเอง….แต่ความสัมพันธ์และปฏิกิริยาของสองหนุ่มสาวทั้งหมดไม่ได้รอดพ้นสายตาของเทพไปได้…..ผ่องทิพย์ก็มองเห็นเช่นกัน

ผ่องทิพย์หาทางให้ทิวกับหญิงมานอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อกำจัดหญิงมานออกไปจากอาณาจักรที่ตัวเองหวังจะครอบครอง….ผ่องทิพย์จัดฉากทำให้เทพเห็นว่าหญิงมานมีใจให้ทิว…เทพโกรธจัด เล่นงานทิวอย่างหนัก…หญิงมานตกใจและผิดหวังเมื่อเห็นธาตุแท้ความโหดร้ายในตัวเทพ…หญิงมานตัดสินใจจะกลับวัง เทพเข้าไปง้อและสัญญาว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

หญิงมานไปขอโทษทิวที่ทำให้มีเรื่องผิดใจกับเทพ เทพรู้เรื่องก็น้อยใจและเสียใจ ที่กำลังพ่ายแพ้ต่อทิว….เทพสั่งให้ขวัญตาทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างทิวกับหญิงมาน โดยมีตำแหน่งเมียหมายเลขหนึ่งเป็นของรางวัล….ขวัญตาตกหลุมพรางของเทพ ทำตามคำสั่งชนิดถวายหัว….โดยไม่รู้ว่าตัวเองถูกหลอก

ผ่องทิพย์จับได้ว่าขวัญจากับวิวัฒน์เป็นชู้กัน และขวัญตาตั้งท้อง ทั้งๆที่เทพเป็นหมัน ผ่องทิพย์เอาเรื่องไปฟ้องเทพ…..เทพโกรธจัด ฆ่าวิวัฒน์ด้วยแรงแค้น…แล้วป้ายความผิดว่าเป็นฝีมือของทิว….แต่ตำรวจไม่มีหลักฐานพอที่จะเอาผิดทิว….ขวัญตาเสียใจ คิดแก้แค้นทิว จึงบอกทุกคนว่าความจริงแล้ว ลูกในท้องเป็นลูกของทิว…..เทพจึงให้ทิวรับผิดชอบขวัญตา เพื่อจะแยกทิวให้ออกห่าวจากหญิงมาน….หญิงมานเสียใจ แม้ทิวจะแก้ตัวอย่างไร หญิงมานก็ไม่ฟัง….

ทิวรับขวัญตามาดูแลในฐานะน้องสาว…..เพื่อไถ่โทษที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้วิวัฒน์และขวัยตาได้รู้จักกัน…ขวัญตารู้สึกผิด จึงคอยดูแลทิว หวังจะให้ทิวหันกลับมามอง…ยิ่งสร้างความปวดร้าวให้กับหญิงมาน ผ่องทิพย์สะใจมาก หญิงมานคือเป้าหมายที่ต้องกำจัดเป็นคนต่อไป

เทพกดดันเรื่องวังกฤตยากับหม่อมสรัสวดี ด้วยการทวงหนี้เป็นตัวของหญิงมาน….หม่อมสรัสวดีรับปากจะไปเกลี้ยกล่อมหญิงมานให้… ทำให้หญิงมานต้องเลือกระหว่างการรักษาวัง แต่ต้องเสียตัว หรือการเสียวัง เพื่อรักษาศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน แต่แล้ว….หญิงมานก็ต้องตัดสินใจเลือกการแต่งงานกับเทพเพื่อรักษาเกียรติยศแห่งความเป็นกฤตยา

แต่ทิว….ไม่ยอมให้เทพสมหวัง…..ทิวตัดสินใจพรากคนที่รักไปจากอกของเทพ….ลักพาตัวหญิงมานไปในคืนหนึ่ง เทพแทบคลั่ง ออกตามหาหญิงมานทันที!!!!

ทิวพาหญิงมานหลบหนีการตามล่าของเทพและลูกน้อง….เป็นการเดินทางที่ลำบาก จากความแค้นกลายกลบด้วยความเห็นใจสงสารในตัวหญิงมานเข้ามาในใจของทิว….ทั้งสองคนได้ใกล้ชิด ความรักที่เก็บกดอยู่ลึกๆ ก็ถูกเปิดเผย…และความจริงเรื่องขวัญตาตั้งท้องกับวิวัฒน์ไม่ใช่กับทิวก็คลี่คลาย

แต่ทั้งสองก็หนีไปไม่พ้น เทพและลูกน้องตามล่ามาจนเจอ เทพสั่งฆ่าทิว ทิวตกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งเทพคิดว่าทิวเสียชีวิตไปแล้ว….เทพนำตัวหญิงมานกลับมา….แต่หญิงมานกลับมาอย่างไร้หัวใจ…

ธีรพลไม่เชื่อว่าทิวเสียชีวิต ออกตามหาจนพบตัวทิว และพาทิวไปรักษาตัวไม่บอกให้ใครรู้…

แต่แล้ว…สวรรค์ก็เปิดทาง…ลุงมิตร หรือลุงหน้าผี….ที่ทิวและหญิงมานไปพบที่โรงพยาบาลที่พิไลพรทำงานอยู่และใครๆคิดว่าเป็นบ้า เพราะพูดถึงแต่เรื่องซ้ำซากและฟังไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยความรู้สึกคุ้นเคย ทิวจึงรับตัวมาอยู่ที่ไร่อ้อย…..พิไลพรหมั่นมาดูแล จนอาการดีขึ้น และในที่สุดความจำของลุงมิตรก็กลับคืนมา…..เพราะเสียงปืนลั่น

เทพคือหนึ่งในหุ้นส่วนที่หักหลังพ่อของทิวและลุงมิตร…สามเพื่อนรักต่างวัยที่ร่วมต่อสู้บุกเบิกไร่ทิวเทพมิตร…แต่เพราะความโลภของเทพทำให้กำจัดทุกคน….แล้วยึดทุกอย่าง

ลุงมิตรถูกทำร้ายจนเทพคิดว่าตายไปแล้ว โดยไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่และความจำเสื่อม เพราะลุงมิตรไม่มีญาติที่ไหน ทรัพย์สินทุกอย่างของลุงมิตรจึงตกเป็นของเทพโดยไม่ลากลำบาก…แต่ส่วนของพ่อทิว…ที่มีลางสังหรณ์ ได้รีบยกหุ้น 40 เปอร์เซ็นของอาณาจักรทิวเทพมิตรให้ทิวไว้ก่อนแล้ว เทพเจ็บใจ แต่ยังหวังจะยึดครองทรัพย์สินที่เหลือทั้งหมด จึงทำพินัยกรรมปลอมขึ้นมา โดยรู้เห็นเป็นใจกับทนายความผู้ดูแล….ที่ถูกเทพฆ่าปิดปากในเวลาต่อมา..ไม่มีใครรู้ว่าพินัยกรรมตัวจริงอยู่ที่ไหน นอกจากลุงมิตร….

เมื่อความจำลุงมิตรกลับคืนมา จึงไปค้นหาพินัยกรรมตัวจริงมาแสดงให้ธีรพล คำรณฤทธีและพิไลพรดู

คุณชายคำรณฤทธีและธีรพล ตัดสินใจเอาเรื่องไปบอกทิว….ในวันแต่งงานระหว่างหญิงมานและเทพ….ที่หญิงมานไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะถูกเทพขู่จะเอาชีวิตหม่อมสรัสวดี…..ทิวรีบเดินทางกลับมายังอาณาจักรทิวเทพมิตรเพื่อขัดขวาง และเปิดโปงความชั่วของเทพ

เทพหนีความผิด แต่พาตัวหญิงมานไปด้วยเป็นตัวประกัน หม่อมสรัสวดีรู้สึกผิดที่ตนเองเป็นต้นเหตุ….พาหญิงมานใส่พานให้คนชั่วร้ายอย่างเทพ สรัสวดีเข้าไปขอร้องเทพให้ปล่อยตัวหญิงมาน แต่เทพเดินทางมาไกล ถึงขั้นจะยิงสรัสวดี แต่ทิวเข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ สรัสวดีได้รับบาดเจ็บ…และเปิดใจยอมรับความดีของทิว..ที่สรัสวดีตั้งแง่เกลียดชังตลอดมา…

เทพพาหญิงมานหนีไปได้….หวังจะกักขังหญิงมานให้เป็นผู้หญิงของเขาตลอดชีวิต…แต่สวรรค์ยังมีตา…ทิวช่วยเหลือหญิงมานให้รอดพ้นจากเงื้อมมือเทพบุตรซาตานอย่างเทพไว้ได้ และประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายไปกับลูกน้อง ผ่องทิพย์เสียใจมาก พาลคิดสั้น….แต่ด้วยความรักของพี่น้องจากพวงทองและทิว ทำให้ผ่องทิพย์มีสติและมีแรงที่จะอยู่ต่อไปได้…..

หญิงมานกลับคืนสู่วังกฤตยาอีกครั้ง อย่างสมศักดิ์ศรี โดยมีคำรณและหม่อมสรัสวดีอยู่

เคียงข้าง ทิวสารภาพรักและขอหญิงมานแต่งงาน….หญิงมานตอบรับโดยไม่ลังเล….เพราะเธอค้นพบแล้วว่า… ทิวไม่ใช่อีกาที่น่าชิงชัง แต่หัวใจของทิวมีศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่พอจะควรคู่หงส์อย่างเธอ….

บทประพันธ์โดย คุณ ชูวงศ์ ฉายะจินดา
บทโทรทัศน์โดย คุณ ลายน้ำ
กำกับการแสดงโดย คุณ หนึ่ง ชัชวาล ศาสวัตกลูน
ผลิตโดยบริษัท พอดีคำ จำกัด
ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สี

คาแรคเตอร์ตัวละคร

1. หม่อมราชวงศ์มานศรีโสภาคย์ กฤตยา

หญิงสาวอายุ 22 ปี จบปริญญาตรีด้านเลขานุการจากประเทศอังกฤษ เป็นบุตรสาวคนเล็กของหม่อมเจ้ากฤตยาอมรเทพและหม่อมสรัสวดี ด้วยความที่หญิงมานศรีเป็นคนสวยเพรียบพร้อม เก่ง ฉลาด จึงเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมาย

2. ทิว บรรณา

ชายหนุ่มอายุ 26 ปี เป็นคนเก่ง จบด้านการจัดการ จากเมืองนอก กลับมาทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลังที่ชลบุรี บุคลิกภายนอกดูเป็นคนเคร่งขรึม แต่ภายในเป็นคนมีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ทิวแค้นเทพผู้เป็นอา เพราะเทพโกงทุกสิ่งไปจากพ่อของทิว และเป็นต้นเหตุให้แม่ของทิวต้องผูกคอตาย ทิวจึงผูกใจเจ็บหวังจะแก้แค้นเทพเพื่อเอาทุกอย่างของพ่อกลับคืนมา แต่แล้วทุกครั้งทิวก็ต้องใจอ่อน ยอมให้อภัย เพราะคำนึงถึงหลักศีลธรรมความถูกต้อง ทิวตกหลุมรักนางเอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่เก็บความรู้สึกไว้ กลับทำนิ่งเฉย ขึงขังใส่นางเอกทุกครั้ง

3. เทพ บรรณา

ชายสูงวัย อายุ 40 ปี เป็นหนุ่มใหญ่ที่หล่อ สมาร์ท รูปร่างดี เป็นเจ้าของธุรกิจค้าน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลังรายใหญ่ ซึ่งโกงมาจากพี่ชายซึ่งเป็นพ่อของทิว เทพเป็นคนเห็นแก่ได้ มักมากเรื่องผู้หญิง โดยจับเอาหลานสาวทั้งสอง คือพวงทองและผ่องทิพย์พี่สาวของทิวมาเป็นเมียเก็บ เทพทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ทิวผิดหวัง โดยเฉพาะเรื่องความรัก แม้กระทั่งเอาขวัญตาแฟนสาวของทิวมาเป็นเมียอีกคน เมื่อเทพพบกับนางเอกก็นึกหวังจะครอบครอง ด้วยการนำเรื่องหนี้สินของตระกูลนางเอกมาต่อรอง ยิ่งเมื่อรู้ว่าทิวและนางเอกเหมือนจะมีใจให้กัน เทพก็ยิ่งหาวิธีเพื่อให้ได้ตัวของนางเอกมากยิ่งขึ้น

4. พวงทอง บรรณา

หญิงสาวอายุ 32 ปี พี่สาวคนโตของทิว บรรณา เป็นคนดี เรียบร้อย ใจเย็น ด้วยความจำเป็นจึงต้องจำยอมตกเป็นเมียของเทพ บรรณา ผู้ได้ชื่อว่าเป็นอาของตน

5. ผ่องทิพย์ บรรณา

หญิงสาว อายุ 30 ปี พี่สาวคนที่สองของทิว บรรณา เป็นคนโผงผาง ขี้หึง ไม่ยอมคน และตกเป็นเมียอีกคนของเทพ บรรณาผู้เป็นอาเช่นเดียวกัน

6. ขวัญตา

หญิงสาว อายุ 22 ปี เป็นอดีตแฟนเก่าของทิว บรรณา เป็นคนสวย ช่างประจบ

มีนิสัยชอบเอาตัวรอด พอทิวไปเรียนต่อที่เมืองนอก ด้วยความที่เห็นแก่เงินจึงยอมตกเป็นเมียน้อยอีกคนของเทพ บรรณา

7. เสกสรร เชาวพงศ์

ชายหนุ่มอายุ 25 ปี เป็นบุตรชายคนเดียวของรัฐมนตรีเสกสิทธิ์กับคุณหญิงพันทิพา เสกสรรเป็นเพื่อนสนิทของหม่อมราชวงศ์คำรณฤทธี เป็นคนที่มรว.คำรณฤทธีไว้ใจให้พานางเอกกลับจากอังกฤษ เสกสรรเป็นคนดี มีความจริงใจ เขาแอบรักนางเอกข้างเดียวมานาน คอยตามเอาอกเอาใจ ไม่ว่าจะรักนางเอกมากแค่ไหนแต่สุดท้ายเสกสรรก็ต้องเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของพ่อแม่

8. หม่อมราชวงศ์คำรณฤทธี

ชายหนุ่มอายุ 25 ปี หนุ่มหล่อ สุขุม กำลังศึกษาปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอังกฤษ

เป็นพี่ชายสุดที่รักคนเดียวของ มรว.มานศรีโสภาคย์ กฤตยา ทุกครั้งที่หญิงมานศรีมีปัญหากลัดกลุ้มใจก็มักจะเขียนจดหมายมาระบายกับท่านชายเสมอ ท่านชายจึงเข้าใจความรู้สึกทุกอย่างของน้องสาวเป็นอย่างดี

9. หม่อมเจ้ากฤตยาอมรเทพ

ชายอายุ 55 ปี ผู้เป็นบิดาของนางเอก เป็นผู้ดีเก่า เป็นคนดี รักลูกสาว หวังจะกอบกู้ฐานะของตระกูลด้วยการยืมเงินของเทพ บรรณา มาลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในเมืองไทย โดยเก็บเรื่องหนี้สินไว้เป็นความลับไม่ให้นางเอกทราบ

10. หม่อมสรัสวดี

หญิงอายุ 48 ปี ผู้เป็นมารดาของนางเอก เป็นคนรักและหวงลูกสาวมาก พยายามจับคู่ให้ลูกสาวได้กับชายหนุ่มที่มีฐานะและหน้าตาดีในสังคม

11. รัฐมนตรีเสกสิทธิ์ เชาวพงศ์

ชาย อายุ 60 ปี เป็นพ่อของเสกสรร เป็นผู้มีหน้ามีตาในวงสังคมและวงการเมือง

12. คุณหญิงพันทิพา เชาวพงศ์

หญิง อายุ 50 ปี เป็นแม่ของเสกสรร ด้วยความที่มีลูกชายคนเดียว จึงเป็นคนที่เจ้ากี้เจ้าการ ต้องให้ลูกชายอยู่ในโอวาท ตอนแรกคิดอยากจะจับคู่ให้เสกสรรได้กับหญิงมานศรี แต่เมื่อรู้เรื่องหนี้สินของตระกูลหญิงมานศรี จึงคอยขัดขวาง

13. หม่อมราชวงศ์ธีรพล

ชายหนุ่ม อายุ 24 ปี เป็นญาติผู้พี่ของนางเอก หญิงมานศรีให้ความเคารพและรักเหมือนพี่ชายแท้ๆ แต่เพราะความสนิทจึงทำให้หม่อมสรัสวดี แม่ของหญิงมานศรีกีดกันเพราะเข้าใจผิดคิดว่าพี่น้องมีใจให้แก่กัน

14. หม่อมรัชนิกร

หญิงอายุ 45 ปี สมรสกับพลเอกหม่อมเจ้าพหล หม่อมรัชนิกรเป็นพี่สะใภ้ของอรอนงค์ผู้เป็นพี่สาวของเทพ มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของหญิงมานศรี

15. พลเอกหม่อมเจ้าพหล

ชายอายุ 60 ปี เป็นลุงของนางเอก

16. อรอนงค์

หญิงอายุ 42 ปี แต่งงานกับน้องชายของหม่อมรัชนิกร โดยอรอนงค์เป็นพี่สาวแท้ๆของเทพ บรรณา มีนิสัยมักใหญ่ใฝ่สูง

17. นพดล

ชายอายุ 50 ปี แต่งงานกับอรอนงค์ เป็นน้องชายของหม่อมรัชนิกร

18. พิไลพร

หญิง อายุ 35 ปี อดีตเป็นพยาบาล ปัจจุบันเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของหญิงมานศรี คอยดูแลและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ

19. วิวัฒน์

ชายหนุ่ม อายุ 22 ปี เป็นน้องชายเพื่อนสนิทของทิว ได้เข้ามาทำงานในโรงงานของเทพในตำแหน่งช่างกล โดยทิวเป็นคนวางแผนนำวิวัฒน์ หนุ่มน้อยหน้าตาดีเข้ามาพัวพันกับขวัญตา เพราะตั้งใจให้เทพเจ็บปวดที่โดนสวมเขา

20. มิตรหรือลุงจร

ชาย อายุ 40 ปี มิตรเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับพ่อทิวและเทพ ตอนหลังรู้ความลับเรื่องเทพหักหลังพ่อทิว จึงโดนฆ่าเผาทั้งเป็นแต่ไม่ตาย 20 ปีต่อมา ย้อนกลับมาอยู่

ไร่ทิวในคราบคนแก่ร่างกายน่าเกลียด ในชื่อใหม่ว่าจร คอยช่วยเหลือทิวและรอเวลาแก้แค้นเทพ

21. บุญปลูก

หญิง อายุ 35 ปี เป็นลูกน้องในไร่ที่เทพ บรรณา ส่งมาคอยดูแลรับใช้เรื่องอาหารการกินการอยู่ของหญิงมานศรี

22. ล้วน

ชายหนุ่ม อายุ 40 ปี อดีตคนงานในไร่ที่คดโกงจนถูกทิวจับได้ และไล่ออก ล้วนจึงโกรธแค้นและกลับมาซุ่มทำร้ายทิว

23. พ่อของทิว บรรณา

ชายสูงวัย อายุ 50 ปี เป็นพ่อของทิว พวงทอง และผ่องทิพย์ เป็นนักธุรกิจค้าน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลังที่สร้างโรงงานขึ้นมาด้วยลำแข้งของตัวเองจนประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายถูกเทพ น้องชายโกงและยึดโรงงานไป

24. แม่ของทิว บรรณา

หญิง อายุ 45 ปี เป็นแม่ของทิว พวงทอง และผ่องทิพย์ เป็นคนจิตใจดี อบอุ่น แต่คิดมาก เมื่อธุรกิจครอบครัวถูกโกง จึงทำให้ผูกคอตาย

25. เข้ม

ชายหนุ่มอายุ 25 ปี หัวหน้าคนงานโรงงานน้ำตาลและแป้งมันสำปะหลัง เป็นลูกน้องคนสนิทของทิว บรรณา
Read more »

 
Powered by MBA