วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เพื่อนแพง





พุทธศักราช 2476 นาข้าวชูรวงทองเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งบ้านสร้าง อำเภอหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี เสียงควบขี่ไอ้เปลี่ยว ควายคู่ใจของ ไอ้ลอ (ศุกลวัฒน์ คณารศ) ชายหนุ่มกำยำหล่อเหลาคมเข้ม ห้อตะบึงสนุกสนานหยอกล้อชาวบ้านมาแต่ไกล สร้างความหวาดเสียวกลัวไอ้ลอจะตกจากหลังควายมาพิกลพิการให้เดือดร้อน นังเพื่อน (จีรนันท์ มะโนแจ่ม) สาวคนรักของไอ้ลอที่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ในนา จนร้องตกอกตกใจ ผิดกับ นังแพง (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) น้องสาวของนังเพื่อนที่หัวเราะชอบอกชอบใจ นึกสนุกวิ่งไล่ตามพี่ลอไปจนพักเหนื่อยกันที่ลำกระโดง นังแพงกลัวพี่ลอที่ดูแลมันมาตั้งแต่เด็กจะหิวและเหนื่อยจากหน้าที่การงานในนา มันจึงเตรียมข้าวเหนียวมาเผื่อพี่ลอและคะยั้นคะยอให้กินขนมจากฝีมือที่ไม่ได้เรื่องของมัน ไอ้ลอรักนังแพงเหมือนน้องสาวเมื่อมันเต็มใจทำมาให้จึงมีหรือที่ไอ้ลอจะปฏิเสธ แม้รสชาติจะไม่ได้เรื่องก็ฝืนกินไปและต้องทนจุกท้องอิ่มๆ กลับไปกินแกงเนื้อรสอร่อยฝีมือของนังเพื่อนที่เตรียมสำรับไว้รอพี่ลอเช่นกัน นังแพงเป็นเด็กสาวในวัยแรกรุ่นเหมือนข้าวอ่อนเพิ่งแตกรวง แม้หน้าตาจะสะสวยแต่นิสัยของมันก็ต่างจากพี่สาวกันคนละหน้ามือ เพราะนังเพื่อนเป็นสาวสวยสะพรั่ง กิริยามารยาทเรียบร้อย การบ้านการเรือนก็เป็นที่หนึ่งในทุ่งบ้านสร้าง ความสวยของนังเพื่อนเป็นที่เลื่องลือว่ามันมาอยู่ผิดที่ผิดทางไม่เหมาะกับท้องทุ่งกลิ่นโคลนสาปควายของทุ่งบ้านสร้าง แต่นังเพื่อนก็ไม่เคยสนใจคำยกยอปอปั้นจากทั้งหนุ่มทั้งแก่ที่มารุมตอม โดยเฉพาะกับ ไอ้วีระ (กฤษฎา สุภาพพร้อม) ลูกชายของ คุณประจวบ (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) เศรษฐีเจ้าของโรงสีและท่าข้าวในจังหวัด ที่พยายามมาติดพันนังเพื่อน หวังอยากได้เป็นเมีย แต่นางเพื่อนก็ไม่เคยแยแสชายตามองไอ้วีระ เพราะรู้สันดานความเป็นนักเลงชอบข่มเหงรังแกคนจนของมัน และที่สำคัญหัวใจของนังแพงก็มีให้พี่ลอตั้งแต่ 10 ปีก่อนที่พี่ลอย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านสร้างและได้กลายมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกับมัน

10 ปีก่อนในคืนที่ฝนฟ้าตกกระหน่ำ อาการป่วยด้วยไข้ป่าได้พรากเอาชีวิตแม่ของนังเพื่อนกับนังแพงไป ทั้งๆ ที่ทั้งสองยังอยู่ในวัยเยาว์ พิศ (ธนายง ว่องตระกูล) ผู้เป็นพ่อก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจหันหน้าไปพึ่งเหล้า นังเพื่อน (ณพัศพร บุญธรรมรัตน) ซึ่งยังไม่เต็ม 10 ขวบดีนัก ต้องแบกรับหน้าที่ดูแล นังแพง (ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล) ที่อายุเพียง 5 ขวบ หลายครั้งที่ต้องไปพาพ่อกลับมาจากเถียงนาในสภาพเมามายไม่ได้สติ หลายครั้งที่ต้องลุกขึ้นมากลางดึกอดหลับอดนอนเพราะเสียงร้องไห้ตกใจกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าของนังแพง จนกระทั่ง เสือเทิด (วินัย ไกรบุตร) เพื่อนสนิทของพิศ พา ไอ้ลอ (ริชาร์ด เกียร์นี่) ลูกชายวัย 10 ขวบมาขออาศัยอยู่ด้วย เหตุเพราะเสือเทิดเป็นโจรมีคดีติดตัวจากทางเมืองเหนือ หนีการตามล่าจากทางราชการกลับมาอาศัยที่ทุ่งบ้านสร้างที่ๆ มันเคยอยู่ก่อนจะหนีไปเป็นโจร ไอ้ลอไม่เคยรู้ว่าพ่อตัวเองเป็นโจร มันรู้แต่เพียงว่าพ่อ ของมันเป็นพ่อค้าเร่ขายของ นานๆ ถึงจะพาลูกน้องแวะไปหามันที่วัดในเมืองเหนือ เพราะตั้งแต่เล็กไอ้ลอได้บวชเรียนอยู่ในวัด และได้ฝึกฝีมือทางเชิงมวยเชิงดาบจากพวกลูกน้องพ่อเวลาที่มาเยี่ยมมัน ไอ้ลอเลยเป็นเด็กมีฝีมือพอตัวและจิตใจงาม ชอบช่วยเหลือผู้คนตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อที่เคยอบรมสั่งสอนมันมา ยิ่งเมื่อไอ้ลอได้มาอยู่ร่วมชายคาของอา พิศในฐานะผู้อาศัยมันจึงตั้งใจขยันขันแข็งอาสาช่วยอาพิศทำงานในนาที่ถูกทิ้งให้รกร้าง และที่สำคัญไอ้ลอสงสารนังแพงที่ขาดแม่และไม่มีคนช่วยเลี้ยงดู ไอ้ลอจึงรักนังแพงเหมือนน้องสาวตัวเองจริงๆ มันคอยเอาใจและตามใจจนนังแพงติดพี่ลอแจ ไม่ว่าลอจะทำอะไรอยู่ที่ไหนนังแพงจะต้องร้องหาพี่ลอของมันเสมอ แต่ไอ้ลอก็ไม่เคยบ่นเบื่อนังแพงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในขณะที่นังเพื่อนซึ่งวัยอ่อนกว่าไอ้ลอเพียงแค่ปีเดียว แรกๆ ที่ไอ้ลอมาอาศัยอยู่ด้วยนังเพื่อนก็ไม่ชอบหน้าเท่าไร เพราะเห็นพ่อรักพี่ลอที่เป็นเด็กผู้ชาย คอยช่วยเหลือทำงานได้ดีกว่าเธอที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิง จนหลายครั้งที่นังเพื่อนหาเรื่องไล่ไอ้ลอให้ออกไปจากบ้านสร้างเพราะน้อยใจพ่อ แต่สุดท้ายความมีน้ำใจและเป็นสุภาพบุรุษของไอ้ลอก็เอาชนะใจนังเพื่อน จนทำให้ความเกลียดชังเหม็นขี้หน้ากลายเป็นความรักที่นังเพื่อนมีให้ไอ้ลอจนหมดหัวใจ

แต่ในเพียงเวลาไม่นานที่ไอ้ลอมาอาศัยอยู่บ้างสร้าง ทางราชการก็ตามสืบจนได้เบาะแสของเสือเทิดและบุกเข้ามาจับกุม เสือเทิดพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องลูกชายที่ถูกเข้าใจผิดข้อหาขโมยของ จนในที่สุดเสือเทิดก็ถูกยิงตาย สมบัติชิ้นเดียวที่เสือเทิดเหลือให้ไอ้ลอดูต่างหน้าก็คือ สร้อยพระที่คล้องคอเสือเทิดตลอดเวลา และคำขอโทษที่โกหกลูกว่าตัวเองไม่ได้เป็นโจร สิ้นคำสุดท้ายของเสือเชิดมันขอให้ลูกชายสัญญาว่ามันจะเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษยึดมั่นคำสัญญา และช่วยดูแลครอบครัวของอาพิศเหมือนเป็นลูกชายคนหนึ่ง ซึ่งไอ้ลอก็รับปากเป็นมั่นด้วยชีวิต ตั้งแต่นั้นมาเมื่อไอ้ลอโตเป็นหนุ่มวัยกำยำ หน้าที่ของมันคือการทำงานในไร่ในนาให้กับอาพิศผู้มีพระคุณช่วยชุบเลี้ยงมัน และที่สำคัญเพราะความรักที่มีต่อนังเพื่อน ไอ้ลอจึงต้องคอยเฝ้าดูแลไม่ให้ไอ้วีระมาเกาะแกะ จนกระทั่งหมดหน้าเกี่ยวข้าวในงานวัดประจำปีที่ สมภารบุญ (กรุง ศรีวิไล) พระผู้ใหญ่ของทุ่งบ้านสร้างจัดขึ้นเพื่อหาเงินมาบูรณะโบสถ์หลังเก่า ไอ้เรือง (ภูษณะ บัวงาม) ลูกชายของ ครูแสง (ปิยะ ตระกูลราษฎร์) ครูปี่พาทย์ฝีมือดีของทุ่งบ้านสร้างเตรียมจัดแสดงมหรสพทั้งวงปี่พาทย์และหนังใหญ่ เพื่อช่วยกันหาเงินมาบูรณะโบสถ์ ไอ้เรืองนั้นแอบชอบพอนังแพงมาตั้งแต่เล็กๆ และรู้ว่านังแพงชอบร้องรำทำเพลงจากไอ้ลอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับมัน มันจึงใช้โอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่จะฝึกซ้อม เชิดหนังใหญ่หวังให้นังแพงประทับใจทั้งๆ ที่มันไม่เคยคิดจะสืบทอดมรดกของพ่อเลย ส่วนไอ้ลอเองก็ตั้งใจขึ้นเวทีชกมวยแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่ฝึกฝนมาจาก ผู้ใหญ่ผาด (สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านประจำทุ่งบ้านสร้างและเป็นเจ้าของโรงฝึกซ้อมมวยไทยเล็กๆ เพราะผู้ใหญ่ผาดเคยเป็นครูมวยมาก่อน โดยมี ไอ้ก้อน (อติรุจ สิงหอำพล) เพื่อนสนิทซึ่งเป็นลูกชายของผู้ใหญ่ผาดเป็นคู่ซ้อมและขึ้นเวทีมวยกับไอ้ลอ ส่วนนังเพื่อนตั้งใจขึ้นเวทีเป็นนางรำคู่กับ พี่แรม ลูกสาวคนสวยของครูแสงที่เพิ่งย้ายมาจากบางกอก เพื่อนสนิทสนมกับพี่แรมมากเพราะพี่แรมเป็นสาวสวยแต่งตัวแต่งหน้าอย่างคนบางกอก และชอบเอาเรื่องความศิวิไลซ์ในบางกอกมาเล่าให้เพื่อนตื่นเต้นเสมอๆ โดยที่เพื่อนหารู้ไม่ว่าแรมนั้นเคยติดการพนันจนต้องหนีกลับมาอยู่ที่ทุ่งบ้านสร้าง ไม่ได้มีชีวิตสวยสดงดงามอย่างที่คุยฟุ้งให้เพื่อนฟัง และเก็บไปฝันว่าสักวันจะต้องมีชีวิตหรูหราแบบนั้นบ้าง

ในคืนนั้นงานวัดดำเนินไปอย่างสนุกสนาน หากทว่าเมื่อไอ้วีระมาถึงพร้อมกับพรรคพวกของมัน ไอ้วีระก็มาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วน เพราะเป้าหมายของไอ้วีระอยู่ที่นังเพื่อน ไอ้วีระพยายามมาเกี้ยวและชักชวนนังเพื่อนออกไปจากงานวัด เมื่อนังเพื่อนปฏิเสธและมีเรื่องกับไอ้วีระ ไอ้ลอจึงต้องเข้ามาขวางและเกิดการลงไม้ลงมือกัน ร้อนถึงสมภารบุญกับผู้ใหญ่ผาดต้องเข้ามาห้ามปราม แต่คนอย่างไอ้วีระมีหรือจะยอม ไอ้วีระป่าวประกาศโน้มน้าวชาวบ้านหลายๆ คนไม่ให้ไว้ใจไอ้ลอ โดยเอาเรื่องในอดีตที่พ่อไอ้ลอเคยเป็นเสือและถูกฆ่าตายที่ทุ่งบ้านสร้าง และเรื่องที่ไอ้ลอเคยไปขโมยของตอนเด็กๆ มาชี้นำให้ชาวบ้านเห็นว่าคนอย่างไอ้ลอมันก็ลูกเสือลูกจระเข้ ยังไงไอ้ลอก็ต้องเป็นโจรเหมือนพ่อมัน ขอให้ชาวบ้านระวังตัวเอาไว้ ไอ้ลอเจ็บใจจะเอาเรื่องแต่ก็ถูกทุกคนห้ามไว้ ขอให้ไอ้ลอนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เคยสาบานเอาไว้กับพ่อและสร้อยพระของพ่อว่าจะเป็นคนดี ตั้งแต่นั้นเมื่อไอ้วีระเห็นไอ้ลอไม่กล้าทำอะไรก็ยิ่งได้ใจ คิดว่าไอ้ลอกลัวอิทธิพลของมันที่มีเงินของพ่อคุ้มกะลาหัว ไอ้วีระก็เริ่มได้ใจวางแผนคิดจะฉุดนังเพื่อนมาทำเมีย เพราะทนไม่ไหวที่นังเพื่อนมาดูถูกดูแคลน แต่แผนการฉุดก็รั่วไปถึงนังเพื่อนโดยผ่าน นังแก้ว (อธิชนันท์ ศรีเสวก) เพื่อนสนิทของนังแพง นังแพงไม่คิดจะไปบอกพี่ลอให้จัดการเพราะกลัวว่าถ้าพี่ลอรู้คงต้องโกรธและมีเรื่องใหญ่โตกับไอ้วีระ จนเป็นเหตุให้มันเอามาเล่นงานพี่ลอได้ งานนี้นังแพงจึงคิดจะเล่นงานตลบหลังไอ้วีระให้แสบสันต์ นังแพงจึงไปชวน ไอ้ด้วง (กิ๊ฟ ชวนชื่น) เด็กวัดโข่งลูกศิษย์สมภารบุญ ซึ่งเป็นลูกสมุนให้ไปล่มเรือของไอ้วีระ แต่เรื่องราวกลับไปกันใหญ่เมื่อไอ้เรืองมารู้แผนการของนังแพง ไอ้เรืองแอบรักนังแพงอยู่และเป็นห่วงเป็นใยจึงตามไปช่วย แต่กลับทำให้ไอ้วีระจับตัวไอ้เรืองได้ ส่วนไอ้วีระก็ตามไปฉุดนังเพื่อนมาได้แต่ยังไม่ทันจะพานังเพื่อนออกไปจากทุ่งบ้านสร้าง ความก็แตกไปถึงไอ้ลอจนตามไปช่วยนังเพื่อนและสู้กับไอ้วีระจนเล่นงานมันบาดเจ็บสาหัสกระเซอะกระเซิงหนีกลับไป ไอ้ลอเองก็บาดเจ็บไปไม่น้อยโชคดีที่มีไอ้ด้วงมาช่วย ไม่งั้นก็คงตายคาดาบของไอ้วีระไปแล้ว

นังแพงรู้สึกผิดและเป็นห่วงพี่ลอจึงพยายามจะหาโอกาสไปช่วยพี่ลอรักษาตัว แต่ก็ถูกพี่สาวต่อว่าเพราะแทนที่รู้เรื่องแล้วจะไปปรึกษาผู้ใหญ่ แต่นังแพงกลับทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงไปกว่าเดิม เพราะพี่ลอไปเล่นงานไอ้วีระจนบาดเจ็บถ้ามันเอาตำรวจมาลากคอพี่ลอเข้าคุกแล้วจะทำยังไง ไอ้ลอปรามนังเพื่อนไม่ให้ต่อว่านังแพงเพราะเห็นว่ามันเป็นเด็กไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังให้ดี แต่นังเพื่อนก็ต่อว่าพี่ลอที่คอยให้ท้ายมันตลอด เอะอะอะไรก็นังแพง นังเพื่อนพูดแค่นั้นก็น้ำตารื้นน้อยใจ ไอ้ลอรักนางเพื่อนมากจึงต้องตามไปง้อและบอกรักนังเพื่อนสุดหัวใจ ไม่มีใครมาแทนที่นังเพื่อนได้ ชีวิตนี้ถ้าไอ้ลอจะตายก็ขอตายเพื่อนังเพื่อนคนเดียว นังแพงไปเห็นพี่ลอบอกรักพี่สาวก็รู้สึกเจ็บปวดเสียใจ เพราะความรู้สึกที่มันมีให้พี่ลอไม่ใช่อย่างน้องสาว แต่มันชอบพี่ลออย่างที่พี่เพื่อนรักพี่ลอ หลังจากเหตุการณ์คราวนั้นพอไอ้วีระฟื้นได้สติก็ให้พ่อพาตำรวจมาจับไอ้ลอข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่อาพิศกับผู้ใหญ่ผาดก็ย้อนเล่นงานไอ้วีระกลับไปเรื่องที่มันฉุดนังเพื่อน ถ้าจะ เอาไอ้ลอเข้าคุกเข้าตะรางไอ้วีระก็ต้องรับโทษของมันเหมือนกัน เจอแบบนี้เข้าไอ้วีระก็เจ็บใจ คุณประจวบไม่อยากให้เรื่องฉาวโฉ่จึงยอมพาไอ้วีระกลับ แต่ไอ้วีระก็ยังแค้นฝังใจชี้หน้าว่าเรื่องนี้ต้องไม่จบ อาพิศรู้สึกเป็นห่วงทั้งไอ้ลอและนังเพื่อนจึงเรียกไอ้ลอมาปรึกษาเรื่องที่จะให้ไอ้ลอกับนังเพื่อนหมั้นหมายกันให้เป็นเรื่องเป็นราว นังเพื่อนจะได้มีเจ้าข้าวเจ้าของ ไอ้วีระจะได้เลิกตามมาตอแยซะที ไอ้ลอตอบตกลงด้วยความดีใจ ส่วนนังเพื่อนก็ยิ้มรับเช่นกันเพราะคนทั้งทุ่งบ้านสร้างก็รู้กันอยู่ว่าไอ้ลอกับนังเพื่อนนั้นเหมาะสมกัน อายุอานามก็ได้วัยที่จะต้องร่วมหอลงโรง เพียงแต่ที่ยังไม่จัดงานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวเพราะต้องรอให้หมดหน้าทำนานี้ซะก่อน

งานหมั้นหมายของไอ้ลอกับนังเพื่อนจัดขึ้นไม่เอิกเกริกมาก แต่ก็พอเป็นหน้าเป็นตาให้อาพิศได้ ทุกคนรู้สึกยินดีมีความสุขไปกับไอ้ลอกับนังเพื่อน ยกเว้นก็แต่นังแพงที่แอบไปปาดน้ำตาเสียใจอยู่คนเดียว จากนี้ไปมันก็คงได้แต่คอยดูแลพี่ลออยู่ห่างๆ เพราะพี่ลอมีพี่เพื่อนเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้ว ทุกๆ วันที่นังแพงต้องทนเห็นพี่ลอกับพี่เพื่อนใกล้ชิดกัน แอบไปกอดไปหอมไปจูบกันที่หลังกองฟางตามประสาคู่หมั้นคู่หมาย นังแพงเห็นเข้าก็แกล้งไปขัดจังหวะหยอกเย้าไม่ให้ภาพมันบาดตาบาดใจมันเกินไป หลายครั้งก็โดนพี่ลอกับพี่เพื่อนดุด่าที่ชอบมาสาระแนขัดจังหวะ แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่านังแพงต้องแอบนอนร้องไห้อยู่บ่อยๆ จนมันคิดจะไปจากทุ่งบ้านสร้างไม่อยากอยู่ทนเห็นภาพบาดใจนี้อีก และโอกาสนั้นก็มาถึงเมื่อสมภารบุญเห็นแววฉลาดของนังแพงในระหว่างที่มันมาเรียนหนังสือที่วัด แม้นิสัยมันจะแก่นกวนเป็นม้าดีดกะโหลกแต่มันก็เป็นคนเรียนรู้ไว จนสมภารไม่อยากให้มันมาทำไร่ทำนาอยู่ที่ทุ่งบ้านสร้าง เลยคิดจะส่งเสียให้มันไปเรียนในบางกอกพร้อมกับไอ้เรืองที่หัวดีพอๆ กัน ตอนแรกนังแพงตอบรับคำแนะนำของสมภารแต่ขอให้เก็บไว้อย่าเพิ่งบอกให้ใครรู้ จนเมื่อถึงวันที่นังแพงจะต้องบอกเรื่องนี้ให้พี่ลอกับพ่อและพี่เพื่อนรู้ว่ามันต้องไปบางกอกเพื่อเรียนหนังสือ แต่ในระหว่างนั้นเองได้เกิดเหตุชาวบ้านทุ่งบ้านสร้างถูกโจรปล้นควายบุกเข้ามาเล่นงานฆ่าตายไปหลายคน และไม่มีใครเห็นหน้าค่าตาของไอ้โจรปล้นควาย ผู้ใหญ่ผาดกับไอ้ลอเห็นว่าถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คงต้องเดือดร้อนกันทั้งทุ่งบ้านสร้าง ไอ้ลอกับไอ้ก้อนจึงอาสาคอยลาดตระเวณช่วยเหลือชาวบ้านเฝ้าฝูงควายและได้เจอกับพวกโจรปล้นควายจนเกิดการต่อสู้กัน นังแพงเป็นห่วงพี่ลอที่หายไปทั้งคืนจึงตามไปดู แล้วเห็นพี่ลอกำลังจะถูกหัวหน้าโจรปล้นควายเล่นงาน นังแพงเอาตัวเข้าไปรับคมดาบจนบาดเจ็บ โจรปล้นควายกับพวกหนีไปได้ แต่ไอ้ลอได้เห็นหน้าของมันเพราะนังแพงไปดึงผ้าปิดหน้ามัน ออกมา ไอ้ลอจำได้ว่าโจรปล้นควายนั่นคือ เสือมิ่ง (เวนย์ ฟอลโคเนอร์) ลูกน้องเก่าของพ่อที่เคยฝึกเชิงดาบเชิง มวยให้ไอ้ลอมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นเอง

การที่เสือมิ่งมาปรากฏตัวที่ทุ่งบ้านสร้างไม่ใช่เพราะเรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะไอ้วีระนั่นเองที่อยู่เบื้องหลัง ไอ้วีระรู้เรื่องอดีตของเสือเทิดพ่อของไอ้ลอจนมันได้ไปเจอกับเสือมิ่งที่กำลังกลายเป็นเสือลำบาก มันจึงยื่นข้อเสนอให้เสือมิ่งสมัครพรรคพวกไปปล้นที่ทุ่งบ้านสร้าง หวังให้ทุกคนที่นั่นเข้าใจผิดว่าไอ้ลอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพราะเสือมิ่งเป็นเพื่อนกับพ่อไอ้ลอ นังแพงบาดเจ็บจากแผลถูกฟันต้องนอนรักษาตัวอาการน่าเป็นห่วง แต่นังแพงกลับไม่กลัวเจ็บกลัวตาย นังแพงเอาแต่ห่วงพี่ลอเรื่องที่เริ่มมีชาวบ้านพูดกันตามแผนที่ไอ้วีระวางไว้ว่าเสือมิ่งที่มาเที่ยวปล้นควายฆ่าชาวบ้านทุ่งบ้านสร้างรู้จักมักจี่สนิทสนมกับไอ้ลอ และกลายเป็นว่าไอ้ลอคือคนที่ชักนำให้เสือมิ่งเข้ามาปล้น นังแพงพยายามฝืนร่างกายที่ยังเจ็บบอกชาวบ้านว่าพี่ลอถูกใส่ความ จนตัวเองล้มหมอนนอนเสื่อและตัดสินใจปฏิเสธเรื่องไปเรียนที่บางกอกของสมภารบุญ นี่เองเลยทำให้ไอ้เรืองรู้ว่านังแพงรักไอ้ลอมากกว่าชีวิตของมันเอง แม้ไอ้เรืองจะขอร้องนังแพงให้เลิกทำแบบนี้ แต่นังแพงก็ยังยืนยันว่าชีวิตมันเป็นของพี่ลอไปแล้วตั้งแต่พี่ลอเลี้ยงดูมันมา ต่อให้พี่ลอไม่รักมันเหมือนอย่างที่พี่ลอรักพี่เพื่อน มันก็จะขอรักพี่ลอไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แผนการของไอ้วีระที่จะกำจัดไอ้ลอเกือบจะสำเร็จ เมื่อมีคนไปเห็นไอ้ลอไปพบกับเสือมิ่งแล้วเอามาพูดกันปากต่อปาก ไอ้ลอไม่ปฏิเสธว่ามันไปเจอเสือมิ่งมาจริงๆ แต่เป็นการไปยื่นคำขาดเพื่อขอร้องให้เสือมิ่งหยุดเล่นงานชาวทุ่งบ้านสร้าง และยอมมอบตัวกับตำรวจ แต่เสือมิ่งปฏิเสธเพราะฉะนั้นทางสุดท้ายที่ไอ้ลอต้องตัดสินใจคือการจัดการกับเสือมิ่ง ญาติผู้ใหญ่ที่มันเคยให้ความเคารพ และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าคนอย่างไอ้ลอไม่ใช่ลูกเสือลูกจระเข้ที่จะเดินทางซ้ำรอยพ่อมันเด็ดขาด งานนี้ไอ้วีระเลยเจ็บใจที่ทำยังไงก็กำจัดไอ้ลอไม่ได้ซะที ไอ้วีระเลยส่งคนของตัวเองมาสมทบกับเสือมิ่งเพื่อจัดการฆ่าไอ้ลอให้ตายๆ ไปซะ แต่ไอ้ลอก็ผ่านพ้นคมดาบของเสือมิ่ง และช่วยตำรวจจัดการลากคอเสือมิ่งเข้าคุก พร้อมกับการซัดทอดไปถึงผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังก็คือไอ้วีระ คราวนี้อิทธิพลของคุณประจวบก็ช่วยมันไม่ได้ ไอ้วีระกลัวถูกจับเลยต้องหนีหายหน้าไปจากทุ่งบ้านสร้างโดยไม่มีใครรู้ว่ามันหนีหายไปไหน

ผลงานช่วยจัดการกับเสือมิ่งของไอ้ลอทำให้มันเป็นที่ชื่นชมของชาวบ้าน และเลิกอคติเรื่องที่ไอ้ลอเป็นลูกเสือลูกจระเข้ แต่ไอ้ลอรู้สึกว่าคนที่ช่วยปกป้องชีวิตมันก็คือนังแพง ไอ้ลอจึงอยากขอบใจมันและไปรู้มาด้วยว่านังแพงเปลี่ยนใจไม่ไปเรียนในบางกอกก็เพราะเป็นห่วงมัน ไอ้ลอจึงไปพูดให้นังแพงกลับไปเรียนอีกครั้งเพื่ออนาคต แต่นังแพงยืนยันว่ามันจะอยู่ที่ทุ่งบ้านสร้างคอยช่วยพี่เพื่อนเลี้ยงลูก คอยอยู่ดูแลพ่อดีกว่า ซึ่งนังแพงก็ยินดีที่หน้าทำนาใกล้จะหมดแล้วพี่ลอจะได้แต่งงานกับพี่เพื่อนซะที แต่ทว่าก่อนหน้าจะถึงฤกษ์แต่งงานไอ้ลอเกิดล้มป่วยด้วยไข้ป่าจนอาการน่าเป็นห่วง ความดื้อของไอ้ลอที่ไม่ยอมกินยาฝรั่งทำให้อาการของไอ้ลอทรุดหนักลงไปมาก ระหว่างนั้นเองอา โฉมฉาย (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) น้องสาวของพิศซึ่งไปแต่งงานกับเศรษฐีมีฐานะดีอยู่ในบางกอก ได้เดินทางมาร่วมงานแต่งของนังเพื่อนหลานสาว แต่เพราะไอ้ลอป่วยจนเจียนตาย โฉมฉายจึงอาสาเป็นธุระพาไอ้ลอเข้าบางกอกไปให้หมอฝรั่งรักษา โดยมีนังเพื่อนตามไปดูแลคู่หมั้น ส่วนนังแพงถูกสั่งให้อยู่ทุ่งบ้านสร้างกับพ่อ แต่เพราะความเป็นห่วงอยากไปช่วยดูแลพี่ลอที่มันรัก นังแพงจึงเอาเรื่องเรียนหนังสือมาอ้างกับอาโฉมฉาย เพราะเห็นว่าอาชอบสนับสนุนคนได้มีความรู้ นังแพงจึงได้ตามไปดูแลพี่ลอที่บางกอกด้วย

เมื่อมาถึงบางกอกไอ้ลอโชคดีที่อาโฉมฉายรู้จักหมอเก่งๆ ช่วยพามารักษาไอ้ลอจนอาการมันพ้นขีดอันตราย เพียงแต่ไอ้ลอต้องพักฟื้นอีกนานกว่าที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ในระหว่างนี้เองอาโฉมฉายเลยให้นังแพงไปเรียนหนังสือที่คอนแวนต์ใกล้ๆ กับบ้าน ส่วนนังเพื่อนด้วยความที่เคยได้ยินเรื่องราวของบางกอกมาจากพี่แรมอย่างเดียวมาตลอด เมื่อมาได้เห็นความศิวิไลซ์เองกับตาก็ตื่นเต้นและอยากไปสัมผัสชีวิตสังคมคนมีเงินด้วยตัวเอง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเพิ่งจะเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และคำสั่งของคณะราษฏ์ที่อยากให้ประเทศพัฒนาอย่างฝรั่ง ก็ทำให้สังคมชนชั้นสูงเต็มไปด้วยความหรูหราฟุ่มเฟือย จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้นังเพื่อนได้รู้จักกับ คุณมานพ (แอนดรู กรเศก โคร์นิน) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เจ้าคุณรัตน์ (พลรัตน์ รอดรักษา) ซึ่งเพิ่งเรียนจบทางด้านกฏหมายมาจากสิงคโปร์ มานพเป็นหนุ่มสังคมหน้าตาหล่อจนเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในบางกอกจนแทบจะแย่งชิงตบตีกัน แต่มานพกลับสนใจความใหม่ สด และใสซื่อของนังเพื่อน ซึ่งเวลานี้มันได้แต่งตัวสวยๆ เพราะฝีมือการปรุงแต่งของอาโฉมฉาย ผู้หญิงอย่างเพื่อนทำให้มานพรู้สึกว่าต้องได้มาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แม้จะรู้ว่าเพื่อนมีเจ้าลอเป็นคู่หมั้นคู่หมายอยู่ แต่มานพก็ไม่ได้สนใจเพราะรู้ดีว่าเงินของเขาจะทำให้เพื่อนทิ้งไอ้ลอได้อย่างไม่ยากเย็น ความเปลี่ยนแปลงของพี่สาวที่ถูกผู้ชายบางกอกปรนเปรอด้วยของหรูหราราคาแพงและเริ่มไม่สนใจมาดูแลพี่ลอ เอาแต่ออกไปเที่ยวกับคุณมานพ ทำให้นังแพงรู้สึกไม่พอใจ ในทุกๆ วัน นังแพงจะต้องแอบหนีออกมาจากโรงเรียนคอนแวนต์เพราะมันเป็นห่วงพี่ลอ มันคอยมาเฝ้าดูแลจนอาการพี่ลอดีขึ้นลุกขึ้นได้ เวลาพี่ลอถามหานังเพื่อนนังแพงก็ต้องหาเรื่องโกหก เพราะไม่อยากให้พี่ลอเสียใจ พอสบโอกาสได้คุยกับพี่สาวและเตือนให้อยู่ดูพี่ลอบ้าง นังแพงก็ถูกพี่สาวต่อว่าที่มาจุ้นจ้านและขู่จะเอาเรื่องที่นังแพงแอบหนีเรียนไปฟ้องอาโฉมฉาย นังแพงเลยต้องปิดปากเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก้มหน้าก้มตาช่วยดูแลพี่ลอไป จนกระทั่งเมื่อไอ้ลอหายดีและตั้งใจตอบแทนบุญคุณอาโฉมฉายด้วยไปช่วยทำงานที่ท่าข้าวของอาโฉมฉาย ไอ้ลอตั้งใจจะเก็บเงินจากการทำงานเพื่อซื้อแหวนสวยๆ สักวงให้นังเพื่อนไว้สำหรับกลับไปแต่งงานที่ทุ่งบ้านสร้าง โดยไอ้ลอหารู้ไม่ว่าข้ออ้างที่นังเพื่อนบอกไอ้ลอว่าต้องขึ้นไปอยู่บนตึกเพื่อดูแลอาโฉมฉายที่ป่วยไม่ค่อยสบายนั้น นังเพื่อนอ้างเพื่อไม่อยากให้ไอ้ลอมาเห็นตัวเองใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณมานพมากกว่า เพราะเวลานี้นังเพื่อนเริ่มมีใจให้คุณมานพมากกว่าที่มีให้ไอ้ลอซะแล้ว

และแล้วในวันที่ไอ้ลอเก็บเงินได้จากการทำงานเป็นกุลีท่าข้าว ไอ้ลอตั้งใจจะไปหานังเพื่อนที่ตึกใหญ่ ซึ่งขณะนั้นมีงานเลี้ยงของอาโฉมฉายกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงสังคม นังแพงพยายามห้ามไม่ให้พี่ลอเข้าไปที่งานนั้น เพราะรู้ดีว่าจุดประสงค์ในการจัดงานนี้ก็คือการประกาศหมั้นหมายของนังเพื่อนกับคุณมานพ ด้วยเหตุผลทางการทำธุรกิจของอาโฉมฉายกับเจ้าคุณรัตน์ที่ต้องเอื้อต่อกัน นังแพงรู้เรื่องนี้มาก่อนและพยายามขอให้พี่เพื่อนเลือกพี่ลอ แต่อาโฉมฉายยืนยันว่าอยากให้นังเพื่อนเลือกคุณมานพเพื่ออนาคตของเธอและของตัวเพื่อนเอง สุดท้ายเพื่อนก็เลือกคุณมานพ ไอ้ลอมาเห็นภาพบาดตาของคนรักตัวเองกับชายหนุ่มคนอื่น ความโกรธแค้นทำให้มันบันดาลโทสะบุกเข้าไปเล่นงานคุณมานพจนบาดเจ็บ ก่อนที่มันจะโดนตำรวจลากคอเข้าห้องขัง นังแพงไปเฝ้าพี่ลออยู่หน้าห้องขังด้วยความเป็นห่วง จนสุดท้ายอาโฉมฉายก็มาช่วยเจรจาจนตำรวจยอมปล่อยตัวไอ้ลอ เพราะทางคุณมานพไม่เอาความแต่ไม่อยากให้ไอ้ลออยู่ที่บางกอกอีก แต่ไอ้ลอไม่ยอมกลับจนกว่าจะได้เจอนังเพื่อนและพานังเพื่อนกลับทุ่งบ้านสร้างไปกับมัน โฉมฉายเลยยอมให้ไอ้ลอได้พบกับนังเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ไอ้ลอพยายามอ้อนวอนคนรักขอให้เห็นแก่ความรักที่เคยมีต่อกัน ไอ้ลอพร้อมยกโทษให้นังเพื่อนที่หันไปชอบพอกับคุณมานพ ไอ้ลอเข้าใจอย่างสุภาพบุรุษลูกทุ่งว่าบางกอกย่อมทำให้คนเปลี่ยนไป แต่คำตอบที่ได้จากนังเพื่อนก็เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่กลางอกของไอ้ลอ นังเพื่อนยืนยันว่าจะอยู่บางกอกตอบแทนพระคุณของอาโฉมฉายด้วยการแต่งงานกับคุณมานพ และขอให้พี่ลอลืมว่าเคยมีคนชื่อนังเพื่อน

ตั้งแต่นั้นมาไอ้ลอต้องทนแบกความช้ำใจกลับมาทุ่งบ้านสร้างโดยมีนังแพงตามกลับมาด้วย นังแพงพยายามปลอบใจพี่ลอทุกอย่างหวังให้พี่ลอกลับมาเป็นพี่ลอคนเดิม มันพยายามใช้ความสดใสร่าเริงที่เคยกระเซ้าเย้าแหย่พี่ลอมาตลอด แต่คราวนี้หัวใจของพี่ลอถูกทำร้ายจนย่อยยับยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จนเหมือนว่านังแพงจะกลายเป็นส่วนเกินของชีวิต และในระหว่างนั้นเองไอ้วีระซึ่งได้หนีหายไปและตั้งตัวเป็นกลุ่มโจรคอยออกปล้น ได้ยินเรื่องที่ไอ้ลอกลับมาที่ทุ่งบ้านสร้างอีกครั้ง ความแค้นของไอ้วีระที่มีต่อไอ้ลอไม่เคยจางหาย มันจึงเดินทางกลับมาที่ทุ่งบ้านสร้างอีกครั้งเพื่อนฆ่าไอ้ลอ ไอ้วีระพร้อมกับพรรคพวกกลุ่มโจรยกขโยงเข้ามาปล้นฆ่าเผาบ้านเรือนทุ่งบ้านสร้างอย่างอุอาจ เหมือนต้องการแก้แค้นคนทุ่งบ้านสร้างที่ทำให้มันต้องหนีกลายไปเป็นโจร แต่ไอ้ลอกับไอ้ก้อนและผู้ใหญ่ผาดช่วยกันจับมีดจับดาบลุกขึ้นรับมือ ส่วนนังแพงถูกไอ้วีระบุกไปฉุดมาจากเรือนและกำลังจะถูกไอ้วีระทำร้าย ไอ้ลอก็รีบตามมาช่วยเหลือไว้ได้ทันและจัดการกับไอ้วีระส่งมันไปใช้กรรมในนรกอย่างสาสมกับความเลวของมัน หลังจากเหตุการณ์ความเป็นความตายในวันนั้นไอ้ลอถึงเริ่มรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่นังแพงมีต่อมัน และความห่วงใยที่มันมีต่อนังแพง ถ้าในคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นกับนังแพงมันก็คงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้ช่างเหมือนกับความรู้สึกที่มันมีให้นังเพื่อน ความรู้สึกรักมากกว่าเห็นนังแพงเป็นแค่น้องสาว

ในคืนที่ฝนฟ้าตกกระหน่ำไม่ต่างจากคืนที่นังแพงเสียแม่ไป นังแพงรู้สึกเป็นห่วงพี่ลอที่ไปนอนเฝ้าควายอยู่บนห้าง มันจึงลงจากเรือนไปหาพี่ลอพร้อมกับเอาผ้าห่มหนาๆ ไปให้ กลัวว่าพี่ลอจะหนาว แต่ความใกล้ชิดของหนุ่มสาวและความรักที่เริ่มเปิดเผยใจต่อกันก็ทำให้คืนนั้นไอ้ลอกับนังแพงตัดสินใจปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามอารมณ์ที่ถูกเก็บกดเอาไว้มานานหลายปี ขณะเดียวกันที่บางกอก ชีวิตของนังเพื่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่มันเฝ้าฝันหลังหมั้นหมายกับคุณมานพและยอมตกเป็นของคุณมานพไป นังเพื่อนก็เพิ่งจะค้นพบว่าคุณมานพไม่ใช่เทพบุตรผู้แสนดี แต่กลับเป็นซาตานในคราบผู้ดี คุณมานพชอบลงไม้ลงมือกับนังเพื่อนและยังมีเมียซุกเมียซ่อนอยู่อีกหลายคน โดยเฉพาะกับ โสภี (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) นักร้องสาวไนท์คลับที่คุณมานพติดอกติดใจจนปล่อยให้โสภีตามมาคอยราวีเพื่อนอยู่บ่อยๆ เพื่อนเอาเรื่องนี้ไปบอกอาโฉมฉายหวังให้ช่วยเหลือและปรามมานพ แต่อาโฉมฉายกลับทำเฉยและบอกให้นังเพื่อนอดทนไป ในเมื่อเพื่อนอยากเป็นสาวสังคมในบางกอกยังไงก็ต้องเป็นเบี้ยล่างผัว และยังไม่ยอมให้เพื่อนเลิกกับคุณมาพ เพราะผลประโยลน์ทางธุรกิจที่ทำไว้กับเจ้าคุณรัตน์ ชีวิตเพื่อนจึงเหมือนตกอยู่ในฝันร้ายและเฝ้าคิดถึงความดีความซื่อของพี่ลอผู้ชายที่มันเคยทรยศหักหลังเขา จนความอดทนของนังเพื่อนหมดลง เมื่อถูกคุณมานพตบตีทำร้ายต่อหน้าคนในวงสังคมกลางงานเลี้ยง นังเพื่อนตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าหนีกลับไปทุ่งบ้านสร้างโดยไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่บางกอกอีก

นังเพื่อนกลับมาถึงทุ่งบ้านสร้างเหมือนนกปีกหักที่กลับมาตายรังเก่า มันคิดว่าจะได้เจอหน้าพี่ลอเพื่อกราบขอขมา แต่ทว่าพี่ลอกลับไม่อยู่เพราะอาสาพาควายของชาวบ้านหนีน้ำเหนือไปเลี้ยงยังที่ดอนหลายเดือน นังเพื่อนพบแต่น้องสาวและพ่อโดยมีบางอย่างผิดปกติกับนังแพงที่ไม่ยอมเอ่ยปากบอกใคร ไม่ว่าคนเป็นพ่อและพี่สาวจะคาดคั้นให้มันพูดมันก็ไม่ปริปากบอกว่าลูกในท้องที่กำลังโตของมันเป็นลูกใคร จนไอ้เรืองอดสงสารนังแพงไม่ได้ที่ต้องโดนชาวบ้านรุมประนามและโดนพ่อตบตี ไอ้เรืองจึงป่าวประกาศว่ามันคือผัวของนังแพง และพร้อมจะจัดงานแต่งงานกับนังแพงทันที ไอ้ลอที่กำลังเลี้ยงควายอยู่ที่ดอนได้ยินข่าวเรื่องไอ้เรืองจะแต่งงานกับนังแพงจากไอ้ก้อนก็รีบกลับมาที่ทุ่งบ้านสร้าง แต่เมื่อกลับมาถึงมันก็พบว่านังแพงอยู่ในอาการเจียนตาย ลมหายใจรวยรินเพราะตกเลือดหลังจากที่ตกบันไดลงมาจากเรือน โดยก่อนหน้าที่นังแพงจะตกบันได นังแพงทะเลาะกับนังเพื่อนเรื่องพ่อที่แท้จริงของเด็กในท้องของนังแพง ซึ่งนังเพื่อนไม่เชื่อว่าเป็นไอ้เรือง แต่นังแพงไม่ยอมบอกว่าเป็นใครและเดินหนีพี่สาวจะลงจากเรือน นังเพื่อนไม่ทันเตือนน้องสาวเรื่องบันไดที่กำลังพัง นังแพงจึงพลัดตกบันไดและตกเลือดจนอยู่ในอาการนอนรอความตายและรอที่จะได้พบกับพี่ลอของมันอีกครั้ง ไอ้ลอรีบไปหานังแพงแต่ทว่าเมื่อไปถึงกลับพบนังแพงสิ้นลมหายใจไปแล้วพร้อมกับลูกน้อยในท้องของนังแพง หัวใจของไอ้ลอเจ็บปวดรวดร้าวทรมาน ไอ้ลอบอกให้นังเพื่อนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันและนังแพงในคืนที่มันได้เสียกัน คำพูดของนังแพงยังดังก้องหูของไอ้ลออย่างชัดเจน มันรู้ว่าพี่ลอรักพี่เพื่อนและเคยสาบานรักกัน แต่มันก็ยังรักพี่ลอเพราะว่ามันเกิดมาสำหรับพี่ลอ ไอ้ลอไม่โทษว่านี่คือความผิดของใคร แต่มันโทษตัวเองนี่แหละที่เป็นสาเหตุให้นังแพงต้องตาย และด้วยคำสาบานต่อหน้าสร้อยพระของพ่อที่ไอ้ลอเคยลั่นวาจาไว้กับนังเพื่อน ว่าถ้าผิดรักต่อนังเพื่อนเมื่อไร โทษของมันคือความตาย ไอ้ลอผู้ยึดมั่นในคำสัญญาจึงตัดสินใจมัดมือมัดเท้าตัวเองด้วยสายตะพายควาย แล้วนอนลงริมกระโดงใช้เท้าถีบดินให้ศรีษะตัวเองเลื่อนจมลงไปในน้ำ ตายอย่างผู้ชายที่ตั้งใจตาย การตายของมันจะได้รู้ว่ามันจงใจฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์คำสาบาน

กำกับโดย สยาม น่วมเศรษฐี
ประพันธ์โดย
บทประพันธ์ ยาขอบ, บทโทรทัศน์ ศุภชัย สิทธิอำพรพรรณ
นำแสดงโดย 
ศุกลวัฒน์ คณารศ ... พี่ลอ
จีรนันท์ มะโนแจ่ม ... เพื่อน
ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ... แพง
กฤษฎา สุภาพพร้อม ... วีระ
ภูษณะ บัวงาม ... เรือง
แอนดรู กรเศก โคร์นิน ... มานพ
พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ ... โฉมฉาย
อธิชนันท์ ศรีเสวก ... แก้ว
อติรุจ สิงหอำพล ... ก้อน
วินัย ไกรบุตร ... เสือเทิด
ธนายง ว่องตระกูล ... พิศ
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ... ประจวบ
ปิยะ ตระกูลราษฎร์ ... ครูแสง
พลรัตน์ รอดรักษา ... เจ้าคุณรัตน์
เวนย์ ฟอลโคเนอร์ ... เสือมิ่ง
สามารถ พยัคฆ์อรุณ ... ผู้ใหญ่ผาด
กรุง ศรีวิไล ... สมภารบุญ
ณรัฐ พัฒนาพงศ์ชัย ... ไม้
หนุงหนิง สีหราช ... มาด
กิ๊ฟ ชวนชื่น ... ด้วง
ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร ... โสภี
ภัทรนิษฐ์ แก้วมณี ... จำปา/จำเนียร
มัณฑนา หิมะทองคำ ... ลั่นทม
ณัชฌุกรณ์ ไหมกัน ... วิชิต
ริชาร์ด เกียร์นี่ ... ลอ (เด็ก)
ณพัศพร บุญธรรมรัตน ... เพื่อน (เด็ก)
ชนัญญา เลิศวัฒนามงคล ... แพง (เด็ก)

Read more »

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มนต์เจตภูต

ปารเมศร์ (สันติสุข พรหมศิริ) เศรษฐีที่ดินเจ้าของคฤหาสน์ย่านชานเมืองได้พา ฉวี (มิณฑิตา วัฒนกุล) เข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะเมียใหม่ ทำให้ภรรยาทั้งสองคนคือ เพ็ญ (ปวีณา ชารีฟสกุล) กับ ลดา (ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) ไม่พอใจ ฉวีได้นำกำปั่นไม้ใบเล็ก ลวดลายสวยงามติดตัวมาด้วย ลดายื้อแย่งเพื่อต้องการดูว่ามีอะไรอยู่ในกำปั่น แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อเห็นเป็นเพียงผ้าทอเก่าๆ ผืนหนึ่งเท่านั้น ปารเมศร์หลงใหลเมียใหม่มาก ถึงกับให้อยู่ร่วมในตึกใหญ่ ลดาไม่พอใจจึงใช้คุณไสยทำร้ายฉวี หารู้ไม่ว่าฉวีมีวิชาอาคมติดตัว นางชั้น (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) แม่ของเธอเป็นผู้ถ่ายทอดให้ นั่นคือวิชา "มนต์เจตภูต" ฉวีทำคุณไสยโต้ตอบลดาเป็นการสั่งสอน ลดาโกรธแค้น ตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉวี แต่ฉวีก็ไม่ละเลยที่หาทางทำร้ายเพ็ญภรรยาหลวงของปารเมศร์ด้วย ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ เพราะเพ็ญมีปิ่นเงินเก่าแก่อายุหลายร้อยปีที่พระธุดงค์เคยให้เธอไว้ป้องกัน ตัว

เพ็ญมีลูกชายคนหนึ่งชื่อ วงศ์เมือง (อรรณพ ทองบริสุทธิ์) ส่วนลดามีลูกชายหญิง 2 คน ชื่อ เลิศนรา (ศุภวิชญ์ บุญเกษม) กับ รุ้งมณี (ธันยนันท์ พิพัฒน์ไชยศิริ) ลดาจึงนำลูกไปฝากให้แม่เลี้ยงที่ต่างจังหวัด ปารเมศร์ไม่พอใจมากที่ลดาพรากลูกไปจากเขา ต่อมาเพ็ญถูกฉวีทำร้ายจนต้องหนีมาอยู่กับบิดามารดาที่กรุงเทพฯ แต่ฉวียังใช้คุณไสยทำร้ายจนมารดาของเพ็ญเสียชีวิต บิดาของเพ็ญต้องหนีไปบวช เพ็ญตัดสินใจส่งวงศ์เมืองไปอยู่กับเพื่อนที่อเมริกา และใช้ชีวิตอย่างสงบในวัดเล็กๆ ที่เชียงใหม่ ปารเมศร์สูญเสียลูกชายหญิงไปหมดทำให้เขากลุ้มใจและรู้สึกเหงา ฉวีสอนวิชามนต์เจตภูตให้เขา โดยเรียกเจตภูตในกายของคนอื่นมากักขังไว้ในโถแก้ว เขาถอดเจตภูตท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ เขาหลงใหลในวิชาที่ฉวีถ่ายทอดให้ วิชามนต์เจตภูตจะเรียกเจตภูตในกายคนออกมาจากร่างแล้วกักขังไว้ในผอบแก้ว คนที่ถูกเรียกเจตภูตออกจากกายจะตายลงในทันทีเพราะเจตภูตกลับเข้าร่างไม่ได้ คนแถวนั้นเชื่อว่าเป็นโรคไหลตาย แต่ก็เป็นปริศนาคาใจ หมวดพิชิตชัย (ภัทรบุตร เขียนนุกูล) นายตำรวจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของคดี เขาพยายามหาข้อมูลผู้ที่รู้เรื่องราวปริศนานี้อย่างแท้จริงคือ ลุงอ่อน (ศรีหลอด สีใส) สัปเหร่อที่วัดของหมู่บ้าน ลุงอ่อนเคยร่ำเรียนวิชามนต์เจตภูตมาเช่นกัน แต่ได้หันหลังให้แก่วิชานี้มานานมากแล้ว

วงศ์เมืองเติบโตเป็นจิตรกรหนุ่มรูปงามมีชื่อเสียง คบหาอยู่กับหญิงสาวชาวไทยชื่อ พิณนรี (อภิษฐา คล้ายอุดม) ช่างภาพสาว ตลอดเวลาวงศ์เมืองเป็นคนเก็บตัว บางครั้งซึมเศร้า เหมือนมีเรื่องกังวลอยู่ตลอดเวลา พิณนรีพยายามหาสาเหตุที่คนรักเป็นเช่นนั้น ต่อมาวงศ์เมืองกลับเมืองไทย เขาพบว่าบ้านของตากับยายที่กรุงเทพฯ ถูกขายไป เขาไม่รู้ว่าแม่อยู่ที่ใด จึงตัดสินใจกลับไปยังคฤหาสน์ชานเมืองที่ซึ่งเขาจากมาตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนถึงคฤหาสน์เขาได้พบกับลุงอ่อน แกเตือนเขาให้ระวังตัว แต่ก็ไม่บอกรายละเอียดอะไร ปารเมศร์ดีใจมากที่ลูกชายกลับมา ลดาเห็นเป็นโอกาสจึงไปรับเลิศนรากับรุ้งมณีกลับมาอยู่ร่วมกันในคฤหาสน์ ฉวีเกรงว่าปารเมศร์จะหลงลูกจนละเลยวิชามนต์เจตภูตของตน นางชั้นบอกฉวีถึงความลับของวิชามนต์เจตภูตว่าหากวันหนึ่งวิญญาณหรือเจตภูต ที่ปารเมศร์ใช้วิชาถอดมาจากร่างผู้ตายเกิดรวมตัวกันขึ้นจะกลายเป็นเจ้า เจตภูต เป็นอสุรกายที่น่ากลัวและอาจจะควบคุมไม่ได้ ฉวีเริ่มรู้สึกกลัวแต่ในขณะเดียวกันเธอก็วางแผนให้วงศ์เมืองกลายเป็นร่างของ เจ้าเจตภูต

และแล้วสิ่งที่ฉวีคาดไว้ก็เกิดขึ้น โถแก้วกักขังวิญญาณเกิดตกแตก ปารเมศร์สิ้นใจ เจตภูตจำนวนมากรวมตัวกันเป็นเจ้าเจตภูตและใช้วงศ์เมืองเป็นร่าง ทุกคืนพระจันทร์วันเพ็ญวงศ์เมืองจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาออกล่าเจตภูตในกายผู้อื่น ลุงอ่อนรู้ถึงชะตากรรมของชายหนุ่ม แกหาทางช่วยกักตัววงศ์เมืองไว้มิให้ทำร้ายผู้อื่นได้ แต่ก็ไม่สำเร็จทุกครั้งไป พฤติกรรมของวงศ์เมืองอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยของพิชิตชัย พิณนรีตามหาวงศ์เมืองแต่ไม่พบ จนกระทั่งเธอจัดนิทรรศการภาพถ่าย โดยมี ระริน (ภรภัสสรณ์ ชัยอนันต์นิธิ) เพื่อนสาวเป็นผู้ช่วย นิทรรศการนี้เองที่นำพาวงศ์เมืองมาพบเธอ เช่นเดียวกับพิชิตชัยที่รู้สึกพอใจพิณนรีตั้งแต่แรกเห็นโดยไม่รู้ว่าระริน แอบปลื้มเขาอยู่ พิณนรีถ่ายรูปวงศ์เมือง เมื่อล้างรูปออกมาเธอเห็นเงาร่างซ้อนร่างของวงศ์เมืองอยู่ ระรินแนะนำให้พิณนรีไปดูหมอกับพระที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นวัดที่เพ็ญปฏิบัติ ธรรมอยู่ หลวงพ่อบอกว่าคนรักของพิณนรีกำลังมีกรรม ถูกปองร้าย บารมีของเธอจะช่วยคนรักได้ เพ็ญกราบลาหลวงพ่อและขอติดตามพิณนรีมาเป็นคนรับใช้ที่บ้าน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เพทายกับประพันธ์ บิดามารดาของพิณนรีต้องการคนรับใช้อยู่พอดี

เพ็ญดีใจมากที่ได้อยู่ใกล้พิณนรีเพราะเท่ากับว่าเธอจะได้ข่าวคราวของลูกชาย ด้วย เวลานี้วงศ์เมืองกำลังตกอยู่ในความทุกข์ เขาเกลียดกลัวคืนวันเพ็ญอย่างไม่รู้สาเหตุ มีแต่ลุงอ่อนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนปลอบใจเขา พิณนรีมาเที่ยวที่คฤหาสน์ ฉวีไม่ชอบหน้าพิณนรีอย่างมาก หาทางทำร้าย เมื่อพบว่าเลิศนราหาทางล่วงเกินพิณนรีจึงซ้อนแผนโดยการถอดเจตภูตปลอมตัวเป็น เลิศนราเข้าทำร้ายพิณนรี แต่พิณนรีใช้ปิ่นเงินที่เพ็ญให้มาแทงเลิศนรา แต่กลายเป็นว่าฉวีบาดเจ็บไม่สามารถห้ามเลือดได้ถึงแก่ความตาย นางชั้นโกรธแค้นแทนลูกสาวจึงนำวิญญาณของฉวีไปฝากไว้กับ ฉ่อง (ทองขาว ภัทรโชคชัย) หมออาคมผู้เป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับตน ต่อมาฉ่องได้ผีฉวีเป็นเมีย ผีฉวีแค้นพิณนรีหาทางทำร้ายพิณนรีทุกวิถีทาง พิณนรีย้ายมาอยู่กับวงศ์เมือง เธอยอมให้ทุกคนนินทาว่าร้ายและทำให้บุพการีเสียใจ แต่เธอเชื่อว่าความรักจะเป็นเกราะป้องกันคนรักให้พ้นอันตรายได้ การที่พิณนรีมาอยู่ที่คฤหาสน์ทำให้พิชิตชัยมาที่คฤหาสน์บ่อยๆ เป็นเหตุให้รุ้งมณีซึ่งหลงรักพิชิตชัยไม่พอใจพิณนรียิ่งขึ้น

ในที่สุดพิณนรีก็ได้พบกำปั่นบรรจุผ้าทอซึ่งเป็นที่มาของความลึกลับต่างๆ เธอนำผ้ามาให้ระรินดู ระรินพาไปหาแม่หมอและให้อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าพิสูจน์ อาจารย์ให้ความเห็นว่าผ้าผืนนั้นมีอายุหลายร้อยปี น่าจะมาจากเขมร เป็นผ้าห่อศพเจ้านายชั้นสูง แม่หมอบอกให้รักษาไว้ให้ดี ผ้าผืนนี้จะช่วยชีวิตทุกคนได้ หากใช้คลุมร่างของผู้ที่ถูกเจ้าเจตภูตสิงเมื่อใด เจ้าเจตภูตจะทนไม่ได้ แม่หมอขอให้พิณนรีปฏิบัติธรรมเพื่อช่วยชีวิตวงศ์เมือง ในที่สุดเพ็ญก็มาที่คฤหาสน์ วงศ์เมืองดีใจมากที่ได้พบแม่ แต่ลดาไม่พอใจเพราะหลังจากที่ปารเมศร์ตาย คฤหาสน์หลังนี้ก็ตกเป็นของวงศ์เมือง เธอยังอยากให้เป็นของเลิศนรามากกว่า ยิ่งฉวีตายไปแล้วอุปสรรคก็ยิ่งน้อยลง การมาของเพ็ญทำให้ความต้องการของลดายุ่งยากมากขึ้น ลดาจึงหาเรื่องเพ็ญแต่เพ็ญก็อดทน เพื่ออยู่ช่วยเหลือลูกเพราะหากวงศ์เมืองเป็นอะไรไป คฤหาสน์และสมบัติทั้งหมดต้องตกเป็นของลูกลดา

ลดาร่วมมือกับพิชิตชัยหาทางจับวงศ์เมืองเข้าคุกในฐานะฆาตกรฆ่าคน แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจน เพ็ญพยายามอธิบายแต่ลดาไม่สนใจ ลดาต้องการเปิดโปงความลับเรื่องที่วงศ์เมืองมีอาการแปลกๆ ในคืนวันเพ็ญ เพ็ญเชื่อว่าปิ่นเงินและบารมีที่เธอปฏิบัติธรรมมาตลอดชีวิตจะช่วยลูกชายได้ ในคืนวันเพ็ญนั้นเองพิณนรีกลับบ้านเพื่อนำเอาผ้าทอกับกำปั่นซึ่งเธอซ่อนไว้ ในห้องของเธอมายังคฤหาสน์ และเล่าความจริงทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง เพทายกับประพนธ์จึงตระหนักถึงความรักที่หนุ่มสาวทั้งสองมีต่อกัน และยอมเสียสละทุกอย่างเพื่ออีกฝ่าย เพทายกับประพนธ์จึงมาที่คฤหาสน์ด้วย ร่วมมือกับเพ็ญทำสมาธิให้เกิดพลัง คืนนั้นวงศ์เมืองถูกเจ้าเจตภูตเข้าสิง พิณนรี เพ็ญ ประพนธ์ เพทาย และแม่หมอ ช่วยกันนำผ้าทอคลุมร่างของวงศ์เมืองได้สำเร็จ เจ้าเจตภูตออกจากร่างไป รุ่งเช้าทุกคนคิดว่าเรื่องร้ายๆ จะผ่านไปด้วยดีแล้ว แต่รุ้งมณีหวีดร้องเสียงดัง เมื่อทุกคนไปถึงจึงรู้ว่าฉ่องเรียกเจตภูตในร่างของรุ้งมณีไปกักขัง แล้วใช้เจตภูตของตนสิงร่างของรุ้งมณี ฉ่องเรียกร้องเอาผ้าทอแล้วจะคืนเจตภูตของรุ้งมณีให้ แต่ไม่สำเร็จสัปเหร่ออ่อนมาที่คฤหาสน์และใช้วิชามนต์เจตภูตที่ตนทิ้งร้างไป นาน ทำลายเจตภูตของฉ่องจนสิ้นชีวิต ความรักที่พิณนรีมีต่อวงศ์เมืองทำให้เธอยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อคนรัก เพราะเธอมั่นใจว่าแม้เขาจะเป็นเจ้าเจตภูต แต่ก็หาได้ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นเจ้าหัวใจไม่  
Read more »

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

รักออกฤทธิ์







ละครออกอากาศ วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ 
ช่องที่ออกอากาศ 3
เริ่มออกอากาศ 17 พฤษภาคม 2557
เวลาออกอากาศ 20:15 - 22:45 น.




โจ (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ) นักสืบหนุ่มเจ้าของฉายาใหม่ที่ตั้งให้ตัวเองว่า โจ แอปพันหน้า แต่เป็นที่รู้จักในวงการด้วยฉายาที่คนอื่นตั้งให้ว่า โจตัวซวย เพราะที่ผ่านมา โจอยู่กับใครก็สร้างความบรรลัยให้คนที่เขาอยู่ด้วยเสมอ จนโจต้องออกมาอยู่เป็นเจ้านายตัวเองด้วยการเป็นนักสืบอิสระ

โจได้รับงานใหม่จาก คุณหญิงจุ๋ม (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) ให้สืบคดีการถึงแก่กรรมของ คุณชายแจ้ น้องชายแท้ๆ ของเธอ ซึ่งผู้ต้องสงสัยก็คือ วนิษา (นิษฐา จิรยั่งยืน) หม้ายสาวสวยรวยเสน่ห์ โจ ปลอมตัวจนได้เป็นคนขับรถของวนิษา และสืบประวัติของเธอจนรู้ว่าวนิษาแต่งงานมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกคือแต่งงานกับคุณชายแจ้ (กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์) ซึ่งคุณชายแจ้ก็ถึงแก่กรรมอย่างมีปริศนาในงานแต่งงานนั่นเอง ต่อมาวนิษาแต่งงานอีกครั้งกับ เสี่ยป๊อก (ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ) เจ้าพ่อแก๊งอิทธิพลในย่านชาวจีน และเสี่ยป๊อกก็ตายคาห้องหอในคืนวันแต่งงานเช่นกันจนวนิษาได้ฉายาว่า ผู้หญิงบริโภคภัสดา สร้างความท้าทายต่อผู้ชายคนอื่นที่คิดจะมาจีบหม้ายสาวสวยรวยทรัพย์อย่างวนิษา 
สามีที่ตายไปทั้งสองคนของวนิษาไม่เพียงแต่จะทิ้งมรดกมหาศาลให้เธอ แต่ยังทิ้งภาระความรับผิดชอบอันหนักหนาให้ด้วย ตอนเช้าวนิษาต้องเป็นผู้จัดการตลาดสดชื่อดังที่เป็นของคุณชายแจ้ พอตกบ่ายวนิษาก็ต้องเป็นสะใภ้จ้าวเพื่อดูแลปรนนิบัติ หม่อมจันทิรา (สาวิตรี สามิภักดิ์) หม่อมแม่ของคุณชายแจ้ที่รักและเอ็นดูเธอ ตกเย็นต้องคุมพวกลูกน้องและธุรกิจสีเทาของเสี่ยป๊อกอีก และที่หนักหนาสาหัสที่สุด เธอต้องรับบทแม่เลี้ยงดูแล ปลายฝน (อารดา อารยวุฒิ) ลูกสาววัยเกรียนคนเดียวของเสี่ยป๊อก 

โจแปลกใจที่รู้ว่าวนิษาชอบทำบุญมาก จนในที่สุดก็รู้ว่าวนิษามีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะมีครอบครัวที่อบอุ่น นั่นคือสิ่งที่เธอโหยหาเพราะพ่อแม่เธอเลิกกันตั้งแต่เด็ก ความจริงแล้วการแต่งงานสองครั้งที่ผ่านมาของเธอก็เพราะเธอเชื่อว่าเขาทั้งสองจะช่วยเธอสร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้เธอได้ น่าเศร้าที่งานแต่งงานทั้งสองครั้งของเธอจบลงด้วยงานศพ วนิษาเชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของดวงกินผัวจริงๆ เธอจึงพยายามสร้างบุญกุศลเยอะๆ เผื่อจะบรรเทาเบาบางแก้เคล็ดแก้อาถรรพ์ได้ 

ขณะที่โจเอง พอเกิดมาพ่อก็ถูกจับติดคุก แม่ต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไปอยู่ต่างประเทศ ญาติสนิทที่รับโจไปเลี้ยงดูก็เจอแต่เรื่องเดือดร้อนไม่ว่า ไฟไหม้บ้าน โดนฟ้องล้มละลาย ทุกคนโจษจันกันว่านี่คือเด็กชายตัวซวย ไม่มีใครกล้าเลี้ยงดูโจอีก จนในที่สุดโจต้องไปเป็นเด็กวัด อยู่กับ หลวงพ่อสีสุก (รอง เค้ามูลคดี) ซึ่ง หลวงพ่อใช้หลักธรรมสอนโจ จนโจไม่เชื่อเรื่องดวง และไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาเป็นเจ้าของดวงตัวซวย ในความคิดของโจ ถ้าคุณชายแจ้กับเสี่ยป๊อกตายโดยไร้สาเหตุแบบที่เป็นอยู่ก็แสดงว่าวนิษาเป็นผู้หญิงบริโภคภัสดาจริงๆ แต่ถ้าเขาสืบจนพิสูจน์ได้ว่าทั้งสองคนถูกฆ่า แสดงว่ามีการวางแผนการฆาตกรรมซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องดวงกินผัวของวนิษา เขาก็จะประกาศให้โลกได้รู้ว่าโลกนี้ไม่มีดวงกินผัว คนทั่วไปก็จะยอมรับได้ว่าไม่มีดวงตัวซวยเช่นกัน เขาก็จะลบมลทินให้ตัวเองได้อย่างสง่างาม 
แต่เมื่อโจยิ่งสืบเรื่องของวนิษาได้มากขึ้นเท่าไร เขาก็รู้ว่าวนิษาไม่ใช่ฆาตกร หนำซ้ำเธอยังเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดี อ่อนโยน จริงใจ มีเสน่ห์ จนเขาแอบตกหลุมรักเธอเข้าจนได้ ในขณะเดียวกันโจก็ต้องช่วยเพื่อนคนหนึ่งของพ่อชื่อ ซูซี่ (อนันต์ เสมาทอง)ไขคดีฆาตกรรม ให้หลุดพ้นมลทินที่ถูกปรักปรำว่าฆ่าคนตาย โดยมี ป๋อง (ภูวดล เวชวงศา) ผู้ช่วยวัยว้าวุ่นของโจเป็นคนคอยช่วยเหลืออีกแรงในฐานะคนขับรถ โจกลายเป็นคนสนิทกึ่งบอดี้การ์ดให้วนิษา พาเธอไปทำบุญแล้วยังต้องช่วยเธอหลบหนีจากการตามล่าของอริในวงการสีเทา แถมด้วยการเล่นกลปลอบใจยามที่เธอโศกเศร้าด้วยแม้กิตติศัพท์ผู้หญิงกินผัวของวนิษาจะเป็นที่ล่ำลือ แต่ก็หยุดผู้ชายหลายคนไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือพระเอกหนุ่มมาแรงชื่อ กริช (กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์) กริชช่วยชีวิตพ่อของวนิษาไว้ ทำให้วนิษาซาบซึ้งใจยอมแต่งงานกับเขา 

งานนี้โจทุ่มสุดตัว ถ้าวนิษาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เธอต้องลงมืออีกครั้ง และเขาจะต้องจับเธอให้ได้ ในที่สุดงานแต่งงานของกริชกับวนิษาก็จบลงด้วยงานศพจนได้ กริชตายอย่างปริศนาคาชุดเจ้าบ่าวอีกคน โจงงเป็นไก่ตาแตกทั้งๆ ที่โจคอยจับตาดูวนิษาแทบทุกฝีก้าว ขณะที่วนิษาก็เสียใจและโทษตัวเองอีกครั้งว่าเป็นเพราะดวงอาถรรพ์ของเธอ วนิษาตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับอดีตสามีทั้งสามและเริ่มต้นใหม่ในชาติหน้า แต่โจมองออกว่าวนิษาบวชด้วยความขมขื่นใจและรู้สึกผิดมากกว่าจะบวชเพื่อหาทางสงบ โจจึงสารภาพกับวนิษาว่าความจริงเขาคือนักสืบ และดวงตัวซวยของเขานั่นเองที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณชายแจ้ เสี่ยป๊อก และกริช ต้องตายเพราะทั้งสามคนเป็นนายจ้างของเขา และที่ต้องตายเพราะดวงตัวซวยของเขานั่นเอง 

หลังจากสารภาพความจริง วนิษาโกรธโจที่หลอกเธอมาตลอดจนโจเข้าหน้าไม่ติด แต่แล้วในที่สุดกลับเป็นวนิษาเองที่กลับมาหาโจ และอนุญาตให้เขาตามประกบติดเธอเพื่อสืบเรื่องของเธอได้อย่างเต็มที่ เมื่อทุกอย่างถูกพิสูจน์ว่าวนิษาไม่ได้เป็นฆาตกร เธอจะได้พ้นมลทินเสียที ในช่วงที่ทั้งคู่ใกล้ชิดกันทำให้สองคนเริ่มมีใจให้กัน รักกัน และเมื่อใดโจพิสูจน์ได้ว่าดวงกินผัวของเธอไม่มีจริงเมื่อนั้นเธอก็กล้าพอที่จะคิดถึงเรื่องชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นอีกครั้ง 
แต่แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวเข้ามาในชีวิตของวนิษา เขาชื่อ ภาคย์ (พศิน เรืองวุฒิ) เป็นเจ้าของดวงปรมะ ดวงที่หายากที่สุด ดวงที่แข็งแกร่งที่สุด ดวงที่ไม่มีใครทำอันตรายได้ไม่ว่าจะเป็นโจตัวซวยหรือผู้หญิงบริโภคภัสดาก็ตาม ต้นรักที่โจและวนิษาแอบปลูกกันขึ้นมาอย่างเงียบๆ ผ่านความห่วงใย เอื้ออาทร และปลอบโยนซึ่งกันและกัน ทำให้วนิษาตัดใจจากโจเมื่อภาคย์ขอเธอแต่งงาน นั่นเพราะเธอรักโจและไม่อยากให้เขาต้องมาตายเพราะดวงของเธอ โจขอร้องวนิษาให้โอกาสสุดท้าย เขาจะพิสูจน์ให้ได้ว่าสามีทั้งสามของเธอไม่ได้ตายเพราะดวงกินผัว แต่ตายเพราะใครสักคน 

โจทำได้สำเร็จ จากคดีของซูซี่ที่ถูกปรักปรำทำให้เขาพบร่องรอยจนโยงเรื่องได้ว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น กับสามีของวนิษาทั้งสามคน แต่เขาไม่มีหลักฐานพิสูจน์ ในที่สุดวนิษาก็เลือกที่จะแต่งงานกับภาคย์ เจ้าของดวงเหนือมนุษย์ที่จะไม่ตายในคืนวันแต่งงานเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ขณะเดียวกันก็มีข่าวร้ายว่าคุณหญิงจุ๋ม นายจ้างคนล่าสุดของโจถึงแก่กรรม นั่นยิ่งตอกย้ำเรื่องดวงตัวซวยของโจให้หนักแน่นยิ่งขึ้น โจท้อแท้และยอมรับในที่สุดว่าเขาเป็นเจ้าของดวงตัวซวยจริง โจวางมือจากทุกอย่างทั้งการงานและความรักเพื่อไปเมืองจีน ไปตามหาซินแสที่แก้ดวงให้เขา



กำกับโดย สมจริง ศรีสุภาพ
ประพันธ์โดย

บทประพันธ์ นิตินันท์, วรรณพร, นิพล, บทโทรทัศน์ สมภพ ผูกพันน้อย
นำแสดงโดย 
ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ... นำโชค / โจ
นิษฐา จิรยั่งยืน ... วนิษา
โชติกา วงศ์วิลาศ ... ระริน
กฤตฎ์ อมรชัยฤกษ์ ... กริช
พศิน เรืองวุฒิ ... ภาคย์
อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล ... พจน์
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ... หญิงจุ๋ม
ภูวดล เวชวงศา ... ป๋อง
อารดา อารยวุฒิ ... ปลายฝน
สาวิตรี สามิภักดิ์ ... หม่อมจันจิรา
ศันสนีย์ สมานวรวงศ์ ... วรางค์
ณหทัย พิจิตรา ... วลัย
ทนงศักดิ์ ศุภการ ... ประดิษฐ์
ภัสสร บุณยเกียรติ ... เพ็ญแข
สมชาย ศักดิกุล ... ธงธง
ประกาศิต โบสุวรรณ ... เสี่ยเพ้ง
ธนายง ว่องตระกูล ... ปฐม
รอง เค้ามูลคดี ... หลวงพ่อสีสุก
อนันต์ เสมาทอง ... ซูซี่
เอก โอรี ... สถาพร
ระวีวัฒน์ ลิ้มสินธะโรภาส ... เอ็ม
สุทธาทิพย์ วุฒิชัยประดิษฐ์ ... หนุงหนิง
กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์ ... คุณชายแจ้
ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ ... ตั่วเฮีย / เสี่ยป๊อก
Read more »

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

อย่าลืมฉัน

เขมชาติ (เจษฏาพร ผลดี) ตกหลุมรักสุริยาวดีหรือหนูเล็ก (แอน ทองประสม) เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยตั้งแต่แรกเห็น ทั้งคู่ต่างเป็นรักแรกของกันและกัน เขามอบแหวนดอกไม้รูปดอกฟอร์เก็ตมีน็อตให้เธอไว้เป็นตัวแทนความรักให้ไม่ลืมกัน ตอนนั้นครอบครัวของสุริยาวดีประสบปัญหาทางการเงินเป็นหนี้ธนาคารจำนวนมาก สุริยาวดีถูกครอบครัวขอร้องให้แต่งงานกับ ชวลิต รัตนชาติ (เศรษฐา ศิระฉายา) นายธนาคารใหญ่เพื่อใช้หนี้ สุริยาวดีเลือกที่จะหายจากชีวิตของเขมชาติไปโดยไม่บอกลา เขมชาติเจ็บปวดเมื่อรู้ในภายหลังว่าคนรักลาออกจากการเรียนกลางคันเพื่อไปแต่งงานกับมหาเศรษฐีแก่คราวพ่อ จึงมุ่งสร้างฐานะจนร่ำรวย

ชวลิตต้องการแต่งงานกับหนูเล็กเพื่อให้เธอมาดูแลวันจักรหรือไก่ (เฮเดน ฟิชเชอร์) กับแววจักรหรือไข่ (โจชัว ฟิชเชอร์) ลูกชายแฝดซึ่งเกิดจากภรรยาคนสุดท้าย ชวลิตรู้ดีว่าอัมพิกา (มยุริญ ผ่องผุดพันธ์)และอรทัย (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) ลูกสาวของตนนั้นรังเกียจเด็กแฝดที่เป็นลูกนอกสมรสคนนี้มาก เขากลัวว่าถ้าหากเขาเป็นอะไรไปลูกชายคนเล็กทั้งสองคนนี้อาจจะไม่มีใครปกป้องคุ้มครอง ตอนแรกชวลิตต้องการขอให้หนูเล็กแต่งงานกับ เอื้อ (สหรัถ สังคปรีชา) ลูกชายคนเดียวเพื่อให้เอื้อและหนูเล็กรับไก่และไข่ไปดูแลในฐานะลูก แต่อัมพิกาและอรทัยไม่ยอม ทั้งคู่คอยเป่าหูว่าหนูเล็กเป็นผู้หญิงไม่ดี เอื้อจึงชิงปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานทำให้ชวลิตจำเป็นต้องรับหนูเล็กเป็นภรรยาของเขาตามกฎหมาย แต่เขาก็แต่งงานกับเธอแต่ในนามเพื่อให้เธอช่วยทำหน้าที่เป็นแม่ให้เด็กๆ

หลังจากชวลิตเสียชีวิต เขาทำพินัยกรรมมอบหุ้นของบริษัทให้กับหนูเล็กไว้เพื่อให้เป็นสมบัติสำหรับเด็กแฝดในอนาคต อัมพิกาและอรทัยพยายามบีบซื้อหุ้นคืนมาจากหนูเล็ก หนูเล็กเปลี่ยนชื่อเป็นสุริยง และพาเด็กแฝดทั้งสองย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ อาทิตย์ (สมภพ เบญจาธิกุล) และนภา (วาสนา สิทธิเวช) เพื่อตัดปัญหาจากบรรดาลูกสาวของชวลิต เธอเริ่มออกหางานทำจนมาสมัครเป็นเลขาที่บริษัทของเขมชาติในขณะที่เขมชาติไปดูงานที่ต่างประเทศ สมคิด (มนตรี เจนอักษร) ผู้ใหญ่ในบริษัทกำลังหนักใจกับเขมชาติที่อารมณ์ร้ายจนทำให้เลขาพากันถอยหนี สมคิดตัดสินใจรับหนูเล็กซึ่งเป็นหญิงม่ายเข้ามารับตำแหน่งเลขาให้เขมชาติ

ทันทีที่เขมชาติกลับมาพบว่าหนูเล็กกลายมาเป็นเลขาของเขา เขมชาติยังฝังใจเจ็บแค้น เขาจึงไล่เธอออกทันทีที่เห็นหน้า ทำเอาวิบูลย์ (พิษณุ นิ่มสกุล) ซึ่งเป็นลูกน้องของเขมชาติงุนงง แต่แล้วเขมชาติก็เปลี่ยนใจ เพราะต้องการแก้แค้น สมคิดกับวิบูลย์แปลกใจมากที่เห็นเขมชาติตั้งหน้าตั้งตาแกล้งหนูเล็กทั้งๆ ที่เธอก็ทำงานได้ดีกว่าเลขาเก่าๆ เขมชาติตั้งใจกลั่นแกล้งหนูเล็กให้ทำงานแบบหัวปั่น หนูเล็กรับมือกับความเจ้าอารมณ์ของเขมชาติได้ทุกอย่างแถมยังกล้าท้าทายเขาอย่างไม่กลัว เขมชาติปล่อยให้เธอต้องรับมือกับบรรดาสาวๆ ของเขาจนทำให้หนูเล็กได้รู้ว่าเขมชาตินั้นมีผู้หญิงเข้าหามากมาย โดยเฉพาะกับวานิต้า (โชติกา วงศ์วิลาศ) สาวเปรี้ยวที่เขมชาติถึงกับสาปส่ง จะมีก็แต่เกนหลง (ศรีริต้า เจนเซ่น) เพียงคนเดียวที่เขมชาติให้เกียรติเป็นอย่างดีจนถึงขั้นที่ใครๆ ก็คิดว่าเกนหลงคงจะเป็นผู้หญิงที่เขมชาติลงเอยด้วย

หนูเล็กต้องลางานเพราะลูกป่วยจนทำให้เขมชาติไม่พอใจ แต่ในคืนเดียวกันนั้นเขาเห็นว่าหนูเล็กออกไปกินข้าวกับเอื้อในร้านเดียวกัน เขมชาติโกรธคิดว่าหนูเล็กใช้ข้ออ้างเรื่องลูกป่วยเพื่อไปจับผู้ชายรวยๆ เขายิ่งเกลียดเธอขึ้นมากกว่าเก่าจนถึงกับพาลไปขอร้องให้เกนหลงมาทำหน้าที่เลขาแทนหนูเล็กซะ เขมชาติพยายามแสดงออกให้หนูเล็กรู้ว่าเขารักเกนหลงมากเพื่อหวังจะใช้มันกลบเกลื่อนร่องรอยความเจ็บปวดในอดีตและเพื่อทำให้หนูเล็กรู้สึกเจ็บอย่างที่เขาเคยเจ็บบ้าง

หนูเล็กมีโอกาสได้พบกับเอื้อบ่อยๆ เพราะเรื่องพินัยกรรม เขมชาติออกอาการหึงโดยไม่รู้ตัว เขาปกปิดอาการหึงหวงของตัวเองด้วยการเอาความรักที่มีต่อเกนหลงมาบังหน้า เขมชาติทำทีสงบศึกกับหนูเล็กและจงใจใช้ให้เธอเป็นที่ปรึกษาเรื่องหัวใจเพื่อหวังจะทรมานหัวใจหญิงสาว เกนหลงรู้สึกสนิทใจกับหนูเล็กเป็นพิเศษจนถึงกับแวะไปเยี่ยมเยียนเธอที่บ้าน เขมชาติถือโอกาสแอบติดตามไปที่บ้านของหนูเล็กด้วย เขารู้สึกไม่ค่อยสนิทใจกับลูกฝาแฝดของหญิงสาวเท่าไหร่นัก ในขณะที่เขมชาติแกล้งทำดีกับหนูเล็ก เขาก็รุกขอเกนหลงแต่งงานไปพร้อมๆ กันเพื่อหวังจะหักอกหนูเล็กให้เจ็บแสบ เกนหลงรักเขมชาติแต่ยังไม่ไว้ใจเพราะรู้สึกเหมือนว่าเขามีอะไรบางอย่างภายในใจที่เธอเข้าไม่ถึง เกนหลงจึงไม่ยอมรับปากแต่งงานกับเขาแม้ว่าเขมชาติจะตามตื้อแค่ไหนก็ตาม

เกนหลงชวนไก่ไข่ไปถ่ายแบบกับชนะ (กรุณพล เทียนสุวรรณ) พ่อม่ายลูกติดที่พาฮันนี่ (กุลฑีรา ยอดช่าง) ลูกสาวมาด้วย แล้วพอดีนางแบบมีปัญหา เกนหลงขอร้องให้หนูเล็กถ่ายแบบแทน ดูเป็นครอบครัวที่มีความสุข เขมชาติแอบหึงหวงพร้อมหาว่าเธอหว่านเสน่ห์ให้กับผู้ชายไม่เลือก หนูเล็กตัดสินใจถอดแหวนฟอร์เก็ทมีน็อตที่ใส่ติดมือทิ้งเพื่อจะตัดใจจากเขมชาติให้ได้ เขมชาตินึกเสียใจกับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่ทำไป หนูเล็กตัดสินใจเปิดอกกับเขมชาติตรงๆ ให้เขาเลิกนึกถึงอดีตและรักษาผู้หญิงดีๆอย่างเกนหลงไว้ให้ได้ เขมชาติยอมรับปากเพื่อแลกกับการขอให้หนูเล็กเก็บแหวนวงนั้นไว้เหมือนเดิม

หลังจากกลับจากพัทยา เขมชาติก็เริ่มสนิทสนมกับไก่และไข่มากขึ้น เขาจึงได้พยายามเอาชนะใจหนูเล็กโดยเข้าทางไก่และไข่ เขมชาติพาเด็กๆ ไปอยู่ที่บ้านเขาบ่อยๆ เขารู้สึกอบอุ่นใจที่ได้เห็นหนูเล็กและลูกๆ อยู่ที่บ้านเหมือนกับว่าพวกเขาได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว หนูเล็กเห็นเขมชาติเข้ากันได้ดีกับลูกๆ ก็เข้าใจว่าเขาคงเลิกรังเกียจที่เธอเคยแต่งงานเป็นของคนอื่นมาก่อน เขมชาติถือโอกาสหลอกล่อให้หนูเล็กบินไปติดต่องานที่สวิตเซอร์แลนด์แล้วตัวเองบินตามไปด้วย หนูเล็กจะรีบกลับเมืองไทย เขมชาติพยายามหว่านล้อมให้ใช้เวลาช่วงหนึ่งอยู่ด้วยกัน เขมชาติสารภาพว่ายังคงรักหนูเล็กมาตลอด สุดท้ายด้วยความใจอ่อนของหนูเล็ก ทั้งคู่จึงมีสัมพันธ์กันด้วยความเต็มใจ เขมชาติรู้ว่าเกนหลงตามไปที่สวิตเซอร์แลนด์ เพราะไม่ไว้ใจ และเชื่อว่าเขมชาติและหนูเล็กมีความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนร่วมงานธรรมดา เขมชาติยังหลอกตัวเองว่าไม่ได้รักหนูเล็ก เขมชาติเขียนจดหมายบอกหนูเล็กว่าทำทุกอย่างเพื่อต้องการแก้แค้นเท่านั้น ไม่ได้รักเธอแล้ว หนูเล็กร้องไห้เสียใจมากที่สุดในชีวิต

เกนหลงและเอื้อบินมาสวิตเซอร์แลนด์ตามหาเขมชาติและหนูเล็ก แต่ไม่เจอ สุดท้ายเขมชาติเป็นฝ่ายโทรหาและทำเซอร์ไพรส์ขอเกนหลงแต่งงานที่สวิตเซอร์แลนด์ ทำให้เกนหลงดีใจมาก ในขณะที่หนูเล็กเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เอื้อเจอหนูเล็ก แปลกใจกับท่าทางของหนูเล็ก แต่เธอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร และได้เก็บข้าวของเดินทางกลับเมืองไทยทันที หนูเล็กตัดสินใจลาออกจากบริษัทไปพร้อมกับทิ้งแหวนรูปดอกฟอร์เก็ทมีน็อตคืนให้กับเขมชาติ เขมชาติผิดหวัง เขาเริ่มใจลอย ไม่มีสมาธิทำงาน หนูเล็กไปทำงานที่รีสอร์ทต่างจังหวัดของชนะ เอื้อเองก็ร้อนใจเพราะปกติหนูเล็กไม่เคยจะทิ้งลูกไป ยิ่งนานวันเขมชาติยิ่งร้อนรนเมื่อไม่ได้ข่าวคราวจากหนูเล็กอีกจนกระทั่งเขาทนไม่ไหวจึงได้เป็นฝ่ายไปหาเธอที่บ้านก่อน แต่เมื่อไปถึงเขากลับพบว่าหนูเล็กหนีหายไปต่างจังหวัดมาพักใหญ่แล้ว เขมชาติเพิ่งได้มีโอกาสมาเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของหนูเล็กอย่างจริงจัง เขาจึงเพิ่งรู้ความจริงว่าที่จริงแล้วไก่กับไข่ไม่ใช่ลูกของหนูเล็กกับชวลิตแต่ไก่กับไข่เป็นลูกติดของชวลิตกับเมียคนก่อนเท่านั้น เขมชาติตกใจที่ได้รู้ว่าตลอดมาเขาเป็นบ้าคิดไปเองทั้งหมด พอถึงนาทีนี้เขมชาติไม่สนใจแล้วว่าหนูเล็กจะเคยเป็นของใครมาก่อนหรือไม่ แต่ถ้าเธอเป็นของเขาแล้ว เขาก็ไม่มีวันจะปล่อยเธอหลุดมือไปอีกเด็ดขาด

เขมชาติพยายามไปตามหาหนูเล็กจากเอื้อ เขายอมสารภาพเรื่องเขาเคยรักหนูเล็กมาก่อนสมัยเรียน เอื้อฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็รู้ในทันทีว่าแม้แต่ตอนนี้เขมชาติก็ยังรักวดีหรือสุริยาวดีของเขาอยู่ เอื้อตัดสินใจเล่าเรื่องที่หนูเล็กแต่งงานกับพ่อเขาแต่ในทางนิตินัย เขมชาติยิ่งสำนึกได้ เอื้อแนะให้เขมชาติจัดการเรื่องของเกนหลงให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปตามหาหนูเล็กเพราะถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะพาหนูเล็กหนีไปอยู่ต่างประเทศด้วยกันแล้วเขมชาติจะไม่มีวันได้เจอกับหนูเล็กอีกเลย

เกนหลงสังเกตได้ว่าเขมชาติเปลี่ยนไป เขมชาติยอมสารภาพเรื่องของเขากับหนูเล็กให้เกนหลงฟังอย่างหมดเปลือก เกนหลงฟังอย่างเข้าใจเพราะเธอนั้นรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเขมชาติน่าจะมีใครซักคนอยู่ในใจแต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนใกล้ตัวอย่างหนูเล็กเท่านั้น เกนหลงช้ำใจ เอื้อรู้สึกสงสารเกนหลงที่ตกอยู่ในฐานะเดียวกัน ต่างฝ่ายต่างช่วยกันปลอบใจโดยมีครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างแอบลุ้นทั้งคู่อยู่ไม่ห่าง เกนหลงกับเอื้อช่วยเขมชาติสืบหาจนรู้ว่าหนูเล็กไปพักและทำงานอยู่ที่รีสอร์ทของชนะ

หนูเล็กกำลังเครียดเพราะสงสัยว่าตัวเองกำลังมีเด็ก เขมชาติรีบตามไปหาหนูเล็กแต่เธอก็กลับทำห่างเหินใส่เขาเหมือนกับตอนที่เขาวางท่าเป็นเจ้านายกับเลขากับเธอ เขมชาติพยายามง้อขอคืนดีแต่หนูเล็กหมดใจกับเขาแล้ว เธอตัดสินใจเลือกหนีไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อหนีปัญหาเรื่องท้องไม่มีพ่อ และบอกให้เอื้อไม่ต้องตามเธอไป ให้ไปดูแลเกนหลงดีกว่า เขมชาติท้อใจเมื่อเห็นว่าหนูเล็กหมดเยื่อใยกับเขาแล้วจริงๆ เอื้อเปิดอกพูดกับเขม ชาติอย่างลูกผู้ชายจนทำให้เขมชาติแน่ใจว่าเขาไม่มีวันจะไปอยู่กินกับหนูเล็กที่นั่นอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้เอื้อต้องทำหน้าที่รักษาแผลใจให้กับเกนหลงที่โดนเขมชาติหักอก
เขมชาติตามหนูเล็กไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่เธอไม่ลดทิฐิ เขมชาติใช้ความพยายาม ดูแลเมียและลูกที่อยู่ในท้อง อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ขณะเดียวกันเอื้อและเกนหลงที่เข้าใจกันแล้ว ได้ตามมาสวิตเซอร์แลนด์ ช่วยเชียร์ความรักของเขมชาติและหนูเล็ก สุดท้ายด้วยหัวใจรักของทั้งคู่ เขมชาติและหนูเล็กจึงยอมลดทิฐิ ต่างคนต่างขอโทษกัน หนูเล็กขอโทษที่ในอดีตจากเขมชาติไปโดยไม่ได้บอกลา ส่วนเขมชาติก็ขอโทษที่ได้ทำร้ายเธอทั้งที่ใจนั้นยังรักหนูเล็กมาตลอดเวลา ไม่เคยลืมเลือน ทั้งสองกอดบอกรักกันพร้อมที่จะดูแลกันตลอดไป








Read more »

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

นางร้ายซัมเมอร์




พลอยลดา (พัชรินทร์ จัดกระบวนพล) ต้องตกใจ ตัวแข็งค้าง นิ่งอึ้งตะลึงงันเมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่ในบูธ "ครัวครบเครื่อง" ในงานเที่ยวไทยช่วยไทย หน้าตาเหมือนตัวเองราวกับแกะ หรือนี่คือแพรชมพู (พัชรินทร์ จัดกระบวนพล) แฝดสาวผู้พี่ที่รำไพ (ปรารถนา สัชฌุกร) ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟังว่าถูกสร้อยระย้า (ราตรี วิทวัส) ผู้เป็นป้าที่ไม่เคยยอมรับในตัวน้องสะใภ้ ขอไปเลี้ยงเป็นลูก ในวันที่ศักดา (ปรินทร์ วิกรานต์) พ่อของทั้งสองสาวเสียชีวิต สร้อยระย้าสัญญาว่าจะติดต่ออย่างต่อเนื่อง แต่แล้วก็หนีหายไปไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย

พลอยลดาละมือจากการอธิบายพรรณไม้แปลกตาฝีมือการปลูกและดูแลของตัวเองที่ประดับบูธ "ภูสองธารรีสอร์ท" รีสอร์ทที่ขึ้นชื่อเรื่องพรรณไม้งามยามซัมเมอร์ พลอยลดาเข้าไปหาแพรชมพูทันทีด้วยความดีใจ แต่แพรชมพู สาวหวานอ่อนโยน กุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วตกใจ เพราะถูกป้อนข้อมูลมาโดยตลอดว่าตนเองเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่สร้อยระย้าและพ่อประมุข (กษมา นิสสัยพันธุ์) แล้วหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนกันคนนี้เป็นใคร แพรชมพูเป็นลมช็อก โกลาหลกันทั้งบูธ

ก่อนที่พลอยลดาจะมีโอกาสได้อธิบายความจริง ก็ถูกไม้สัก (จักรพันธ์ จันโอ) เพื่อนสนิทมาตามตัวให้ไปพบต้นน้ำ (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงทายาทของภูสองธารรีสอร์ทเป็นการด่วน โทษฐานละทิ้งการปฏิบัติงาน พลอยลดาถูกต้นน้ำลงโทษเกินกว่าเหตุนั่นคือไล่ออก พลอยลดาโวยลั่น เพราะรู้ดีว่าต้นน้ำไม่เคยชอบหน้าพลอยลดามาตั้งแต่เด็ก เพราะความดื้อรั้น หัวแข็งถึงขั้นหัวหมอลุกขึ้นมาเป็นผู้นำคนงานในรีสอร์ทเรียกร้องความยุติธรรมจากการบริหารของต้นน้ำที่เน้นระบบทุนนิยมจ๋า ฉีกการบริหารแบบครอบครัวที่พ่อและแม่เคยทำมา ต้นน้ำเลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้พลอยลดาพ้นไปจากรีสอร์ท

แต่พลอยลดาไม่เคยยอมแพ้ให้กับความอยุติธรรมใดๆ ประกาศเจตนารมณ์ว่า "ต้นน้ำคือผู้บริหารที่หัวใจแห้งแล้ง สมควรถูกกูรูดูแลสวนไม้ดอกอันขึ้นชื่อของรีสอร์ทอย่างเธอ รดน้ำพรวนดินใช้จอบทิ่มแทงทุกวันให้รู้จักคุณค่าของมนุษย์ที่ไม่ได้เป็นเครื่องจักรไม่มีหัวใจ" นอกจากนั้นพลอยลดายังต้องการอยู่ทำงานทดแทนพระคุณธานินทร์ (วิวัฒน์ ผสมทรัพย์) และสายธาร (ปานเลขา ว่านม่วง) พ่อแม่ของต้นน้ำที่เมตตาครอบครัวของเธอมาตลอดตั้งแต่ศักดาผู้เป็นพ่อยังมีชีวิต แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใด บ้านในฝัน ที่พลอยลดาต้องการเก็บเงินเพื่อซื้อให้แม่ได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบายในบั้นปลายของชีวิตคือเป้าหมายที่พลอยลดาต้องไปให้ถึง เพราะฉะนั้นต่อให้มีคนอย่างต้นน้ำ 10 คน ก็ขวางพลอยลดาไม่ได้

สองคนหัวหาย สามคนยิ่งสบาย ไม้สักและลุงมงคล (ธมกร จักราวรวุธ) คนสวนเก่าแก่พ่อของไม้สัก คือแรงสนับสนุนสำคัญ (แบบลับๆ) ของพลอยลดา เพราะกลัวถูกไล่ออก เพราะฉะนั้นการไล่ออกครั้งนี้ฝันไปเถอะ พลอยลดาแก้เผ็ดเอาคืนต้นน้ำ หาว่าเป็นนายจ้างที่กดขี่ข่มเหงใช้แรงงานเกินพิกัด ลูกน้องท้องเสียก็ยังไม่มีความปราณี ต้นน้ำอายคนทั้งคอนเวนชั่นฮอลล์ จึงรีบเดินออกจากงานรอวันชำระแค้นพลอยลดาต่อไป ประกาศกร้าวว่าพลอยลดาอย่าได้เผลอ เป็นเจอดีแน่

แพรชมพูฟื้นจากอาการเป็นลมที่บ้าน และเล่าเรื่องเจอคนหน้าเหมือนราวกับแกะให้สร้อยระย้าฟัง สร้อยระย้ารีบสั่งปิดบูธ ห้ามแพรชมพูไปที่บูธอีก เลิกขาย ยอมขาดทุน เพราะไม่ต้องการให้ความจริงที่ปิดบังมานานต้องเปิดเผย ไม่อยากเป็นนางมารร้ายพรากลูกไปจากอกแม่ในสายตาของแพรชมพู แพรชมพูต้องไม่รู้ความจริงและต้องอยู่เป็นแก้วตาดวงใจของเธอคนเดียวต่อไป

แต่ความลับไม่มีในโลกฉันใด ย่อมไม่มีอะไรขวางทางพลอยลดาได้ฉันนั้น ระหว่างที่สร้อยระย้าพาแพรชมพูกลับมาดูแลที่บ้าน พลอยลดาและไม้ได้สะกดรอยตามมาด้วย และหาทางเจอกับแพรชมพูจนได้ในที่สุด สองคนพี่น้องดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้ง และพลอยลดายิ่งดีใจไปอีกเมื่อรู้ว่าพี่สาวกำลังปลูกต้นรักกับ โชติโรจน์ ฐานะวาณิช (ธีรเดช เมธาวรายุทธ) ผู้บริหารและทายาทของห้างสรรพสินค้าเวลคัม แต่ติดปัญหาที่ว่าพรรณราย (ภัสสร บุณยเกียรติ) แม่ผู้เจ้ายศเจ้าอย่างและชอบดูถูกคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า กีดกันความรัก

แพรชมพูไม่มีฤทธิ์เดชอะไรที่จะไปต่อกรกับพรรณรายได้ แม้ชูพงษ์ (ศานติ สันติเวชกุล) ผู้เป็นพ่อของโชติโรจน์จะคอยช่วยโน้มน้าวใจภรรยาให้เห็นแก่ลูกชาย แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะพรรณรายไม่เคยเชื่อใคร เธอคือผู้เป็นใหญ่สูงสุดในบ้าน และหวังกำจัดแพรชมพูไปให้พ้นทางลูกชาย จึงออกอุบายเปลี่ยนมาทำดีกับแพรชมพู และขอให้แพรชมพูมาอยู่ที่บ้าน 3 เดือนเพื่อเตรียมตัวเป็นลูกสะใภ้ แต่มีหรือที่พลอยลดาจะดูไม่ออกว่าพรรณรายมีแผนเจ้าเล่ห์ ตั้งใจจะกลั่นแกล้งให้แพรชมพูถอดใจและจากลาไปเอง เข้าทางพลอยลดาที่เกลียดคนบ้าอำนาจ เผด็จการเป็นทุนเดิมจึงวางแผน "พิชิตใจทะลายกำแพง" ว่าที่แม่ผัว ด้วยการสลับตัวกับแพรชมพู 

แพรชมพูยอมคล้อยตามพลอยลดาในที่สุด การสลับตัวกับพลอยลดาเท่ากับว่าแพรชมพูจะได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่กับรำไพแม่บังเกิดเกล้าให้สมกับที่จากกันมานาน แพรชมพูอยากดูแลและปรนนิบัติแม่ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการไถ่บาปให้สร้อยระย้า แต่ภารกิจเฉพาะกิจในฤดูซัมเมอร์นี้ต้องปิดเป็นความลับ จะไม่มีใครรู้เด็ดขาด

พลอยลดาพยายามทำตัวเรียบร้อย เงียบหงิม เก่งงานบ้านงานเรือน เพื่อให้สร้อยระย้าตายใจ แพรชมพูพยายามทำตัวห้าว ก๋ากั๋นเพื่อให้รำไพไม่สงสัย แต่ช่างยากเย็นแสนเข็นสำหรับแฝดทั้งสองที่พยายามโทรศัพท์หากันเพื่อสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อไม่ให้ถูกจับได้จนทั้งคู่ทนไม่ไหวที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงวางแผนแกล้งทำเป็นลื่มล้มหัวฟาดพื้น เพื่อตื่นมาจะได้มีข้ออ้างได้ว่าเพราะสมองถูกกระทบกระเทือน พฤติกรรมเลยเปลี่ยน ปรากฏว่าทุกคนเชื่อสนิท 

พลอยลดาจึงก้าวเข้าสู่คฤหาสถ์ฐานะวานิชในภาพลักษณ์นางเอกที่พรรณรายหวังจิกหัวใช้ให้กลายเป็นนางทาส แต่ไม่มีใครไหวตัวทันเลยว่านี่คือนางร้ายชัดๆ แล้วปฏิบัติการ ปะ ฉะ ดะ กับพรรณราย ที่มี ละไม (จรรยา ธนาสว่างกุล) แม่บ้านช่างประจบเป็นลูกคู่ จึงเริ่มขึ้นลับหลังโชติโรจน์ด้วยความแซ่บเว่อร์ เต็มพิกัด

พรรณรายกำลังจะหมดทางสู้ แต่แล้วนรกก็เปิดประตูความคิดให้พรรณรายคิดได้ว่าต้องหาผู้ช่วย และผู้โชคดีคือ นีน่า หรือ นันทินี (คัคกิ่งรักส์ คิคคิคสะระณัง) แฟนเก่าของโชติโรจน์ ที่โชติโรจน์เคยรักมากแต่ต้องผิดหวังเมื่อจับได้ว่าแท้จริงแล้วนีน่าหวังแค่สมบัติแต่ไร้ความรัก จึงได้ขอเลิกลาไป นีน่าตอบรับภารกิจจากพรรณรายโดยแลกกับค่าจ้างก้อนโต เข้ามาปั่นป่วน กระพือไฟรักเก่าให้คุโชนอีกครั้งให้ได้

ศึกคราวนี้พลอยลดารู้สึกเจ็บจี๊ด ลมเพชรหึงพัดรุนแรงโดยอัติโนมัติอย่างไม่รู้ตัว พลอยลดาตกใจ เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่าแอบหลงรักโชติโรจน์เข้าแล้วเต็มเปา พลอยลดากลัดกลุ้ม รู้สึกผิด เพราะเท่ากับกำลังแทงข้างหลังพี่สาว

ส่วนแพรชมพูพยายามทำงานดูแลดอกไม้งามของรีสอร์ทแทนพลอยลดาอย่างเต็มที่ แต่ดอกไม้กลับแห้งเหี่ยว ต้นน้ำเข้ามาเอาเรื่อง และขู่ไล่แพรชมพูออกจากงาน ถ้าไม่สามารถจัดการฟื้นฟูให้ดีดังเดิมได้ แพรชมพูกลุ้มใจ ตั้งใจปลูกดอกไม้ ดูแลอย่างหนัก แถมถูกคู่ปรับเก่าของพลอยลดาที่เคยมีเรื่องกันไว้ย้อนกลับมาแก้แค้น แพรชมพูวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงจนเกือบเสียท่า แต่โชคดีที่ต้นน้ำเข้ามาเห็นเหตุการณ์และช่วยเหลือเอาไว้ แพรชมพูปลอดภัยแต่ตกใจจนเป็นลม ต้นน้ำรีบช่วยเหลือและพาไปพักที่บ้านของตัวเองเพราะกลัวจะมีคนมาเห็นและเข้าใจผิด คิดว่าต้นน้ำรังแกแพรชมพู

แพรชมพูฟื้นขึ้นมาในบ้านพักของต้นน้ำ รู้สึกสำนึกในบุญคุณ จึงทำการเก็บกวาดบ้านพักของต้นน้ำที่รกรุงรังจนสะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แถมด้วยกับข้าวชาววังอีกสำรับใหญ่ พร้อมทิ้งโน้ตขอบคุณเอาไว้ ต้นน้ำมาเห็นถึงกับอึ้ง ทึ่ง และพอใจ 

หลังจากนั้นแพรชมพูก็อยู่ในสายตาของต้นน้ำโดยตลอด ความอ่อนโยน ความอ่อนหวาน อยู่ใกล้แล้วสบายใจของแพรชมพู ละลายหัวใจและท่าทางแข็งกร้าวของต้นน้ำลงทีละน้อยๆ จนกลายเป็นความรักโดยไม่รู้ตัว แต่ต้นน้ำกลับปากแข็ง ปฏิเสธหัวใจตัวเองอย่างสิ้นเชิง และความแข็งกร้าว บึกบึน ปากร้ายของต้นน้ำก็ทำให้หัวใจของแพรชมพูอ่อนไหวด้วยเหมือนกัน แต่แพรชมพูจำเป็นต้องหักใจ เพราะไม่อยากจะทำบาปด้วยการนอกใจแฟน แพรชมพูเลยพยายามไม่ใกล้ชิดต้นน้ำ ทำให้ต้นน้ำคิดว่าแพรชมพูรังเกียจและเกลียดขี้หน้า จึงยิ่งประชดแพรชมพูด้วยการเป็นเจ้านายมหาโหดมากกว่าเดิม คาดโทษว่าถ้าดอกไม้และสวนของภูสองธารรีสอร์ทไม่กลับมาสวยสดใสก่อนซัมเมอร์จะหมดไปจะไล่ออกทั้งแม่ทั้งลูก

พลอยลดาและแพรชมพูประสบปัญหาเดียวกันนั่นคือ ต้องการหนีไปจากผู้ชายที่ทำให้ตัวเองหวั่นไหว บวกกับสถานการณ์อันตราย ดอกไม้และต้นไม้ที่รีสอร์ทแห้งเหี่ยว พลอยลดาเท่านั้นจึงจะแก้ปัญหาได้ ทำให้แฝดสาวทั้งสองคนสลับตัวกันอีกครั้ง

เมื่อพลอยลดากลับมาที่ภูสองธารรีสอร์ท ก็ดำเนินการดูแลดอกไม้และสวนอย่างจริงจัง ทำให้ทุกคนงุนงงกับบุคลิกที่แปรเปลี่ยนง่ายราวดินฟ้าอากาศของพลอยลดา แต่ที่แย่กว่านั้นโชติโรจน์ซึ่งเป็นเพื่อนกับต้นน้ำมาทำงานและมาพักที่รีสอร์ทภูสองธาร พลอยลดาต้องหาทางหลีกเร้นหลบไม่ให้โชติโรจน์เห็นด้วยวิธีสารพัดและเกือบถูกจับได้ แต่โชคยังเข้าข้าง มีเหตุทำให้โชติโรจน์ต้องรีบกลับกรุงเทพเสียก่อนเพราะชูพงศ์โทรมารายงานว่าแพรชมพูถูกรังแก

แพรชมพูก้มหน้าทำงานตามแต่พรรณรายจะจิกใช้โดยไม่โต้ตอบ จนทุกคนแปลกใจ โชติโรจน์ไต่ถามแพรชมพูว่าเกิดอะไรขึ้น แพรชมพูก็ต้องหาเหตุผลมาแก้ตัวจนรอดไปได้ว่า เหนื่อยกับการเป็นคนเก่ง อยากอ่อนแอบ้างเพื่อให้โชติโรจน์ได้แสดงความรักความห่วงใย แต่โชติโรจน์กลับแสดงความรักต่อแพรชมพูอย่างไม่สนิทใจเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะโชติโรจน์รักแพรชมพูที่เป็นคนไม่ยอมคน เด็ดขาดคนนั้นไปเสียแล้ว แต่ไม่กล้าพูดให้แฟนสาวน้อยใจ

ต้นน้ำกดกันพลอยลดาอย่างหนัก พลอยลดาแก้เผ็ดต้นน้ำด้วยการลาออก และลากให้ไม้สักและลุงมงคลออกด้วยเพื่อประท้วง ต้นน้ำไม่สนใจ หาคนสวนคนใหม่ แต่ไม่มีใครรับงานเพราะถูกพลอยลดาล็อบบี้ไว้หมดแล้ว ต้นน้ำจึงจำต้องมาง้อพลอยลดาให้กลับไป พลอยลดาได้ทีเรียกร้องสิทธิหลายประการเพิ่มเติมอันควรจะได้ รวมถึงการให้กุ้งนาง (อภิษฐา คล้ายอุดม) ลูกสาววัยรุ่นของนายด่วน ชาวประมงเพื่อนบ้านพลอยลดาเข้ามาทำงานที่รีสอร์ทด้วย เพราะไม่อยากให้กุ้งนางกลายเป็นสก๊อยไร้อนาคต สร้างภาระให้กับพ่ออีกต่อไป ต้นน้ำจำยอมรับข้อเสนอทุกประการ เพื่อให้พลอยลดากลับมาทำงานเหมือนเดิม

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ดอกไม้และต้นไม้ได้รับการฟื้นฟู พลอยลดากำชับลุงมงคลและไม้สักว่าให้ช่วยดูแล อย่าทิ้งขว้าง แล้วรีบกลับไปรับหน้าที่นางร้ายซัมเมอร์อีกครั้งด้วยหัวใจแช่มชื่น เพราะมั่นใจว่าตัวเองลืมความรักที่มีต่อโชติโรจน์ได้หมดใจ

แต่ พลอยลดาหลอกตัวเอง พลอยลดายังรักและคิดถึงโชติโรจน์ เพราะเมื่อเห็นนีน่าสร้างสถานการณ์ให้พลอยลดามาเห็นว่าโชติโรจน์และนีน่ากำลังโจ๊ะพรึมๆ พลอยลดาเลือดขึ้นหน้า พรรณรายและนีน่าคิดว่าพลอยลดาต้องร้องไห้ร้องห่ม เข้าใจผิด คิดลาออกจากการเป็นแฟนของโชติโรจน์แน่แล้ว แต่ผิดคาด พลอยลดาสวมบทนางเอกแต่ร้ายเว่อร์ อาละวาดไล่นีน่าเปิดออกไป ประกาศลั่น แฟนฉัน ห้ามยุ่ง ใครยุ่งมันต้องตาย

โชติโรจน์ขอบคุณพลอยลดาที่มั่นใจในตัวเขา พลอยลดาชื่นชมในตัวโชติโรจน์เสมอ เพราะเป็นคนดี และรักแม่ ที่แม้ว่าจะเป็นนางร้ายตัวแม่ แต่โชติโรจน์ก็ไม่เคยโกรธหรือต่อว่าแม่ แถมยังทำตัวเป็นลูกชายที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจแม่เสมอ เพียงแต่ขอไม่ยอมเรื่องแฟนเท่านั้น พลอยลดาสะดุ้งเฮือก เมื่อลืมตัวกอดแฟนพี่สาวแถมด้วยการประทับจูบอย่างดูดดื่ม "ไม่" พลอยลดาตะโกนในใจ ฉันกำลังกลายเป็นนางร้ายตัวจริง เพราะแย่งชิงผู้ชายของนางเอกอย่างแพรชมพู

ส่วนแพรชมพูก็ต้องทำใจไม่ให้รักต้นน้ำ ผู้ชายเข้ม ร้ายกาจที่ยอมแพ้ต่อความอ่อนโยน เรียบง่ายเย็นเหมือนน้ำของแพรชมพู เพราะแพรชมพูรู้สึกผิดต่อโชติโรจน์ และเมื่อต้นน้ำเข้ามาพัวพันใกล้ชิด ทำให้แพรชมพูเข้าใจว่าต้นน้ำคงมีใจให้พลอยลดา ไม่ใช่เธอ

วันหนึ่ง เจนวิทย์ เพื่อนของต้นน้ำแวะมาเยือนและชอบบรรยากาศของภูสองธารรีสอร์ทมาก อยากจะจัดงานแต่งงานที่นี่ บังเอิญหัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงลาคลอด ต้องพักยาว ไม่มีคนรับผิดชอบ ต้นน้ำจึงขอให้แพรชมพูเป็นแม่งานจัดสถานที่ให้สุดอลังการ ซึ่งงานนี้แพรชมพูไม่ต้องจำเป็นต้องปรึกษาพลอยลดาแล้ว เพราะนี่คือความถนัดส่วนตัวที่ทำได้ดีจนหาตัวจับยาก 

วันงานแต่งงานของเจนวิทย์ ทุกอย่างเกือบจะพร้อมหมดแล้ว ขาดแต่เพื่อนเจ้าสาวที่ป่วยกระทันหัน เจ้าสาวคนสวยเลยขอร้องให้แพรชมพูเป็นเพื่อนเจ้าสาว เพื่อนสนิทอย่างไม้สักรู้ดีว่าพลอยลดาไม่ชอบแต่งหน้าทาปากหรือใส่ชุดที่ดูหวือหวา แต่ครั้งนี้กลับตรงกันข้ามพลอยลดา ม้าดีดกะโหลกกะลาแก่นแก้วที่ไม่เคยชอบแต่งหน้าทาปากกลับสวยอย่างโดดเด่น จนคนตะลึงอึ้งไปทั้งงาน โดยเฉพาะต้นน้ำ

หลังงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเจนวิทย์ ต้นน้ำก็ชวนพลอยลดาดื่มต่อ หากเป็นพลอยลดาตัวจริงเธอคงจะไม่อิดเอื้อน แต่นี่แพรชมพูรู้ตัวดีว่าเธอแพ้แอลกอฮอล์ทุกชนิด เมื่อถูกต้นน้ำบังคับให้ดื่มเธอ จึงจำใจต้องดื่มบ้างแอบเททิ้งบ้าง และพอเขาเมา ความรู้สึกพิเศษที่มีต่อหญิงสาวทำให้เขาเผลอตัวลวนลามเธอ แพรชมพูในคราบพลอยลดาโกรธมาก จึงหนีต้นน้ำออกมา ไม้สักซึ่งคอยเฝ้าดูอย่างคนที่เขาแอบรักอยู่ห่างๆ จึงรีบพากลับไปส่งที่บ้าน กุ้งนางที่แอบรักไม้สักอีกทีแอบช้ำใจอยู่เงียบๆ เมื่อเห็นไม้สักเป็นห่วงเป็นใยแพรชมพูมากกว่าความเป็นเพื่อน

รำไพเห็นลูกเมาเหล้าและเป็นผื่นแดงเต็มหน้าเต็มตัวก็ตกใจเพราะพลอยลดาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน และที่คนเป็นแม่สงสัยมากที่สุดคือระหว่างเช็ดตัวให้ลูกสาวนั้น โดยปกติพลอยลดาจะมีไฝแบกหามอยู่ที่ไหล่ขวา แต่วันนี้กลับไม่มี ทำให้รำไพรู้ความจริงทันทีว่านี่ไม่ใช่พลอยลดา แต่เป็นแพรชมพู

แพรชมพูจำใจสารภาพเรื่องราวทั้งหมดให้รำไพรับรู้ และขอร้องอย่าเพิ่งเปิดเผยความจริงตอนนี้ รำไพรับปากแต่นึกเป็นห่วงพลอยลดาที่กำลังหาทางระบายอาการอกหัก ด้วยการคุมร้าน "ครัวครบเครื่อง" ของสร้อยระย้าประหนึ่งเหมือนการคุมนักโทษในเรือนจำ ถ้าเจอแขกขี้เมาเมื่อไหร่ หรือใครเปรี้ยวลวนลามเธอเป็นถูกพลอยลดาสอยจนร่วง พฤติกรรมเหล่านี้ของพลอยลดาสร้างความสงสัยให้กับสร้อยระย้าและประมุขเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่สร้อยระย้าที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไปของหลานสาว พรรณรายและละไม นายบ่าวเจ้าปัญหาก็เช่นกัน

เมื่อพรรณรายสั่งให้พลอยลดารื้อสวนหย่อมและหาดอกไม้ใหม่มาลงให้สวยงาม พลอยลดาถนัดอยู่แล้ว เธอจึงสั่งดอกไม้ต้นไม้ราคาแพงมาจัดสวน แล้วให้ทางร้านไปเก็บเงินกับพรรณรายหลายหมื่นบาทเป็นการแก้เผ็ด พรรณรายที่งกแสนงกลมจับทันที พรรณรายไม่ยอมเสียรู้หล่อนจึงสั่งให้ว่าที่สะใภ้มาจัดห้องประชุมที่บ้านฐานะวาณิช และให้ทำหน้าที่เชิญสมาชิกชมรมสตรีนักธุรกิจกลุ่มห้างสรรพสินค้ามาประชุมเพื่อเลือกตั้งประธานชมรมคนใหม่แทนคนเก่าที่จะหมดวาระ พรรณรายที่หวังจะได้รับเลือกเป็นประธานในสมัยหน้านี้ สั่งงานหนักให้พลอยลดาทำหลายอย่าง รวมถึงทำขนมของว่างเป็นของฝากสมาชิกติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย

งานครั้งนี้โชติโรจน์รู้ว่าเป็นงานใหญ่และไม่เหมาะที่จะจัดที่บ้าน เขาจึงเสนอให้พลอยลดาจัดที่ห้องประชุมใหญ่ของห้างสรรพสินค้าเวลคัม และให้สั่งอาหารว่างจาก "ครัวครบเครื่อง" พลอยลดาลงมือทันที โดยมีเป้าหมายว่างานนี้พรรณรายต้องจดจำไม่รู้ลืม ดังนั้นช่วงเตรียมงานแทนที่พรรณรายจะเห็นพลอยลดากวาดเช็ดถูห้องอาหารและจัดให้เป็นห้องประชุม แต่กลับได้รับบัตรเชิญให้เข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมของห้างสรรพสินค้า พรรณรายโกรธที่พลอยลดาขัดคำสั่ง แต่ก็จำต้องไปร่วมประชุมตามกำหนดการ

วันประชุมพลอยลดาก็เอาของว่างใส่กล่องสวยหรูและแนบซองเงินแจกให้สมาชิกทุกคน พร้อมกับบอกว่าให้สนับสนุนเลือกพรรณรายเป็นประธานชมรมด้วย เมื่อพรรณรายมาถึงที่ประชุม ประธานชมรมและคณะกรรมการก็ตำหนิว่าพรรณรายติดสินบนสมาชิก ผิดกฎของชมรมจึงต้องแจกใบแดงห้ามลงสมัครตำแหน่งใดๆ ของชมรมสองสมัย พรรณรายโกรธจนควันออกหู อาละวาดฟาดหางว่าพลอยลดาทำลายอนาคตของหล่อน พลอยลดาทำใสซื่อไม่รู้กฎระเบียบ แต่หวังดีอยากจะให้พรรณรายได้เป็นประธานจึงลงมือกระทำการเช่นนั้น 

แต่คนอย่างพรรณรายไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ เมื่อเห็นพลอยลดามีฤทธิ์มีเดชขึ้นมาอีก พรรณรายจึงดำเนินแผนเด็ด ไม้ตายไม้สุดท้าย คืออนุญาตให้นีน่าขนข้าวของมาอยู่ในบ้านได้ โดยอ้างว่าสงสารลูกนกลูกกาไร้ที่พึ่ง และเป็นการเปิดไฟเขียวให้นีน่ามาเป็นตัวเลือก โดยที่โชติโรจน์ไม่มีสิทธิ์มีเสียงห้ามได้แต่อย่างใด พลอยลดาเข่นเขี้ยว งานนี้มีจัดเต็ม

นีน่าเมื่อได้เข้ามาอยู่ในคฤหาสถ์ฐานะวาณิชก็กระหยิ่มใจว่าหล่อนมีความสำคัญมากและได้รับการยอมรับ จึงเริ่มทำตัวเป็นลูกสะใภ้เต็มรูปแบบ จิกใช้เหล่าบริวารไม่เว้นแม้แต่ละไมแม่บ้านใหญ่ เรียกร้องขอรถใหม่ไว้ใช้สักคัน พรรณรายต่อรองว่านีน่าต้องทำลายสัมพันธภาพระหว่างโชติโรจน์กับแพรชมพูให้พังลงเสียก่อน นีน่าจึงขอเงินจากพรรณรายเพื่อเอาไปช้อปปิ้งไม่เว้นแต่ละวัน และคอยตามติดโชติโรจน์ถึงห้องทำงานทุกวันจนไม่เป็นอันทำงาน แต่ที่ร้ายที่สุดคือ นีน่าว่าจ้างโจรให้ฉุดพลอยลดาไปกระกระทำชำเรา แต่ผลก็คือคนที่โดนกระทำจนแทบเอาชีวิตไม่รอดคือโจรด้วยฤทธิ์หมัดและลูกเตะของพลอยลดา

แต่นีน่าไม่ได้หวังตกปลาแค่ตัวเดียว เหวี่ยงแหแล้วก็ต้องได้ปลาให้คุ้มการลงทุน ชูพงศ์คือเหยื่ออีกคนที่นีน่าบรรจงยั่วยวนหวังปอกลอกสมบัติหากพลาดเป้าจากโชติโรจน์ พลอยลดาแอบถ่ายคลิปเอาไว้ได้ และใช้ขู่ชูพงษ์ว่าถ้าไม่จัดงานแต่งงานให้เธอกับโชติโรจน์ เตรียมเห็นคลิปป๋าแก่กับสาวแรดในยูทูบได้เลย ชูพงศ์เครียดจนลมจับ และพรรณรายรู้เรื่อง ชูพงศ์ลมจับรอบที่สอง พรรณรายเจ็บใจที่ดึงนีน่างูพิษเข้ามาในบ้านจนตัวเองต้องเดือดร้อน

พลอยลดาอาสาที่จะจัดการกับนีน่าให้ออกไปให้พ้นบ้าน แต่ขอให้พรรณรายยอมรับความจริงต่อหน้าโชติโรจน์ว่าเป็นคนดึงนีน่ามาเพื่อที่จะให้มากำจัดว่าที่สะใภ้ แต่พรรณรายไม่ยอมรับ พลอยลดาจึงขู่ว่า จะวิวาห์เหาะพาโชติโรจน์หนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ช่วยกันทำมาหากินสร้างฐานะและจะไม่ยอมให้ใครตามเจอหรือพบเห็นอีกเลยตลอดชีวิต

พรรณรายเมื่อทบทวนความหลังตั้งแต่มีนีน่าและแพรชมพูเข้ามาในชีวิตลูกชาย ใครทำสิ่งที่ดีและเกิดประโยชน์มากที่สุด และใครทำให้หล่อนทุกข์ร้อนใจที่สุด จึงยอมรับให้พลอยดาได้กำจัดนีน่า และยอมรับได้ในที่สุดว่า รักลูกก็ควรจะรักแฟนของลูกด้วย ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อแฟนของลูกเป็นคนดี แม้ฐานะจะไม่ทัดเทียมก็ไม่ใช่อุปสรรค

พลอยลดาปฏิบัติภารกิจนางร้ายอีกครั้ง โดยอาศัยวันคล้ายวันเกิดของตัวเองเป็นวันลงมือตามที่ได้รับปากกับพรรณรายไว้ โดยเชิญครอบครัวฐานะวาณิชมาฉลองที่ร้าน "ครัวครบเครื่อง" ร้านริมแม่น้ำและบอกนีน่าว่าจะหลีกทางให้ ระหว่างที่ทั้งหมดนั่งรับประทานอาหารในห้องพิเศษพลอยลดาก็เปิดคลิปวิดีโอที่เธอทำขึ้น ตั้งแต่เรื่องคำสารภาพของสองโจรกระจอกบอกว่านีน่าเป็นคนบงการให้ทำร้ายแพรชมพู และปิดท้ายด้วยคลิปสวาทระหว่างนีน่ากับชูพงศ์ สร้อยระย้าเมื่อได้รู้เรื่องราวของนีน่าหล่อนก็แจ้งตำรวจมาจับนีน่าข้อหาจ้างวานให้คนมาทำร้ายหลานสาวของตน นีน่าขอโทษพลอยลดา ในขณะนั้นเองแพรชมพูตัวจริงและรำไพก็ปรากฎตัวขึ้นตามคำชวนของพลอยลดาที่ต้องการให้ความจริงเปิดเผยสักที ก่อนที่ใจตัวเองจะถลำลึกรักโชติโรจน์ไปมากกว่านี้

เมื่อความจริงทุกอย่างปรากฏ สร้อยระย้ารู้สึกผิดขอโทษที่ไม่ติดต่อรำไพ ทุกคนตื้นตัน แต่คนที่ว้าวุ่นใจและโกรธมากคือโชติโรจน์ และต้นน้ำที่เข้ามาได้ยินความจริง เพราะสะกดรอยตามแพรชมพูมาหมายจะสารภาพรัก ทั้งโชติโรจน์และต้นน้ำรู้สึกโกรธที่ถูกหลอก และยิ่งกว่านั้นทั้งคู่ต้องกลับมาทบทวนตัวเองใหม่ว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักคือใครกันแน่

ส่วนพลอยลดาและแพรชมพูก็ไม่กล้าบอกความในใจต่อกันว่าได้เปลี่ยนใจเกิดความรักต่อคนรักของอีกคนไปแล้ว แต่ในที่สุดเมื่อทนเก็บความอึดอัดต่อไปไม่ไหว พลอยลดาและแพรชมพูจึงสารภาพความในใจต่อกัน ทั้งคู่ดีใจที่ไม่ต้องรู้สึกผิดกันอีกต่อไป

ต้นน้ำพยายามบอกตัวเองว่าผู้หญิงคนที่เขาพึงพอใจคืออดีตเด็กหญิงจอมแก่นที่เขาเฝ้ารอมาเกือบ 20 ปีที่จะได้มาสานต่อสัมพันธ์ แต่เมื่อทบทวนถามใจตัวเองทีไรเขาก็ตอบตัวเองได้ว่าเขาเริ่มรักผู้หญิงคนนี้จริงๆ คือวันที่ต้นน้ำพาแพรชมพูไปพักที่บ้านพัก และเห็นความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของแพรชมพู รวมถึงการเป็นผู้หญิงที่ต้นน้ำต้องปกป้องดูแลทุกครั้งที่มีปัญหา แต่เมื่อแพรชมพูมาหาเพื่อปรับความเข้าใจ ต้นน้ำกลับมีทิฐิหนีไปที่เกาะแห่งความหลังที่ต้นน้ำและแพรชมพูเคยมาเที่ยวด้วยกัน และห้ามไม่ให้นายด่วนบอกใคร แต่ไม่สำเร็จ เพราะความลับไม่มีในโลก นายด่วนรีบรายงานแพรชมพูทันที แพรชมพูเดินทางไปหาหัวใจของตัวเองอย่างทุลักทุเลจนเกือบจมน้ำทะเลตาย ต้นน้ำตะกายว่ายน้ำไปช่วย แล้วสองหนุ่มสาวก็ปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุด ณ เกาะแห่งนั้น

ส่วนโชติโรจน์มาคุกเข่าสารภาพรักกับพลอยลดาที่ร้านต้นไม้ ซึ่งพลอยลดาเพิ่งจะเปิดใหม่ขึ้นมา โชติโรจน์รวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดที่มีสารภาพรักกับพลอยลดาว่า การมีหญิงห้าวแกร่งอย่างพลอยลดาเข้ามาในชีวิตทำให้สิ่งที่ขาดหายไปเติมเต็มขึ้นมา เพราะพลอยลดาเป็นผู้หญิงเก่งเหมือนแม่ พลอยลดาคือคำตอบของหัวใจ ไม่ใช่แพรชมพู ไม้สักอกหักอย่างแรง พุ่งลงทะเล แต่กุ้งนางสวมวิญญาณนางเอกและนางเงือกแหวกว่ายไปช่วยไม้สักเอาไว้ ทั้งๆ ที่ไม้สักไม่ได้ร้องขอ เพราะแค่อยากทิ้งรักลงทะเล ไม่ได้ทิ้งชีวิต แต่ไม้สักได้เห็นความเป็นห่วงอย่างจริงใจของกุ้งนางแล้วก็คิดได้ว่ารักคนที่เขารักเราดีกว่า

ภารกิจนางร้ายของพลอยลดาสิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์ ความรักของสาวคู่แฝดดำเนินไปอย่างราบรื่นบ้าง ติดขัดบ้างแต่ก็ประคองกันผ่านพ้นไปได้อย่างสวยงามทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็นซัมเมอร์ เรนนี่ หรือวินเทอร์
Read more »

 
Powered by MBA