วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูกระดึง ท่องเที่ยวสุดฮิปของเมืองไทย



ใครไม่เคยไปภูกระดึงไม่รู้หรอก ว่าอาการหลงใหลภูกระดึงมันเป็นยังไง

ฉันเองก็รับรู้รสชาตินั้นมา ตั้งแต่ตอนท่องเที่ยวภูกระดึงเมื่อปีที่แล้ว ว่าเย้ายวนชวนคิดถึงแค่ไหน ปลายปีนี้จึงมิอาจตัดใจจากภูกระดึงได้ แม้เส้นทางจะยากลำบากจนหลายคนขยาด แต่ทิวสน ทุ่งหญ้าสีเขียว กับลมหนาวเหน็บ กลับยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากให้คว้าเป้ตัวโปรด รองเท้าคู่ใหม่ กับเพื่อนรู้ใจ เดินทางสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง โดยไม่ลังเลใจสักนิด
ภูกระดึงในวันนี้ไม่ต่างจากปีที่แล้ว ยังคงเต็มไปด้วยกรุ่นกลิ่นธรรมชาติ และเรื่องราวความทรหดของเส้นทาง นั่นทำให้ภูกระดึงมีผู้คนพลุกพล่าน ยิ่งเวลานี้ด้วยแล้วมองไปที่ไหนก็เห็นคนหนุ่มคนสาวควงคู่กันมาพิสูจน์รักแท้ พากันตะลุยตะลอนขึ้นภูจากด่านแรกไปจนถึงหลังแปร เห็นแล้วก็แอบยิ้มไม่ได้

ส่วนฉันก็พาตัวเองมาถึงหลังแปร ด้วยอาการเม็ดเหงื่อท่วมหน้า ไม่ทันหยุดพัก ก็ต้องบังคับขาให้เดินต่อไปถึงจุดที่พักที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ติดต่อเช่าผ้าปูรองนอน ถุงนอน ผ้านวม และเต็นท์ กว่าทุกอย่างจะลงตัว ก็มืดค่ำพอดี

อาศัยแสงไฟจากกระบอกไฟฉาย หุงหาอาหารมื้อแรก ได้แก่ ยำไข่ต้ม หมูสวรรค์ แตงกวาจิ้มน้ำพริกกุ้งสด ส่วนข้าวสวยไปซื้อต่างหาก ถุงละ 20 บาท กินได้ 2 คน อาหารมื้อนี้อร่อย ต้นทุนไม่แพง แถมอิ่มท้องกันถ้วนหน้า แล้วก็ได้เวลานับถอยหลังพร้อมกับลมหนาวเหน็บที่พัดโชยรับเทศกาลปีใหม่

………………………………………………………………………
สายจนแสงแยงตา ฉันตื่นมานอนยิ้มแผล่บนเตียง ก่อนลุกไปทำธุระส่วนตัว อย่างเชื่องช้า จัดเตรียมอาหารมื้ช้าเหมือนเช่นเมื่อคืน ขาดแต่ไม่มีแตงกวา กินอิ่มก็หยิบอาหารมื้อเที่ยง มีหมูสวรรค์ ฟรุตผลไม้ ปีโป้ เกลือแร่ และน้ำบรรจุขวด ใส่เป้ให้เรียบร้อย พร้อมย่ำป่าไปตามจุดน้ำตกต่างๆ ระหว่างเพลิดเพลินกับธรรมชาติ จะได้ยินเสียงบ่นเป็นระยะ บ้างบ่นเดินหน้ารามยังดีกว่าเดินภูกระดึง เพราะระยะทางใกล้กว่า บ้างรำพึงรำพันว่าเดินภูกระดึงเหนื่อย แต่ในทางตรงข้ามหลายคนกลับชอบภูกระดึงอย่างที่มันเป็น
ฉันเคยสงสัยทำไมใบเมเปิ้ลถึงทรงอิทธิฤทธิ์ ทำให้ใครหลายคนมุ่งสู่ภูกระดึงเพื่อตามหาใบเมเปิ้ลใบเดียว มาป้วนเปี้ยนภูกระดึงสองรอบถึงเข้าใจ เสน่ห์ของใบเมเปิ้ลสวยเป็นเอกลักษณ์ มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ก็เหมือนกับพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น และตกดินที่ผาหล่มสัก สวยงามไม่เหมือนที่ไหนเช่นกัน

เล่ากันว่าภูกระดึงเคยเป็นทะเลมาก่อน และมีตำนานบอกว่า สมัยก่อนมีพรานป่าตามล่ากระทิงตัวหนึ่ง ซึ่งหลบหนีขึ้นไปยังยอดเขา เป็นภูเขาที่มีใครขึ้นมาก่อน นายพรานตามกระทิงไปจนถึงยอดดอย ก็พบว่าพื้นที่บนเขาลูกนั้น เป็นที่ราบกว้างใหญ่งดงาม มีป่าสน พรรณไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด เป็นจุดเริ่มต้นที่มนุษย์ได้รู้จักกับภูกระดึงนั่นเอง
ฉันเดินเที่ยวภูกระดึงไปเรื่อยจนถึงผาหล่มสัก รอคอยพระอาทิตย์ตกดิน แต่ก็ผิดหวัง เพราะฟ้าคลุมเคลือ เมฆหนาบดบัง เลยรีบจ้ำอ้าวกลับที่พักแทน ถึงที่พักไม่ทันไร ลมพัดแรง แล้วเม็ดฝนก็หล่นกระทบเต็นท์ดังเปาะแปะ ระหว่างนี้ฉันก็บรรจงปรุงอาหารค่ำอย่างละเมียดละไม ค่อยๆ ปลอกเปลือกแตงกวา หยิบหมูสวรรค์ หมูเส้น มาโรยบนข้าวสวย ตักน้ำพริกกุ้งสดวางไว้ข้างๆ ยำไข่เค็ม แล้วกินอาหารมื้อนี้ไปพร้อมกับฟังเสียงสายฝน

.............................................................................................................
เมื่อคืนเม็ดฝนหล่น พาให้ใจชื้นว่าวันนี้น้ำตกต้องสวยโดนใจเป็นแน่ ทั้งที่ขายังเจ็บจากการเดินเยอะอยู่ หลังกินอาหารเช้า ก็ตะลอนสู่ป่า ในเส้นทางน้ำตกเพ็ญพบใหม่ เดินทีละก้าวๆ จนถึง ปรากฏว่าน้ำตกยังคงน้อยนิดเหมือนเช่นเมื่อวาน เก็บภาพไปสองสามรูป ก็กลับที่พัก นอนเอกเขนก จนเกือบเย็นถึงออกเจอโลกภายนอกอีกครั้ง ด้วยการเดินไปยังผาหมากดูก เฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งสวยสง่าสมกับที่รอคอย พลอยนึกถึงตะวันตกดินที่ผาหล่มสัก จะสวยงามขนาดไหนหนอ ไม่ทันจะวาดฝัน ลำแสงสุดท้ายของเจ้าแห่งวันก็ลับตา กลายเป็นความมืดผุดพรายขึ้นมา พร้อมกับความหนาวเย็นแห่งราตรีกาล

แล้วภูกระดึงใต้แสงดาวเคล้าลมหนาว ทำให้คนไกลถิ่นอย่างฉันเคลิ้มจนเกือบลืมบ้านเกิด แต่ความคิดไม่ทันจะเตลิดไปไหน พายุฝนก็เข้ามาทักทายเสมือนเรารู้จักกัน ไม่ใช่แค่เม็ดฝน แต่สายลมแรงกระแทกเต็นท์ดังพรึบพับ พร้อมกับความหนาวเหน็บปกคลุมทั่วภูกระดึง
แปลกจังที่ปีนี้เจอพายุฝน แต่ก็เป็นอีกอารมณ์หนึ่งของภูกระดึงที่ไม่พบเห็นมากนักในช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ คงเพราะอากาศแปรปรวนขึ้นทุกที เนื่องจากภาวะโลกร้อน นี่สะท้อนให้เห็นว่าโลกเราป่วยลงทุกวันทุกวัน ถ้าเราช่วยกันอย่างน้อยก็ยังยับยั้งอาการหนักให้บรรเทาลงได้

ที่มา http://moopeak.com/voyager/to-travel.php?article_id=121

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 
Powered by MBA